วันนี้ (3 กุมภาพันธ์ 2565) เวลา 12.00 น. คนในวงการอาชีพต่างๆ เช่น อดีตนักการทูต อดีตบรรณาธิการข่าว นักวิชาการ นักเขียน และนักธุรกิจ ทั้ง รัศม์ ชาลีจันทร์, นิธินันท์ ยอแสงรัตน์, สมชาย แซ่จิว ,อรุณวตี ฉัตรเท, ภัทรพล ฉัตรชลาวิไล และ ชวิศ อุนยโกวิท ร่วมแถลงข่าวกับพรรคเพื่อไทยในประเด็นการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคตลอดชีพ

ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุว่า “ทั้งหกท่านเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ เป็นนักการทูต นักคิด นักเขียน นักประวัติศาสตร์ นักธุรกิจ ถือว่าเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่มีบทบาทในสังคมเป็นอย่างยิ่ง ถือเป็นโชคดีของพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง”

ส.ส.นครราชสีมา กล่าวแนะนำสมาชิกใหม่ทีละคน เริ่มจาก รัศม์ ชาลีจันทร์ หรือ ‘ทูตรัศม์’ อดีตรองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ อดีตเอกอัครราชทูตไทยโมซัมบิกและคาซัคสถาน เจ้าของเพจทูตนอกแถว นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอีกหนึ่งคนที่มีบทบาทสำคัญ, นิธินันท์ ยอแสงรัตน์ อดีตบรรณาธิการอาวุโสเนชั่น อดีตคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์มติชน โดยระบุว่าตนประทับใจกับคำพูดครั้งก่อนของนิธินันท์ที่ระบุว่า “สื่อมวลชนที่ยืนเคียงข้างเผด็จการไม่อาจเรียกว่าเป็นสื่อ เพราะหลักการทำสื่อคือเสรีภาพ เมื่อมีเสรีภาพจึงได้เสียงจากมวลชนทั้งหมด”

สมาชิกใหม่ของพรรคคนที่สามคือ สมชาย แซ่จิว นักประวัติศาสตร์ที่เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์วัฒนธรรมจีน ต่อด้วย ‘กงลี่’ – อรุณวตี ฉัตรเท นักเขียนชื่อดัง, ภัทรพล ฉัตรชลาวิไล ศิลปินสื่อสิ่งพิมพ์ นักซ่อมหนังสือจากร้าน Book Clinic และ ชวิศ อุนยโกวิท นักธุรกิจด้าน IT

รัศม์ ชาลีจันทร์ กล่าวขอบคุณที่ทางพรรคต้อนรับอย่างอบอุ่น ระบุว่าทั้ง 6 คน มาจากหลากหลายอาชีพ และต้องการเข้ามามีส่วนร่วมผลักดันสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยมีผลงานที่ฝากไว้เป็นจำนวนมาก มีอุดมการณ์แน่วแน่ในการส่งเสริมประชาธิปไตย จึงพร้อมใจกันมาช่วยงานของพรรคโดยมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

นิธินันท์ ยอแสงรัตน์ อดีตบรรณาธิการข่าว ระบุว่า การเข้าร่วมครั้งนี้เป็นการแสดงออกที่จะสร้างบรรทัดฐานอย่างหนึ่งให้กับสังคมไทย ที่กำลังต้องการประชาธิปไตยอย่างยิ่ง ในห้วงเวลาที่เป็นเผด็จการ เมื่อเราสนับสนุนพรรคการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย เราสามารถจะมีส่วนร่วมได้ เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง สร้างสรรค์พรรคการเมืองที่เชื่อมั่นให้ทำประโยชน์แก่ประชาชนซึ่งเป็นหัวใจของประเทศชาติให้ดียิ่งขึ้น เพราะการอยากเห็นประเทศชาติเจริญขึ้นคือความใฝ่ฝันของทุกคน แต่ถ้าวันหนึ่งพรรคเพื่อไทยเปลี่ยนแปลงอุดมการณ์ ไม่ได้ยึดจุดยืนว่าหัวใจคือประชาชนอีกต่อไป ประชาชนก็จะเป็นผู้ตัดสินเอง

Tags: , ,