“ต้องคืนเงินหลักแสนบาท จากการกู้ยืมเงินเพียงไม่กี่หมื่นบาท จากแอปพลิเคชัน ‘สินเชื่อความสุข’ สินเชื่อนอกระบบที่ติดมากับโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ OPPO และ realme โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของโทรศัพท์” คือคำบอกเล่าผ่านคำร้องเรียนของ ‘เหยื่อ’ ผ่านไปยัง สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภค
สิ่งที่น่าสงสัยคือสินเชื่อในโทรศัพท์ 2 ยี่ห้อนี้มีความพิเศษ เพราะแอปฯ ที่ติดตั้งมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์ เป็นการติดตั้งแบบเฟิร์มแวร์ที่เจ้าของโทรศัพท์ลบเองไม่ได้ ทั้งยังทำหน้าที่ส่งโฆษณาชวนให้ไป ‘กู้’ เงินที่แถมดอกเบี้ยเกินกำหนด ที่สำคัญคือ รูปภาพ รายชื่อผู้ติดต่อในโทรศัพท์จะถูกดูดเข้าไปในแอปฯ นี้
Fineasy-สินเชื่อความสุข มีพฤติการณ์ผิดกฎหมายอย่างไร มีความเกี่ยวข้องกับผู้ผลิตโทรศัพท์หรือตัวแทนผู้จำหน่ายมือถือหรือไม่ ผู้บริโภคมีความหวังกับการเอาผิดไหม ในเมื่อผู้ผลิตมีต้นทางอยู่ต่างประเทศ
สารีเริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงพฤติการณ์ของแอปฯ สินเชื่อนอกระบบ สินเชื่อความสุข และบริการสินเชื่อนอกระบบที่สอดไส้อยู่ภายในแอปฯ Fineasy ที่ทางบริษัท โพสเซฟี่ กรุ๊ป จำกัด ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ OPPO ระบุว่า เป็นแอปฯ สำหรับอำนวยความสะดวกของผู้ใช้งานว่า มีลักษณะการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายไทยกำหนด และไม่มีสัญญาให้ผู้กู้เงินเกิน 2,000 บาทขึ้นไปตามกฎหมาย
“แอปฯ เรียกดอกเบี้ยจากผู้กู้เงินเกินร้อยละ 15 ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ยกตัวอย่างเวลาเราไปกู้เงิน 5,000 บาท แต่เราจะได้เงินจากเขาแค่ 3,500 บาท เพราะเขาหักดอกเบี้ยของเราออกไปแล้ว 1,500 บาท และจำนวนนี้แน่นอนว่าเกินร้อยละ 15 ที่กฎหมายกำหนด ขณะเดียวกันการกู้เงินเกิน 2,000 บาทขึ้นไป จำเป็นต้องมีสัญญาที่ลงรายละเอียดว่า ผู้กู้จะต้องคืนเงินอย่างไรด้วย”
ที่น่าจะผิดกฎหมายอย่างชัดเจนคือ ‘การขออนุญาต’ ประกอบกิจการสินเชื่อของสินเชื่อความสุขและ Fineasy ซึ่งตรวจสอบแล้วพบว่า การให้บริการสินเชื่อของ 2 แอปฯ นี้ไม่ได้ขออนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งจะเป็นประตูให้ผู้ให้บริการสินเชื่อที่ได้รับอนุญาตสามารถคิดดอกเบี้ยได้ถึงร้อยละ 36 ขณะที่การขออนุญาตกับกระทรวงการคลัง อีกหน่วยงานที่สามารถให้อนุญาตการบริการสินเชื่อได้ ยังคงไม่ชัดเจน
แต่สำหรับสารีมองว่า ไม่มีทางที่กระทรวงการคลังจะอนุญาตให้ 2 แอปฯ ให้บริการสินเชื่อได้
“การปล่อยสินเชื่อในรูปแบบที่จะต้องไปขออนุญาตกับกระทรวงการคลัง น่าจะต้องเป็นบริการสินเชื่อระดับจังหวัด ซึ่งไม่สามารถให้บริการกู้ยืมสินเชื่อในรูปแบบออนไลน์ที่ให้บริการทั้งประเทศได้ เราจึงค่อนข้างมั่นใจว่า นอกจากแอปฯ สินเชื่อความสุขและ Fineasy จะไม่ได้ขออนุญาตการให้บริการกู้สินเชื่อจากธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว อาจจะไม่ได้ขออนุญาตกระทรวงการคลังด้วย”
การเริ่มต้นทำงานของแอปฯ สินเชื่อที่กำลังเป็นประเด็น ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีและโทรศัพท์มือถือแอนดรอยด์ต่างออกมาให้ข้อมูลว่า เกิดจากการ ‘กด’ เข้าไปภายในแอปฯ ซึ่งจะนำไปสู่การขอความยินยอมให้เข้าถึงระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์ เช่น ปฏิทิน กล้องถ่ายภาพ รวมถึงรายชื่อผู้ติดต่อที่บันทึกไว้ในเครื่อง
อย่างไรก็ตามการที่เจ้าของโทรศัพท์มือถือ ‘ยินยอม’ ให้แอปฯ เข้าถึงข้อมูลส่วนตัว ไม่ได้แปลว่าผู้ให้บริการสินเชื่อจะนำข้อมูลส่วนตัวไปใช้ในทางใดก็ได้
“ถึงเราจะอนุญาตให้เขาเข้าถึงข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นเบอร์ญาติพี่น้อง แต่เขาไม่มีสิทธิโทรไปตามเบอร์นี้เพื่อทวงหนี้ ถือว่าผิดพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ปี 2558”
หากว่าตามพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558 หมวดที่ 1 มาตรา 8 ระบุว่า ห้ามผู้ทวงถามหนี้ติดต่อกับบุคคลอื่นซึ่งมิใช่ลูกหนี้เพื่อการทวงถามหนี้ เว้นแต่บุคคลซึ่งลูกหนี้ระบุไว้เพื่อการดังกล่าว
และเพิ่มเติมว่า การติดต่อกับบุคคลอื่นนอกจากบุคคลตามวรรคหนึ่ง ให้กระทำได้เพื่อวัตถุประสงค์ในการสอบถามหรือยืนยันข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ติดต่อกับลูกหนี้ หรือบุคคลซึ่งลูกหนี้ได้ระบุไว้เพื่อการทวงถามหนี้เท่านั้น
แต่ข้อมูลที่พบระบุว่า แอปฯ สินเชื่อกู้เงินเถื่อนมีการเก็บเอาข้อมูลส่วนตัว ทั้งเบอร์โทรศัพท์ บัตรประชาชน รวมทั้งรายชื่อผู้ติดต่อในโทรศัพท์มือถือ มีการส่งข้อความหรือโทรตามรายชื่อผู้ติดต่อเพื่อประจานผู้กู้เงิน กระทั่งคุกคาม ข่มขู่ เมื่อทวงเงินไม่ได้
“แอปฯ สินเชื่อความสุขมีเบอร์โทรศัพท์ของผู้กู้และรายชื่อติดต่อในโทรศัพท์ มีการโทรไปทวงหนี้ให้อับอาย เคยมีคนที่มาร้องเรียนกับสภาองค์กรของผู้บริโภคแล้วเขาเล่าว่า คนทั้งสำนักงานต้องช่วยให้เขาหลุดออกจากวงจรนี้ แต่ก็นับว่าโชคดีที่ไม่มีใครเจอเรื่องนี้ถึงขั้นต้องผูกคอตาย” สารีระบุ
ประเด็นสำคัญที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือสรุปแล้ว ทำไมแอปฯ กู้เงินจึงถูกฝังมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์มือถือ OPPO และ realme ในลักษณะของการติดตั้งไว้ล่วงหน้า (Pre-installed Application) ก่อนขายให้กับลูกค้า เรื่องนี้สารีสันนิษฐานว่า ทางผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และแอปฯ กู้ยืมสินเชื่อเถื่อนอาจมีความสัมพันธ์เบื้องหลัง ซึ่งสิ่งนี้สามารถประเมินได้จากท่าที ‘ไม่ยอมเปิดเผย’ เจ้าของแอปฯ ของตัวแทนจำหน่ายด้วย
“ขณะนี้ทางผู้จัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือและผู้ผลิตมือถือทั้ง 2 ยี่ห้อ ยังไม่ยอมเปิดเผยว่า ผู้ให้บริการแอปฯ สินเชื่อกู้เงินนี้เป็นใคร และดูเหมือนพวกเขาจะปกป้องกันมากๆ”
สิ่งที่น่าสนใจคือ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ผลิตโทรศัพท์และผู้จัดจำหน่ายกับแอปฯ กู้เงินเถื่อนที่สารีกล่าวไว้อย่างหนักแน่นว่า “ดิฉันเชื่อว่า ต้องมีการทำสัญญากันระหว่างแอปฯ กู้เงินเถื่อนกับบริษัทผู้ผลิตมือถือ” ซึ่งผู้ที่จะให้ข้อมูลก็คือบริษัทเหล่านั้น มิเช่นนั้นก็สามารถนับรวมได้ว่า บริษัทผู้ผลิตมือถืออาจเป็นตัวการร่วมในปัญหาสินเชื่อเถื่อนนี้เช่นกัน
สิ่งที่เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภคมองว่าประหลาด คือเรื่องที่ดูง่าย แต่เมื่อทำจริงนั้นดูยากสำหรับตัวแทนผู้จำหน่ายโทรศัพท์มือถือ OPPO และ realme คือการถอดถอนแอปฯ สินเชื่อกู้เงินเถื่อนออกจากโทรศัพท์มือถือทุกรุ่นที่สารีมองว่า เหมือนกับรอให้เจ้าของแอปฯ กับผู้ผลิตหรือบริษัทตัวแทนจำหน่ายมือถือต้อง ‘เคลียร์’ กันก่อน
“ตัวเราเองยังประหลาดใจกับคำตอบของตัวแทนจำหน่ายว่า เขาต้องสอบถามไปยังผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือ OPPO และ realme เพื่อเอาแอปฯ นี้ออก ทั้งที่แอปฯ นี้ละเมิดสิทธิผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่าย คุณต้องจัดการแอปฯ ให้กับผู้บริโภค หรือเพราะต้องรอการต่อรอง ล็อบบี้ เคลียร์กับทางนั้นก่อนแบบนั้นหรือเปล่า
“แต่เราคาดการณ์ว่า ไม่น่าจะมีการติดตั้งแอปฯ มาตั้งแต่โรงงานที่ผลิตโทรศัพท์ เพราะทางบริษัทต้องผลิตออกมาเป็นจำนวนมากและไม่ได้ส่งขายแค่ที่ไทย จึงมีความสงสัยว่า ทำไมแอปฯ นี้จึงเจาะจงที่จะให้คนไทยกู้เงิน”
เลขาธิการสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภคยังเปิดว่า จากการสอบถามข้อมูลเครือข่ายผู้บริโภคในประเทศอาเซียนพบว่า มีบางประเทศพบเจอปัญหาลักษณะคล้ายคลึงกับประเทศไทย อย่างเช่นที่ประเทศอินโดนีเซีย ทว่ายังคงต้องทำการตรวจสอบเพิ่มเติมและรอคำยืนยันจากประเทศต้นทาง
ข้อมูลที่เพิ่มเติมจากทีมผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีของสภาองค์กรของผู้บริโภคคือ การโอนย้ายข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือ OPPO และ realme ในรุ่นที่มีแอปฯ สินเชื่อความสุขและ Fineasy ไปยังโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่ไม่ใช่ 2 ยี่ห้อดังกล่าว แอปฯ สินเชื่อเถื่อนอาจจะตามไปอยู่ในโทรศัพท์เครื่องใหม่ได้เช่นกัน
แต่ปัญหาแอปฯ สินเชื่อเถื่อนที่กำลังเป็นประเด็นอยู่นี้จะไม่เกิดขึ้นเลย หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีระบบการตรวจสอบสินค้าที่จะนำเข้ามาให้กับผู้บริโภคในประเทศ สารีระบุว่า โดยปกติแล้วคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะทำการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือที่จะนำเข้ามาจำหน่ายให้กับผู้บริโภคในประเทศไทยในด้าน ผลกระทบต่อสุขภาพต่อผู้บริโภค แต่ไม่มีการตรวจสอบระบบปฏิบัติการหรือแอปฯ ในมือถือ
“เดิม กสทช.มีการตรวจสอบผลต่อสุขอนามัยของผู้บริโภค ดูกำลังส่งของคลื่นว่าจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภคไหม จริงๆ กสทช.ต้องตอบเรื่องนี้ ก็ยังไม่เห็นตอบว่า ต่อไปนี้ กสทช. ต้องดูซอฟต์แวร์ด้วยหรือไม่ ไม่ใช่ดูเฉพาะฮาร์ดแวร์ รวมถึงลักษณะการตรวจยังเป็นการสุ่มตรวจ ไม่ได้ตรวจแบบเป็นระบบ
“ด้วยอำนาจหน้าที่ตามประกาศของ กสทช.ก็ชัดเจนว่า กสทช.มีหน้าที่ดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภค ซึ่ง กสทช.ต้องไปดูว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันขัดต่อประกาศนี้ จึงมีคำสั่งห้ามจำหน่ายเพิ่มจนกว่าจะจัดการแอปฯ นี้ได้ ดังนั้นก็ต้องอาศัยประกาศเหล่านี้ของ กสทช.เอง แต่ว่าแค่การห้ามจำหน่ายนั้นเพียงพอไหม อันนี้เป็นเรื่องที่ กสทช.ต้องตอบคำถามกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาในอดีต”
อนึ่งใครเป็นผู้คุ้มครองและดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภคของผู้ผลิต หรือตัวแทนผู้จัดจำหน่ายของโทรศัพท์มือถือทั้ง 2 ยี่ห้อ เรื่องนี้ยังคงเป็นปริศนา แต่โดยหลักแล้วทุกองค์กร หน่วยงานที่ทำงานกับข้อมูลส่วนบุคคลนั้น จะต้องมีตำแหน่ง ‘ผู้ดูแลข้อมูลส่วนบุคคล’ ร่วมด้วย
“หน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานอื่นๆ ต้องมีคนที่จะต้องดูแลข้อมูลส่วนบุคคล หากหน่วยงานนั้นๆ มีการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล แม้กระทั่งสภาองค์กรผู้บริโภคเอง
“ในเมื่อสุดท้ายแล้ว หากว่า OPPO และ realme กระทำผิดตามกฎหมายของประเทศไทยจริงกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ‘ความหวัง’ ในการเอาผิดกับผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือรายใหญ่จากจีนมีมากน้อยขนาดไหน ผู้เขียนถามไปยังสารี
“ก็ต้องดูว่า เขาได้จดทะเบียนนิติบุคคลในประเทศไทยหรือไม่ เราต้องไปดูข้อเท็จจริงตรงนี้เช่นเดียวกัน หากพูดถึงการดำเนินการทางกฎหมายกับบริษัทผู้ผลิตในตอนนี้ก็จะเร็วไป ขณะนี้สภาองค์กรของผู้บริโภคมี MOU กับเครือข่ายผู้บริโภคในฮ่องกง หากว่าบริษัทดังกล่าวไปจดทะเบียนที่ฮ่องกง เราอาจจะขอให้ทางฮ่องกงจัดการเรื่องนี้ให้เรา
“สภาองค์กรของผู้บริโภคประเทศไทยทำความร่วมมือกับสภาผู้บริโภคฮ่องกง เราช่วยเหลือคนไทยที่ไปซื้อของที่ฮ่องกงและเจอปัญหา ขณะเดียวกันสมมุติว่า คนฮ่องกงมาซื้อคอนโดมิเนียมที่ไทยแล้วเขาเจอปัญหา เราก็ต้องช่วยคนฮ่องกงเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องแลกเปลี่ยนทำงานช่วยเหลือผู้บริโภคข้ามแดนกัน” สารีระบุ
อ้างอิง
https://www.studentloan.or.th/th/system/files/files/knowledge/05.pdf
https://www.senate.go.th/assets/portals/93/fileups/253/files/Analysis/65/05_65.PDF
Tags: OPPO, เงินกู้, realme, สภาองค์กรของผู้บริโภค, Fineasy, แอปพลิเคชันเงินกู้, สารี อ๋องสมหวัง