วันนี้ (29 มีนาคม 2565) ที่พรรคก้าวไกล ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงข่าวภายหลังมีผู้ร้องเรียนกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าพรรคก้าวไกล มีการกระทำเข้าข่ายเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 92 (2) ของ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง โดยหากเข้าข่ายจริง กกต. สามารถยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญสามารถสั่งยุบพรรคได้ หากมีข้อเท็จจริง และมีการกระทำอันเชื่อได้ว่ามีการกระทำดังกล่าวจริง 

ทั้งนี้ ชัยธวัช ระบุว่า เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา คณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริง ของ กกต. ได้ทำหนังสือถึง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงที่ถูกร้อง และเชิญไปให้ถ้อยคำวันนี้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพิธา ติดเชื้อโควิด จึงได้แจ้งเลื่อนการให้ถ้อยคำออกไปก่อน และจะไปให้ถ้อยคำโดยเร็ว 

ขณะเดียวกัน คณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริง กกต. ได้ระบุถึงเนื้อหาการอภิปรายงบประมาณรายจ่ายงบประมาณส่วนราชการในพระองค์ ของเบญจา แสงจันทร์ ส.ส. พรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2564 รวมถึงยังระบุถึงการนำเอาข้อมูลการอภิปราย ไปเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก และเว็บไซต์ของพรรคก้าวไกลอาจเข้าข่ายการกระทำดังกล่าว แต่คณะกรรมกลับไม่ได้ระบุชัดเจนว่า ข้อความหรือการกระทำใด เข้าข่ายเป็นการกระทำอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

“พรรคก้าวไกลจึงเห็นว่า การแจ้งข้อเท็จจริง เพื่อให้พรรคก้าวไกล โต้แย้งและแสดงหลักฐานว่าไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกร้อง จึงมีแต่ความคลุมเครือ ไม่ชัดเจนแน่นอน ทั้งที่ข้อกล่าวหานั้นร้ายแรงถึงขั้นยุบพรรคได้”

นอกจากนี้ ชัยธวัช ยังยืนยันว่า การตรวจสอบงบประมาณส่วนราชการในพระองค์ เป็นการทำหน้าที่ตามปกติ ที่ ส.ส. พึงกระทำ ในการตรวจสอบ และเสนอแนะ เพื่อทำให้การจัดสรรงบประมาณทุกหมวด ทุกกระทรวง ทุกหน่วยรับงบประมาณ ที่มาจากภาษีประชาชน มีความโปร่งใส เหมาะสม และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนผู้เป็นเจ้าของอธิปไตยมากที่สุด

“เรามั่นใจว่าการกระทำของ ส.ส. พรรคก้าวไกล ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อย่างที่ถูกกล่าวหา และไม่ได้เป็นเหตุอันชอบธรรมที่นำไปสู่การยุบพรรคได้ การกระทำของ ส.ส.พรรคก้าวไกล มีแต่จะทำให้ผลประโยชน์และอำนาจสูงสุด และอำนาจสูงสุดของประชาชน ปรากฏเป็นจริงผ่านระบบรัฐสภา ตามหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย ทั้งจะยังสนับสนุนให้สถาบันพระมหากษัตริย์ ดำรงอยู่อย่างสอดคล้องกับสังคมประชาธิปไตย มีพระราชสถานะ เป็นที่เคารพสักการะดังเช่นนานาอารยะประเทศ ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ใต้รัฐธรรมนูญ”

ขณะที่ เบญจา แสงจันทร์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า กระบวนการพิจารณางบประมาณ และหน้าที่อนุมัติงบประมาณรายจ่าย เป็นหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ และการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี เป็นขั้นตอนปกติ ที่ ส.ส. จะตรวจสอบ แก้ไข และปรับปรุง ให้เหมาะกับสถานการณ์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน เป็นการอภิปรายตามรายการ โครงการ ตามชื่อหน่วยงานรับงบประมาณ ที่ปรากฏในเอกสารทั้งสิ้น 

“เมื่อส่วนราชการทุกหน่วย ขอจัดสรรงบประมาณเข้ามา ถ้าเรามีจิตใจที่เป็นธรรม แล้วตัดชื่อหน่วยงานออกไป โดยไม่ได้สนใจชื่อหน่วยงานรับงบประมาณเลย แต่มีหน่วยงานรับงบประมาณ ที่ขอจัดสรรงบประมาณเข้ามา แล้วให้เหตุผล ตัวเลขเพิ่มขึ้น และลดลงของหน่วยงานไม่ได้เลย ไม่มีเอกสารจัดสรรขอการจัดสรรงบประมาณ เลย ดิฉันเชื่อโดยสนิทใจว่าถ้าเราเห็นงบประมาณที่จัดสรรโดยไม่เหมาะสมเช่นนี้ เราก็คงต้องทำหน้าที่เสนอตัดงบโดยสมควรแน่นอนเช่นกัน

“หลังจากอภิปรายงบฯ ครั้งนั้น จบลง ปฏิเสธไม่ได้ว่าในทุกหนแห่งที่พบพี่น้องประชาชน ทุกคนต่างตอบรับ ชื่นชม และให้กำลังใจพรรคก้าวไกล และเห็นด้วยกับการอภิปรายงบราชการในพระองค์ของพรรค และให้ดิฉันตรวจสอบต่อไป”

ส่วนกรณี ที่ กกต. ให้ไปชี้แจง เบญจา ระบุว่า มีความมั่นใจ และจะยังคงตรวจสอบงบประมาณต่อไป รวมถึงจะยัง ยืนหยัด ยืดอก ตัวตรง กับผู้มีอำนาจ เพื่อเรียกหาศรัทธา และเรียกความเชื่อมั่นให้กับสภาผู้แทนราษฎร ว่าจะเป็นพื้นที่ และเป็นฐานที่มั่นสุดท้าย ในการรักษาผลประโยชน์ให้กับประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง

ด้าน รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า เรื่องดังกล่าว คือการทำให้ ส.ส. ไม่สามารถทำหน้าที่อย่างที่ควรจะเป็นได้ และการที่มีหน่วยงานราชการ ของบประมาณจากภาษีประชาชน เรื่องดังกล่าว มีความจำเป็นต้องพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรอยู่แล้ว ทั้งนี้ การอภิปราย และให้ความเห็นว่าควรปรับลดงบประมาณอย่างไร คืออำนาจที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมี หากกรณีนี้ไม่สามารถทำได้ ก็ไม่มั่นใจว่าจะมี ส.ส ไว้ทำไม เพราะสุดท้าย การตัดลดงบฯประมาณจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะโดนร้อง โดนดำเนินคดี จนถึงที่สุด จะนำไปสู่การยุบพรรค และยังเห็นว่า เรื่องนี้ ทั้งผู้ที่ร้องไปยัง กกต. และผู้ที่กำกับการร้องครั้งนี้ การพยายามสร้างความกลัว ไปยัง ส.ส. ทุกคน ซึ่งพรรคก้าวไกลยืนยันว่าจะไม่ยอมให้เกิดความกลัวนี้อีกต่อไป

ภาพ: พรรคก้าวไกล

Tags: , , , ,