เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ฟรานเซส เฮาเกน (Frances Haugen) อดีตพนักงานของเฟซบุ๊กออกมาแฉถึงพฤติกรรมอันเลวร้ายของเฟซบุ๊กว่าพวกเขาเลือกจะสร้างประสิทธิภาพ และกำไรจากแพลตฟอร์มของตัวเองถึงขั้นยอมใช้อัลกอริทึมส่งเสริมถ้อยคำแสดงความเกลียดชัง (Hate Speech) ซึ่งแพลตฟอร์มอินสตาแกรมที่เฟซบุ๊กเป็นเจ้าของอยู่ก็ถูกแฉเช่นกันว่า อินสตาแกรมนั้นส่งผลเสียต่อภาวะสุขภาพจิตของกลุ่มวัยรุ่น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นหญิงที่เกิดความคิดจะฆ่าตัวตายมากขึ้น 13.5% และเกิดพฤติกรรมการบริโภคอาหารผิดปกติเพิ่มขึ้น
แต่อินสตาแกรมก็ไม่ได้นิ่งดูดาย โดยพวกเขาได้ออกมาประกาศว่าพวกเขากำลังทำงานเพื่อพัฒนา และจะเปิดตัวมาตรการใหม่เพื่อป้องกันไม่ให้วัยรุ่นทำการเสพเนื้อหาคอนเทนต์ที่เป็นอันตราย และกระตุ้นให้พวกเขาหยุดพักจากแพลตฟอร์มบ้างเป็นครั้งคราวด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ ‘Take a Break’ ลงไปในแอพพลิเคชัน
“เรากำลังจะนำเสนอบางสิ่งที่เราคิดว่าจะสร้างความแตกต่างได้เป็นอย่างมาก โดยที่ตอนนี้ระบบของเรากำลังเห็นว่าเหล่าวัยรุ่นดูเนื้อหาเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเป็นเนื้อหาที่อาจไม่เอื้อต่อความเป็นอยู่ที่ดีของพวกเขา เพราะฉะนั้นแล้วเราจะผลักดันให้พวกเขาดูเนื้อหาอื่น ๆ ” นิค เคล็ก (Nick Clegg) รองประธานกิจการความสัมพันธ์ระดับโลกของเฟซบุ๊ก กล่าวต่อสำนักข่าว CNN
นอกจากนั้น เคล็กยังเสริมเพิ่มเติมอีกว่า พวกเขากำลังจะมีแผนในลักษณะที่คล้ายคลึงกันสำหรับ Instagram Kids โดยจะมอบอำนาจให้กับผู้ปกครองสามารถควบคุมกำกับดูแลลูกๆ ของพวกเขาได้สำหรับฟีเจอร์ ‘หยุดพัก’ หรือ Take a Break นั้น จะเป็นการแจ้งเตือนขึ้นมาระหว่างที่ผู้ใช้กำลังเล่นอินสตาแกรมอยู่เพื่อคอยเตือนให้ผู้ใช้คนนั้น หยุดพักจากการเล่นอินตาแกรมบ้างเป็นครั้งคราว ช่วยให้ผู้คนสามารถหยุดบัญชีอินสตาแกรมของตนได้ชั่วคราว และใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อพิจารณาว่าเวลาที่ตนได้ใช้ไปนั้น มีความหมายต่อชีวิตหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ทางด้าน นิค เคล็ก หรืออินสตาแกรมเอง ยังไม่ได้มีการประกาศถึงวันที่พวกเขาจะทำการปล่อยฟีเจอร์นี้ออกมาใช้อย่างเป็นทางการ กล่าวเพียงแค่ขณะนี้ฟีเจอร์นี้ยังไม่ได้รับการทดสอบ แต่จะมีการทดสอบเร็วๆ นี้แน่นอน
สำหรับการเดินหมากโต้ตอบของเฟซบุ๊กในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และต้องรอดูว่าฟีเจอร์ Take a Break นี้จะส่งผลต่อฐานผู้ใช้อินสตาแกรมเป็นเวลานานหรือไม่ เพราะตามรายงานของ Forbes พบว่าอินสตาแกรมนั้นเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่ผู้ใช้ Gen Z ในสหรัฐอเมริกา โดยใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมงทุกวันบนแพลตฟอร์ม และคงมีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะสามารถเป็นตัวชี้วัดได้ว่า ฟีเจอร์นี้จะมีผลต่อผู้ใช้อินตาแกรมมากน้อยขนาดไหน
ที่มา
Tags: Technology, Instagram, Take a Break