เมื่อวานนี้ (19 มิถุนายน 2023) อัลจาซีรา (Al Jazeera) รายงานถึงการเสียชีวิตของประชากรอินเดียทางตอนเหนือถึง 170 ราย เพราะอากาศอันร้อนระอุเหนือเกินความคาดหมาย 

ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มผู้สูงวัยอายุ 60 ปีขึ้นไป มีโรคประจำตัวแทรกซ้อน และมาจากรัฐที่มีประชากรแน่นหนาที่สุด 2 แห่ง ได้แก่ รัฐอุตตรประเทศ (Uttar Pradesh) มีผู้เสียชีวิต 117 ราย และรัฐพิหาร (Bihar) อีก 47 ราย 

ขณะที่เจ้าหน้าที่ระบุว่า โรงพยาบาลมีผู้ป่วยล้นหลาม เช่น โรงพยาบาลใหญ่ในเขตบัลเลีย (Ballia) อุตตรประเทศ ไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้อีกต่อไป และห้องเก็บศพเต็มไปด้วยผู้เสียชีวิต 54 ราย อีกทั้งไฟฟ้ายังดับเป็นประจำ ทำให้เพิ่มความยากลำบากในการทำงาน 

ภูมิภาคอินเดียเหนือขึ้นชื่อเรื่องอากาศร้อนอบอ้าว ราวกับอยู่ในนรกในช่วงฤดูร้อนของประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน ก่อนที่ฤดูฝนจะเข้าแทรก อุณหภูมิก็ควรจะเย็นลงตามสภาพอากาศ อย่างไรก็ตาม คลื่นความร้อนยังไม่มีวี่แววลดลงเสียที และดูเหมือนว่า ความรุนแรงดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี

กรมอุตุนิยมวิทยาของอินเดีย (Indian Meteorological Department: IMD) คาดการณ์อุณหภูมิต่อวันถึง 43.5 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงเกินกว่าตัวเลขอุณหภูมิปกติ รวมถึงประกาศเตือนภัยเฝ้าระวังในช่วงสัปดาห์ก่อนในบางรัฐของประเทศ โดยเฉพาะอุตตรประเทศและพิหาร 

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีประกาศเตือนภัยจากกรมอุตุนิยมวิทยา แต่รัฐบาลยังคงไม่ได้ประกาศให้ประชาชนเตรียมความพร้อมรับมือต่อคลื่นความร้อนจนถึงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ท่ามกลางจำนวนการเสียชีวิตของผู้คนที่กำลังเพิ่มเรื่อยๆ

การดำเนินงานที่หละหลวมยังเกิดขึ้นกับเขตบัลเลีย หลังทางการปฏิเสธสาเหตุการตายของผู้คน รวมถึงไล่ ธิวาการ ซิงห์ (Diwakar Singh) หัวหน้าเจ้าหน้าที่แพทย์ประจำเขตบัลเลีย หลังยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตของผู้คนเกิดจากอากาศร้อน

“ผู้สูงอายุเปราะบางต่ออากาศร้อนมาก” ซิงห์แถลงการณ์ก่อนจะโดนไล่ออก

“การเสียชีวิตเกิดขึ้นในบัลเลีย แต่ยากที่จะพูดว่า สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะอากาศร้อน” รวินดรา กุมาร (Ravindra Kumar) เจ้าหน้าที่การปกครองของเขตบัลเลียออกมาปฏิเสธกับรอยเตอร์ (Reuters) โดยไม่ได้ยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิต

“ผมกำลังดูสถานการณ์อยู่ และพวกเราก็ติดต่อกับรัฐบาลของรัฐเพื่อจะตรวจสอบคลื่นความร้อน” ปราเยศ ปฏัก (Brajesh Pathak) รองมุขมนตรีของอุตตรประเทศ แถลงในทวิตเตอร์ หลังซิงห์ถูกปลดจากตำแหน่ง เขาให้เหตุผลว่า เป็นเพราะนายแพทย์ให้คำตอบอย่างไร้ความรับผิดชอบ

เพราะไฟฟ้าไม่พอใช้ น้ำขาดแคลน สถานการณ์จึงวุ่นวายกว่าเดิมท่ามกลางอากาศร้อนเหมือนซ้อมตกนรก

ลำพังอากาศที่ร้อนเหมือนตกนรกก็สร้างปัญหาให้ผู้คนเพียงพออยู่แล้ว แต่ที่ร้ายแรงกว่านั้น เพราะอินเดียขาดแคลนไฟฟ้า ความคิดที่ว่าต้องเปิดแอร์เย็นๆ เพื่อดับร้อน จึงกลายเป็นสิ่งที่ห่างไกลตัวมาก 

ผู้คนในนิวเดลีใช้น้ำบำบัดความร้อน (ที่มา: Reuters)

อีกทั้งอินเดียยังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอย่างมากในช่วงที่คลื่นความร้อนรุนแรง มีรายงานว่า ผู้คนอย่างน้อย 1.4 ล้านคน ต้องเผชิญกับสภาวะดังกล่าว

โยคี อาทิตยนาถ (Yogi Adityanath) มุขมนตรีแห่งอุตตรประเทศ แถลงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า รัฐบาลกำลังดำเนินการเพื่อให้มั่นใจว่า การใช้ไฟฟ้าจะไม่มีความติดขัดและเป็นไปได้อย่างสะดวก รวมถึงเขายังขอความร่วมให้ประชาชนช่วยรัฐบาลด้วยการใช้ไฟฟ้าอย่างรอบคอบ

“ทุกย่านและเมืองควรได้รับพลังงานที่เพียงพอในอากาศอันร้อนระอุ หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้ควรได้รับการแก้ไข” มุขมนตรีแห่งอุตตรประเทศแถลงในวันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน 2023 

ผลกระทบนี้ส่งผลโดยตรงต่อย่านโรงพยาบาลในบัลเลีย ภาพเดิมๆ จากโรคระบาดโควิด-19 กลับมาอีกครั้ง เพราะแพทย์ต้องทำงานอย่างหนัก ขณะที่ผู้ป่วยจำนวนมากต้องการรับการรักษา มีรายงานจากนิวส์เอเจนซี (News Agency) ว่า ตามทางเดินเต็มไปด้วยกลิ่นปัสสาวะ ขยะจากผู้คน และขยะทางการแพทย์ ตามผนังเปรอะเปื้อนไปด้วยใบพลู

“บุคลากรทางการแพทย์ทำงานที่นี่มาเป็นเวลา 3 วันแล้ว นี่คือการทำงานเกินเวลาชัดๆ” อาทิตยา ซิงห์ (Aditya Singh) นายแพทย์ประจำแผนกฉุกเฉิน อธิบาย

เคราะห์ร้ายยิ่งโหมกระหน่ำต่อบุคลากรทางการแพทย์ เพราะโรงพยาบาลไม่มีแอร์เพื่อดับความร้อน เจ้าหน้าที่ต้องคลายความร้อนให้กับผู้ป่วย ด้วยการนำหนังสือมาพัด และเช็ดเหงื่อเพื่อให้ร่างกายเย็นลง ยังไม่รวมชีวิตของสัปเหร่อหรือผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายอีกส่วนหนึ่ง พวกเขาต้องเผชิญชะตากรรมจากวิกฤตนี้เช่นเดียวกัน

“ผู้คนมากมายตายจากความร้อน จนเราไม่มีเวลาพักผ่อนแม้แต่นาทีเดียว ผมบรรทุกศพถึง 26 ศพ แค่เฉพาะในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา” ชิเทนดรา กุมาร ยาดาฟ (Jitendra Kumar Yadav) พนักงานขับรถบรรทุกศพระบายทุกข์กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ขณะเดียวกัน ประชาชนในบัลเลียกล่าวกับสำนักข่าวเอพี (AP) ว่า พวกเขากลัวที่จะออกไปข้างนอกหลังเที่ยง ส่วนใหญ่จึงหลบภัยความร้อนอยู่ในบ้าน

ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสภาพอากาศกล่าวว่า คลื่นความร้อนอันโหดร้ายจะยังคงดำเนินต่อไป และอินเดียต้องเตรียมรับมือกับผลที่ตามมาให้ดีกว่านี้ 

อ้างอิงจากการศึกษา World Weather Attribution กลุ่มนักวิชาการผู้ตรวจสอบที่มาของคลื่นความร้อน พวกเขาพบว่าปัญหาเหล่านี้ที่เกิดขึ้นในเดือนเมษายนจนกระทบพื้นที่บางส่วนของเอเชียใต้ ส่งผลเพราะปัญหาสภาวะโลกรวน (Climate Change) มากกว่า 30 ครั้ง

“แผนการรับมือต่อคลื่นความร้อนมีความสำคัญต่อการลดปัญหา และรักษาชีวิตผู้คน การรับมือเหล่านี้ควรควบรวมวิธีอื่นๆ ที่จะจัดการต่อปัญหาคลื่นความร้อนร่วมกัน เช่น การสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้คน การจัดทำห้องความเย็นสำหรับหลบภัย หรือสถานรักษาพยาบาล” อาทิตยา วาเลียธาน พิลไล (Aditya Valiathan Pillai) นักวิชาการประจำ Centre for Policy Research ให้ความเห็นกับภัยความร้อนที่เกิดขึ้น

 

อ้างอิง

https://www.aljazeera.com/news/2023/6/19/carried-26-bodies-more-deaths-in-north-india-amid-extreme-heat

https://www.aljazeera.com/news/2023/6/17/dozens-die-as-northern-india-swelters-under-heatwave

Tags: , , , , , , , , ,