วันนี้ (24 กรกฎาคม 2567) ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จัดแถลงข่าวโครงการ ‘ดิจิทัลวอลเล็ตครั้งที่ 1’ โดยเปิดเผยรายละเอียดของโครงการที่มีการใช้งบประมาณกว่า 4.5 แสนล้านบาท ครอบคลุมประชากรกว่า 45 ล้านคน และสามารถเริ่มการใช้จ่ายได้ภายในไตรมาสที่ 4
จุลพันธ์กล่าวตอนหนึ่งของการแถลงข่าวครั้งนี้ ถึงตัวเลขงบประมาณที่มีการจัดเตรียมไว้กว่า 4.5 แสนล้านบาท โดยมีแหล่งเงินด้วยกันทั้งหมด 2 ส่วน สามารถครอบคลุมประชากรที่ตั้งเป้าหมายไว้กว่า 45 ล้านราย ได้แก่
– งบประมาณกว่า 1.65 แสนล้านบาท มาจากรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2567 และการบริหารการคลัง และการบริหารรายจ่ายประจำปี 2567
– งบประมาณกว่า 2.85 แสนล้านบาท มาจากรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2568 และการบริหารการคลัง และการบริหารรายจ่ายประจำปี 2567
ทั้งนี้คุณสมบัติของประชาชนที่ลงทะเบียนจะต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน มีสัญชาติไทย อายุ 16 ปีขึ้นไป ณ วันที่ปิดรับลงทะเบียน เป็นผู้มีรายได้ไม่เกิน 8.4 แสนบาทต่อปี (สำหรับปีภาษี 2566) และต้องไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากในธนาคารธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันเกิน 5 แสนบาท
ขณะที่กรอบเวลาของโครงการ จุลพันธ์เปิดเผยดังต่อไปนี้
– ประชาชนลงทะเบียนทั่วไป (ผ่านสมาร์ตโฟน) เริ่มลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 ไปจนถึงวันที่ 15 กันยายน 2567 ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ คาดว่าจะมีประชาชนลงทะเบียน 45-50 ล้านราย
– ประชาชนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ตโฟน เริ่มลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2567 ไปจนถึงวันที่ 15 ตุลาคม 2567 ทั้งนี้การใช้งานของประชาชนกลุ่มนี้จะมีข้อจำกัดเพิ่มเติมระหว่างการใช้งาน คือต้องใช้กับร้านค้าที่เปิดบริการผ่านระบบสมาร์ตโฟนเท่านั้น เพราะในขณะที่มีการแลกเปลี่ยนจะต้องมีการยืนยันสถานที่และเป็นการซื้อขายแบบต่อหน้า (Face to Face) และทุกครั้งที่มีการทำธุรกรรมจะมีการบันทึกภาพ เพื่อนำไปตรวจสอบว่าผู้ใช้งานตรงกับบัตรประชาชนหรือไม่
– สำหรับร้านค้าจะกำหนดให้เริ่มลงทะเบียนวันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป และจะมีการนำเสนอรายละเอียดอีกครั้งหนึ่งต่อสื่อมวลชน คาดว่ามีร้านค้าไม่ต่ำกว่า 2 ล้านร้านค้า
สำหรับการใช้จ่ายของโครงการ ประชาชนจะเริ่มใช้จ่ายได้ในภายใต้ไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 โดยมี 2 เงื่อนไขในการใช้งานโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ได้แก่
- การใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้า ประชาชนจะสามารถใช้จ่ายกับร้านค้าขนาดเล็กลงไปเท่านั้น รวมถึงร้านสะดวกซื้อขนาดขนาดเล็ก ไม่รวมห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก-ค้าส่งขนาดใหญ่ระดับประเทศ และระดับท้องถิ่น อีกทั้งในการซื้อสินค้า ประชาชนต้องใช้งานกับร้านค้าที่อยู่ภายในอำเภอเดียวกัน และทำธุรกรรมแบบ Face to Face เท่านั้น
- การใช้จ่ายระหว่างร้านค้ากับร้านค้า ร้านค้าทุกประเภทสามารถซื้อขายสินค้าระหว่างกันได้ไม่มีข้อกำหนดเงื่อนไข
นอกจากนั้นแล้ว การใช้งานโครงการดิจิทัลวอลเล็ตสามารถซื้อสินค้าได้ทุกประเภท ยกเว้นสินค้าที่อยู่ใน Negative Lists ได้แก่ สลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ กัญชา กระท่อม พืชกระท่อม ผลิตภัณฑ์กัญชาและกระท่อม บัตรกำนัล บัตรเงินสด ทองคำ เพชร พลอย อัญมณี น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์การสื่อสาร และภาคบริการ อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์อาจพิจารณาปรับปรุงแก้ไขรายงานสินค้าได้
สำหรับการแถลงข่าวในวันนี้ เดิมทีมีรายงานว่าจะเป็นการนำแถลงของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แต่ท้ายที่สุดมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังทั้ง 2 รายเป็นผู้แถลงโครงการต่อสื่อมวลชนแทน
Tags: เพื่อไทย, แจกเงิน, ดิจิทัลวอลเล็ต, Digital Wallet