คำสารภาพ: นอกจากเสพสื่อที่อยู่ในฟีดเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และตามอ่านจากหน้าเว็บไซต์แล้ว แทบทุกวัน ผมยังเข้าไปดูเพจของสื่ออนุรักษนิยมแนว ‘เสี้ยม’ ที่มีแนวโน้มว่าจะเกลียดคนรุ่นใหม่และพยายามล่าแม่มดผู้ออกมาแสดงออกในโซเชียลมีเดียอย่างสม่ำเสมอ ทั้งสื่อทางการและไม่ทางการ ทั้งสื่อจัดตั้งและอินฟลูเอนเซอร์นักวิชาการ ‘ฝ่ายขวา’
สาเหตุที่เข้าไปดูเป็นเพราะว่าอยากรู้ว่าพวกเขาคิดอย่างไร เชื่ออะไร และไม่เชื่ออะไรบ้าง เมื่อเกิดเหตุการณ์ครั้งใหญ่ๆ ขึ้น เช่น ม็อบของนักศึกษาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ผมก็รีบเข้าไปดูในเพจพวกนี้ เพื่อดูว่าเขาจะรายงานอะไร มีแง่มุมไหนที่พวกเขาหยิบมาทึ้ง มาทุบตี มาแสดงความรังเกียจแบบออกหน้าออกตา ทั้งในส่วนของแอดมินและคอมเมนต์
แน่ละครับ การอ่านเรื่องพวกนี้มากๆ อาจทำให้สุขภาพจิตเสีย เพราะเหมือนต้องเปิดรับความเกลียดชังเข้ามาในตัว แต่ผมคิดว่า อย่างน้อย เราก็จะได้เห็นว่ารอยร้าวระหว่างคนคิดต่างมันฝังลึกเพียงใด เพื่อจะได้เห็นสถานการณ์โดยรวม
บางความคิดต่างเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ แต่บางโพสต์ที่เห็นก็สุดโต่งจนเข้าใจอะไรไม่ได้เลย เป็นโพสต์ที่ออกแนวไสยศาสตร์ ผีบ้านผีเมือง เชื่อเรื่องบาปบุญว่าเราไม่ควรดูหมิ่นคนที่บุญญาธิการสูงกว่าเพราะเขาทำบุญในชาติที่แล้วไว้เยอะ เชื่อว่ารัฐบาลปัจจุบันจะเป็นผู้ขจัดผีร้ายบ่อนทำลายชาติ เชื่อว่าทุกๆ การเคลื่อนไหวมีคนอยู่เบื้องหลังไปเสียสิ้น เชื่อในผังที่โยงนั่นเข้ากับนี่โดยใช้สัญลักษณ์เป็นตัวเชื่อม เชื่อในคำทำนาย บางคนก็อ้างตัวว่าเป็นเกจิอาจารย์ อ้างว่า “ผมทำนายมาหมดแล้วถึงความพ่ายแพ้ของระบอบทักษิณ ผมทำนายมาหมดแล้วเรื่องหายนะโลกปี 2020 ผมทำพิธีจิตค้ำดวงชะตาให้ผู้นำรัฐบาลปัจจุบัน” เป็นต้น
บางความเชื่อเหล่านี้ก็ก้าวข้ามพรมแดนความเข้าใจของผมไป จนบางครั้งผมก็งงว่าความคิดเหล่านี้มาจากไหน และที่สำคัญคือทำไมจึงมีคนปักใจเชื่อ
แล้วบางครั้งผมก็เห็นภาพสะท้อนกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในอเมริกา อย่าง QAnon
…
QAnon เป็นขบวนการทฤษฎีสมคบคิดขวาจัด มีจุดกำเนิดแรกเริ่มเมื่อเดือนตุลาคมปี 2017 เมื่อมีนิรนามผู้หนึ่งโพสต์ข้อความในบอร์ด 4chan โดยลงชื่อว่า Q และอ้างว่าตนมีระดับการเข้าถึงข้อมูลของสหรัฐฯในระดับ ‘Q’ ต่อมาโพสต์เหล่านี้จะได้ชื่อว่าเป็น ‘สารจาก Q’ หรือเป็น ‘รอยขนมปัง’ (breadcrumbs) ที่มีผู้ปราวารณาตัวเป็นสาวกเพื่อไขปริศนา คำว่า QAnon มาจากตัวอักษร Q บวกกับคำว่า Anonymous นั่นเอง
ปัจจุบันมีผู้เชื่อในทฤษฎีสมคบคิดแบบ QAnon มากมายนับแสน จากที่เคยเป็นกลุ่มทฤษฎีสมคบคิดตกขอบ ปัจจุบันมีผู้ลงสมัครผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกันหลายคนที่สนับสนุนแนวคิดของ QAnon อย่างเปิดเผย หลังกระแสลูกแรกในปี 2017 ความนิยมของ QAnon เพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19
แนวคิดของ QAnon นั้นแตกสาขากว้างขวาง แต่เส้นเรื่องหลักคือความเชื่อที่ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นฮีโร่ เขากำลังทำสงครามลับๆ กับพวกชนชั้นสูง ‘Deep State’ ที่เป็นโรคใคร่เด็กและบูชาซาตานที่แพร่กระจายเป็นเครือข่ายไปทั่ววงการการเมือง ธุรกิจ และสื่อบันเทิง QAnon เชื่อว่าวันหนึ่ง ฮิลลารี คลินตัน (ผู้เป็นแกนนำของเครือข่ายซาตานนี้) จะต้องได้รับโทษอย่างสาสม
ความเชื่อนี้ยังแตกแขนงย่อยออกมามากมาย ครั้งหนึ่งมันทำให้เกิดกระแส Pizzagate เพราะพวกเขาเชื่อว่า จอห์น โพเดสต้า—หัวหน้าทีมเลือกตั้งของฮิลลารีผู้ถูกแฮคอีเมลออกมาเปิดเผยนั้นพูดถึงพิซซ่าบ่อยครั้ง และแท้จริงแล้วคำว่าพิซซ่าเป็นโค้ดลับที่ใช้สื่อถึงการค้าประเวณีเด็ก (!) กระแสสมคบคิด Pizzagate ทำให้ร้านพิซซ่า Comet Ping Pong ต้องถูกคุกคามครั้งใหญ่ นอกจากนั้น QAnon บางสายยังเชื่อว่า บิล เกตส์ เป็นตัวการปล่อยโคโรนาไวรัส, เสาสัญญาณ 5G ทำให้เกิดวิกฤติ COVID-19, และมีการค้ามนุษย์ผ่านเว็บไซต์ขายตู้เสื้อผ้าของ Wayfair
…
ทำไมความเชื่อเพี้ยนๆ แบบนี้จึงมีคนหลงกลมากมาย?
Kirby Ferguson ผู้สร้างซีรีส์วิดีโอที่พาเราไปสำรวจทฤษฎีสมคบคิดอธิบายว่าในโลกที่มีความไม่แน่นอน วุ่นวายและซับซ้อนอย่างทุกวันนี้ คนเรามีวิธีการรับมือกับสถานการณ์รอบตัวแบ่งได้ออกเป็นกว้างๆ สองแบบ
แบบแรกคือรับมือโดยการหาหลักฐานมาเพื่อยืนยันหรือหักล้างความเชื่อ และ แบบหลังคือการเชื่อในไสย (Magical Thinking)
คนเราต่างผสมผสานวิธีการรับมือสองแบบนี้ไว้ด้วยกันทั้งสิ้น แต่อาจมีสัดส่วนมากน้อยแตกต่างกัน และหากเราเชื่อในไสยมากกว่าหลักฐานเชิงประจักษ์มากๆ เราก็อาจตกเป็นเหยื่อของ QAnon
นอกจากนั้นเขายังระบุจุดเด่น 6 ประการของคนเชื่อไสยแบบสุดโต่งออกมาดังนี้:
1 พวกเขามักเชื่อว่ามีสัญลักษณ์และโค้ดซ่อนอยู่ เช่น พิซซ่า หรือสามเหลี่ยมที่หมายถึงอิลลูมินาติ
2 พวกเขามักเชื่อมโยงสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันเข้าไว้ด้วยกัน เช่น เชื่อมโยง 5G กับ COVID-19
3 พวกเขามักเชื่อว่าทุกแผนการมีตัวการเบื้องหลัง เช่น ฮิลลารีอยู่เบื้องหลังการค้าเด็ก
4 พวกเขาเชื่อในความบริสุทธิ์ทางวิญญาณ เช่น เชื่อว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นซาตาน
5 พวกเขาเชื่อว่าจุดจบโลกกำลังจะมาถึง และ
6 พวกเขาเชื่อในแนวคิด ‘ความดี’ และ ‘ความชั่ว’ อย่างสุดขั้วเช่นเชื่อว่าพวกลิเบอรัลไม่เพียงผิดเท่านั้น แต่ยังบาปด้วย
ปัจจุบันเว็บไซต์โซเชียลมีเดียทั้งหลายมีการปราบปรามกลุ่ม QAnon อย่างจริงจัง ทั้ง Reddit, Facebook และ Twitter แต่กลุ่ม QAnon ก็ยังแทรกซึมอยู่ในเว็บไซต์เหล่านี้ได้อยู่ดี โดยจำแลงกายไปในลักษณาการต่างๆ และมักใช้เลข 17 เป็นตัวสื่อถึงกัน (ตัวอักษร Q คือตัวอักษรที่ 17 ในภาษาอังกฤษ)
ผมไม่แน่ใจว่าในเมืองไทยมีกลุ่มความเชื่อแบบ QAnon ตรงๆ ไหม เท่าที่พอสืบหาเจอคือกลุ่มความเชื่อแบบโลกแบนที่มีเป็นกรุ๊ปเฟซบุ๊กอยู่บ้าง แต่อย่างที่บอกก่อนหน้านี้ — ผมเห็นภาพสะท้อนจุดเด่น 6 ประการของความเชื่อไสยกับกรณีที่เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างชัดเจน ทั้งเรื่องการเชื่อมโยงผัง ทั้งเรื่องความเชื่อที่ว่า ‘ทุกอย่างต้องมีคนบงการอยู่เบื้องหลัง’ ทั้งเรื่องที่เชื่อว่าพวกตนเป็นคนดีและฝ่ายตรงข้ามนั้นเลว เป็นพวกชังชาติ ความเชื่อเรื่อง ‘ผู้มีบุญญาธิการ’ และปฏิเสธหลักฐานที่เห็นตรงหน้า เชื่อแต่โฆษณาชวนเชื่อที่ฝังหัวมาเป็นสิบๆ ปี ต่อให้มีหลักฐานมายืนยันอย่างไรก็ไม่อาจหลุดจากความเชื่อได้
คำถามสำคัญคือ ในโลกที่เราไม่เข้าใจกันมากขึ้นจนจับต้นชนปลายความคิดของอีกฝ่ายไม่ถูกเช่นนี้ เราจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร ตรงไหนคือขอบเขตของความเชื่อที่ ‘เป็นเรื่องส่วนตัวและยอมรับได้’ และตรงไหนที่เป็นเรื่องสาธารณะ?
อ้างอิง
ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับ QAnon
https://www.bbc.com/news/53498434
ร้านพิซซ่า Comet Ping Pong ต้องถูกคุกคาม
https://www.inc.com/magazine/201707/burt-helm/how-i-did-it-james-alefantis-comet-ping-pong.html
QAnon เชื่อว่ามีการค้ามนุษย์ผ่านเว็บไซต์ขายตู้เสื้อผ้าของ Wayfair
https://www.bbc.com/news/world-53416247
Kirby Ferguson ผู้สร้างซีรีส์วิดีโอที่พาเราไปสำรวจทฤษฎีสมคบคิด
https://www.youtube.com/watch?v=Ca2DSsuE7jI
นอกจากนั้นเขายังระบุจุดเด่น 6 ประเภท
https://kottke.org/20/08/qanon-conspiracy-theories-and-the-rise-of-magical-thinking