วันนี้ (14 ตุลาคม 2568) ที่อาคารรัฐสภา นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา (สว.) อภิปรายในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยวิพากษ์ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับของพรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย ชี้ว่ามีเพียง 2 ร่างที่ยึดโยงกับประชาชน ทั้งยังตั้งคำถามว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคภูมิใจไทยจะนำไปสู่การได้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) และรัฐธรรมนูญฉบับสีน้ำเงินหรือไม่ 

นันทนาระบุว่า ในวันเดียวกันนี้เมื่อปี 2516 มีวีรชนออกมาเรียกร้องรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย ตนจึงขอสดุดีแก่วีรชนเหล่านั้น แต่ในวันนี้การต่อสู้เพื่อให้รัฐธรรมนูญเป็นฉบับของประชาชน ไม่ใช่ฉบับที่นิติบริกรยัดเยียดหรือฉบับที่มีการวางกลเม็ด เพื่อปล้นประชาธิปไตยไปจากประชาชนยังคงยืนอยู่ที่เดิม ดังนั้นหากวิญญาณของวีรชน 14 ตุลาคม 2516 ยังคงอยู่ ขอให้ปัดเป่าเหล่ามารร้ายทายาทอสูร ซากเดนเผด็จการออกจากรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนด้วย 

สว.กล่าวต่อว่า ในวันนี้แม้มีร่างรัฐธรรมนูญเข้ารัฐสภาทั้งสิ้น 3 ฉบับ แต่ส่วนตัวเห็นว่า มีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียง 2 ร่างเท่านั้นที่ให้อำนาจกับประชาชน คือร่างของพรรคเพื่อไทยและร่างของพรรคประชาชน ซึ่งเปิดให้ประชาชนเลือก สสร.และให้รัฐสภาเป็นผู้คัดกรองในขั้นตอนสุดท้าย ทั้งนี้แม้ตนอยากให้ประชาชนเลือก สสร.โดยตรง แต่ไม่มีพรรคการเมืองใดกล้าทำ ฉะนั้นจึงถือว่าร่างรัฐธรรมนูญของทั้ง 2 พรรคการเมืองที่กล่าวไปยึดโยงกับประชาชนมากที่สุดแล้ว 

ทั้งนี้สำหรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเปิดให้ประชาชนสมัครเป็น สสร.และให้สมาชิกรัฐสภาเลือกทั้งหมดนั้นมองว่า เป็นร่างรัฐธรรมนูญที่ประเมินประชาชนต่ำไปมาก เนื่องจากไม่เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมใดๆ โดยเป็นที่รู้กันว่า สว.ที่พัวพันในคดีฟอกเงินมีมากกว่า 1 ใน 3 ของจำนวน สว.ทั้งหมด เมื่อรวมกับจำนวน สส.ฝั่งรัฐบาลก็มากพอจะกำหนด สสร.ทั้งหมดได้  จึงตั้งคำถามว่า ประเทศไทยจะได้ สสร.และรัฐธรรมนูญฉบับสีน้ำเงินหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้น ตนไม่สามารถรับร่างรัฐธรรมนูญที่ ‘ไม่เห็นหัวประชาชน’ ฉบับดังกล่าวได้

“แม้ดิฉันจะเห็นด้วยกับร่างของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน แต่ดิฉันมีข้อเสนอแนะที่จะนำไปสู่การแปรญัตติให้ได้ สสร.และรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยสูงสุด ประการแรกเราต้องทำให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นของประชาชน ดังนั้นในร่างของ สส.พริษฐ์ วัชรสินธุ ที่ใช้ชื่อว่า สภาที่ปรึกษาการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่ตรงกับบทบาท ไม่มีพลัง ไม่ขลัง ไม่ศักดิ์สิทธิ์ เราควรใช้ชื่อสภาร่างรัฐธรรมนูญให้ชัดๆ ไปเลย”

สำหรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของพรรคเพื่อไทย นันทนาเสนอแนะว่า การกำหนดสัดส่วนตัวแทนที่เลือกโดยประชาชน 3 ต่อ 1 กล่าวคือ ประชาชนเลือกเข้ามา 300 คน แต่ให้รัฐสภาเลือกมา 100 คน เห็นว่า หากเปลี่ยนเป็นสัดส่วน 2 ต่อ 1 จะเข้าใกล้เจตนารมณ์มากยิ่งขึ้น และต้องมีการเปิดเวทีรับฟังประชาชนอย่างกว้างขวาง เพื่อนำเอาความคิดเห็นของประชาชนมาประกอบการพิจารณายกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มากที่สุดในทุกประเด็น 

“ประการสำคัญที่สุดที่แม้ไม่ได้อยู่ในคำแก้ไขทั้ง 3 ร่างนี้ก็คือ เรื่องของคำถามประชามติเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ที่อาจจะบิดเบือนเจตจำนงของผู้ลงประชามติได้ ดังตัวอย่างคำถามพ่วงในการทำประชามติเมื่อปี 2559 ที่สร้างความสับสนให้กับประชาชนด้วยคำว่า ให้ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคล ซึ่งสมควรได้รับการเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี คำถามแบบสตรอว์ หมกเม็ด ซ่อนเงื่อน ชี้นำเช่นนี้ ไม่ควรนำมาใช้ในการทำประชามติ”

นันทนาจึงเสนอให้ตั้งคำถามประชามติ ดังนี้ 

  1. ท่านเห็นด้วยที่จะให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ 

  2. ท่านเห็นด้วยที่จะให้มี สสร.ตามข้อเสนอของรัฐสภาหรือไม่ 

“ดิฉันหวังว่าการแก้รัฐธรรมนูญในครั้งนี้จะเป็นวาระแห่งชาติ ขอย้ำนะคะ ชาตินี้ค่ะ ที่รัฐบาลจะมีความจริงใจในการที่จะผลักดันให้มีการทำประชามติอย่างเสรีและเป็นธรรม เพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นประชาธิปไตย พิทักษ์สิทธิเสรีภาพ และอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง” นันทนากล่าวทิ้งท้าย 

Tags: