เชียงรายเผชิญวิกฤตฝุ่น PM2.5 เลวร้ายอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 พุ่งสูงเกินค่ามาตรฐานทั้งในประเทศ และองค์กรอนามัยโลกหลายเท่า
วันนี้ (28 มีนาคม 2566) เว็บไซต์ Air4Thai ของกรมควบคุมมลพิษ รายงานค่าฝุ่น PM2.5 ในจังหวัดเชียงราย 3 สถานีคือ
1. อำเภอเมือง มีค่า PM2.5 434 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
2. อำเภอแม่สาย มีค่า PM2.5 602 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
3. อำเภอเชียงของ มีค่า PM2.5 393 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
และเมื่อวานนี้ เว็บไซต์ IQAIR ระบุค่าฝุ่น PM2.5 ในจังหวัดเชียงราย พุ่งสูงสุดที่ 1,046.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินมาตรฐานองค์กรอนามัยโลก ที่ระบุว่าไม่ควรเกิน 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งจัดอยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างรุนแรง และเป็นค่าสูงสุดของจังหวัด
เมื่อวานนี้ (27 มีนาคม 2566) ชาวแม่สายไม่ทนฝุ่นพิษ PM2.5 นำโดยกลุ่มประชาชนอำเภอแม่สาย และกลุ่มชาวบ้านในนามเครือข่ายภาคเอกชนยื่นหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและระยะยาว และบริจาคอุปกรณ์น้ำดื่ม ของใช้จำเป็นเพื่อนำไปช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า นอกจากนี้ยังมีการเลื่อนไหวในโลกออนไลน์ ผ่านแฮชแท็ก #เผาหาป้อคิงหยัง #savemaesai #prayformaesai และแชร์เนื้อหาเสียดสีล้อเลียนฝุ่น PM2.5 ในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เช่น
The MaeSai #เผาหาป้อคิงหยัง (2019)
ฉายแล้ววันนี้ ฉายจนจะตายแล้วตอนนี้
“เรื่องราวของผู้คนในเมืองแม่สาย ที่หนีตายไปอยู่ในซูเปอร์มาเก็ตแห่งหนึ่ง หลังจากที่เมืองทั้งเมืองถูกพายุหมอกควันมรณะ pm2.5 ครอบคลุม ในพายุหมอกควัน มีบ่าง่าวที่แฝงตัวอยู่พร้อมไฟแช็กในมือ และพร้อมที่จะเผาทุกอย่างที่ขวางหน้า ชีวิตของผู้คนในเมืองนี้จะเป็นอย่างไร จะตายไปพร้อมกับหมอกควันก่อน หรือฝนจะตกก่อน … ติดตามชมเร็วๆนี้(ถ้ายังรอดนะ)”
สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้เวลาจะผ่านมา 4 ปี แต่วิกฤตมลพิษในอากาศของคนอำเภอแม่สาย ไม่เคยเปลี่ยน และยังแย่ลง
เสียงของคนเชียงราย
“เกิดและโตในจังหวัดเชียงรายมา 20 กว่าปี ไม่ว่าจะถามใครปีนี้ฝุ่นหนักที่สุด เกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเจอ” นัธนันท์ ชาวอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย อายุ 27 ปี กล่าว และเขาเล่าต่อว่า ช่วงที่ผ่านมาฝุ่นเยอะและหนามาก ส่งผลให้มีอาการแสบหูแสบตา แสบจมูกและมีอาการไอ เขาตั้งคำถามว่า ส่วนตัวยังนับว่าโชคดีที่สามารถซื้อเครื่องฟอกอากาศได้ แต่คนที่ไม่มีเงินซื้อเครื่องฟอกอากาศจะทำอย่างไร เด็กเล็กจะอยู่อย่างไร
“ผมมีลูกเล็กอายุประมาณ 2 ขวบ ผมก็เป็นห่วงเขา ต้องให้อยู่ในบ้านเปิดเครื่องฟอกอากาศตลอดเวลา ปิดประตูหน้าต่างทั้งหมด ช่วงนี้ให้งดไปโรงเรียนเพราะที่โรงเรียนไม่มีเครื่องฟอกอากาศ หากมาดูคุณจะเห็นว่าแสงอาทิตย์สาดไม่ทะลุพื้นดิน ฟ้าสีส้มมองไปทางไหนก็เห็นแต่แสงแดดผสมกับฝุ่นควัน การที่มีฝุ่นหนาขนาดนี้ทำให้เราไม่อยากออกไปไหน แต่เราทำไม่ได้เพราะต้องออกไปทำงาน และที่ทำงานไม่มีเครื่องฟอกอากาศ สิ่งที่กังวลที่สุดคือเรื่องสุขภาพ ไม่รู้ว่าตอนนี้ปอดเป็นอย่างไรบ้าง”
นัธนันท์เล่าต่อว่า เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘นครเมืองเชียงราย’ ได้ขอความร่วมมือให้ประชาชนร่วมสร้างความชุ่มชื้นในอากาศ ทำความสะอาดบ้าน รดน้ำต้นไม้ เพื่อลดหมอกควัน ลด PM2.5 แต่ในเวลาเดียวกัน รัฐบาลกลับไม่ได้มีมาตรการอื่นๆ ในการสนับสนุนประชาชน ไม่ว่าจะลดค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า เพราะสิ่งที่ประชาชนช่วยเหลือรัฐทุกวันนี้ทุกอย่างคือค่าใช้จ่าย ขอให้คนอื่นช่วยแต่ไม่ช่วยประชาชนบ้างเลย และแม้แต่หน้ากาก PM2.5 ราคาแพงก็ต้องซื้อเอง”
“หากเป๋นแบบนี้ต่อไป ต๋ายเหียแต้” หมายถึงหากสภาพอากาศเป็นแบบนี้เรื่อยๆ ไม่มีการแก้ไข ก็คงต้องเสียชีวิตเข้าสักวัน
ก่อนหน้านี้ไม่นาน เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพิ่งโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า การฉีดพ่นน้ำขึ้นฟ้าไม่ได้ช่วยลดค่าฝุ่น เพราะฝุ่นมีขนาดเล็กจิ๋วมาก หยดน้ำมีผลในการจับฝุ่นค่อนข้างน้อย ซึ่งกระแสลมจะส่งผลต่อการพัดพาฝุ่นมากที่สุด
“ตอนนี้อายุครรภ์ 9 เดือน ตอนนี้กังวลเรื่องผลกระทบต่อลูก เพราะที่บ้านยังไม่ได้ซื้อเครื่องฟอกอากาศ เป็นห่วงตอนลูกคลอดออกมาด้วย ส่วนตัวเองมีอาการแสบตา แสบจมูก และมีเลือดกำเดาไหล” ปุ๊กปิ๊ก หญิงสาวที่อาศัยในอำเภอขุนตาลกล่าว
ด้าน กฤษฎา ภูมิเลิศ ชาวบ้านในอำเภอเมืองเชียงรายอีกคนหนึ่งกล่าวว่า เชียงรายในช่วงที่ผ่านมาไม่มีแดดส่องถึงพื้น เมื่อใส่หน้ากากอนามัยแค่ชั้นเดียวจะรู้สึกเจ็บคอและหายใจไม่สะดวก ส่งผลให้การใช้ชีวิตยากลำบากเพราะหายใจไม่สะดวก แสบคอ แสบตาแสบจมูก ต้องใส่หน้ากากอนามัยถึงสองชั้น หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นอาจงดออกจากบ้านสักระยะ เราลองนึกสภาพสถานที่ที่ไม่มีเครื่องฟอกอากาศจะแย่ขนาดไหน เช่น พ่อค้าแม่ค้าในตลาดชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนภูเขาเค้าจะอยู่กันได้อย่างไร
“ที่หอพักมีเครื่องฟอกอากาศหนึ่งตัวต้องเปิดไว้ทั้งวันทั้งคืนเพราะไม่เช่นนั้นไม่สามารถนอนได้ เพราะหายใจลำบากมาก” กฤษฎากล่าว
ขณะที่ ทินประภา ชาวอำเภอแม่สาย ระบุว่า ที่ผ่านมา มีอาการแสบคอนิดหน่อย เพราะทำงานในที่ร่ม แต่ที่โรงเรียนไม่มีเครื่องฟอกอากาศ จึงเป็นห่วงสุขภาพของเด็กและคนแก่ เพราะเห็นคนจำนวนมากมีปัญหาเรื่องทางเดินหายใจ
“แม้ว่าที่บ้านจะมีเครื่องฟอกอากาศถึง 4 เครื่อง แต่ค่าฝุ่น PM.25 ยังขึ้นสีแดง มีแค่ช่วงเวลากลางคืนที่ฝุ่นน้อยลงบ้าง จึงอยากให้ภาครัฐแก้ไขอย่างเร่งด่วน เข้มงวดและเอาจริง เพราะไม่อย่างนั้นก็เผาอีกเรื่อยๆ และอยากให้ช่วยทำข้อตกลงร่วมกับเพื่อนบ้าน เพราะส่วนมากฝุ่นที่เกิดขึ้นก็มาจากเพื่อนบ้าน รวมถึงขอให้สนับสนุนพวกเสือป่า ที่ไปช่วยดับไฟด้วย” ทินประภาระบุ
Tags: PM2.5, ฝุ่น, เชียงราย, ฝุ่น PM2.5, เผาหาป้อคิงหยัง, แม่สาย