นึกขำตัวเองอยู่ไม่น้อยที่ใช้ไหมขัดฟันมานานแสนนาน แต่กลับมองข้ามสถานภาพ ‘ขยะพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง’ ของมันไปเสียนี่ สารภาพตามตรง ที่ผ่านมาใช้ลูกเดียว ไม่เคยไยดีว่าผลิตจากอะไร
กระทั่งโดดเข้าร่วมแคมเปญ ‘Plastic Free July’ โดยลำพังเมื่อเดือนสองเดือนก่อน และเริ่มทบทวนพฤติกรรมการใช้พลาสติกชีวิตเดียวของตัวเองแบบถ้วนถี่ จึงเพิ่งตระหนักว่า เอ๊ะ…เราทิ้งเส้นใยสังเคราะห์ความยาวราวสองคืบนี้สัปดาห์ละหลายเส้น ซึ่งมันใช้ซ้ำไม่ได้เด็ดขาด ทั้งด้วยเหตุผลด้านสุขอนามัยและด้วยความรู้สึก…อึ๋ยยย
จะให้บอกเลิกกับไหมขัดฟันก็ทำใจลำบาก เพราะนี่คือเครื่องมือทำความสะอาดซอกฟันและซอกเหงือกในจุดที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึง ใช้งานง่าย ช่วยขัดถูบรรดาเศษอาหารและคราบแบคทีเรีย (หรือที่เรียกกันว่า ‘คราบพลัค’) ออกจากผิวฟัน จึงสามารถลดการสะสมของคราบหินปูน รวมถึงป้องกันฟันผุและโรคเหงือกได้อย่างดีเยี่ยม
ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่ามนุษย์เริ่มใช้ไหมขัดฟันเมื่อไหร่ แต่การพบร่องรอยขัดถูระหว่างซี่ฟันในโครงกระดูกมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ก็ทำให้นักวิจัยสันนิษฐานว่า บรรพบุรุษของพวกเราน่าจะเคยใช้ขนม้าเพื่อการนี้
สำหรับไหมขัดฟันรุ่นแรกของโลกสมัยใหม่นั้นเกิดขึ้นเมื่อประมาณสองร้อยปีที่แล้ว โดยเลวี่ สเปียร์ พาร์มมี่ ทันตแพทย์ชาวนิวออร์ลีนส์ คิดค้นเส้นใยไหมเคลือบขี้ผึ้งในปี ค.ศ. 1815 (บางตำราก็ว่าปี ค.ศ. 1819) และแนะนำให้ผู้ที่มารับการตรวจสุขภาพช่องปากใช้มันควบคู่กับการแปรงฟันทุกวัน
ในหนังสือ ‘A Practical Guide to the Management of Teeth’ ที่เขาเขียนก็ยังย้ำถึงความสำคัญของการใช้ไหมขัดฟันเอาไว้ด้วย ไหมขัดฟันกลายเป็นที่ยอมรับในแวดวงทันตแพทย์แล้ว แต่กับคนทั่วไปยังไม่ได้รับความนิยมเท่าใดนัก เพราะชาวอเมริกันส่วนใหญ่เคยชินกับการใช้ไม้จิ้มฟันมากกว่า
กระทั่งปลายศตวรรษที่ 19 เริ่มมีผู้ผลิตไหมขัดฟันในเชิงพาณิชย์ออกมาวางจำหน่าย มันจึงเป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งตอนนั้นก็ยังผลิตจากเส้นไหมธรรมชาติอยู่นะ พอเข้าสู่กลางศตวรรษที่ 20 ดร.ชาร์ลส์ ซี. บาส์ส แพทย์และนักวิจัยโรคเขตร้อน ก็พัฒนาไหมขัดฟันจากเส้นใยไนลอนซึ่งมีความยืดหยุ่นและทนทานต่อการขัดถูมากกว่า ประกอบกับเส้นใยไหมขาดแคลนและแพงขึ้นช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ในไม่ช้าไหมขัดฟันเส้นใยธรรมชาติก็สาบสูญไปจากท้องตลาด
ถึงวันนี้ไหมขัดฟันที่วางขายในซูเปอร์มาร์เก็ตได้รับการพัฒนาออกมาอีกหลากหลายรูปแบบ ทั้งเคลือบแวกซ์และไม่เคลือบแวกซ์ ทั้งไร้กลิ่นรสและแต่งกลิ่นรส ทั้งแบบม้วนในกลักพลาสติกและแบบที่มาพร้อมด้ามจับพลาสติก
เฉพาะตัวเส้นไหมนั้นแบ่งเป็นสองประเภทใหญ่ๆ คือ ไนลอนหรือมัลติฟิลาเมนต์ (multifilament) ซึ่งใช้เส้นใยไนลอนสังเคราะห์ขนาดเล็กและบางหลายๆ เส้นมาม้วนรวมเป็นเส้นเดียว กับ PTFE (polytetrafluoroethylene) หรือโมโนพิลาเมนต์ (monofilament) ซึ่งผลิตจากเส้นใยพลาสติกสังเคราะห์เส้นเดียว ซึ่งจะเหนียวและขนาดเส้นเล็กกว่าใยไนลอน ราคาก็แพงกว่าด้วย
ใครที่ไม่เคยข้องแวะกับไหมขัดฟัน แต่เริ่มสนใจขึ้นมาตะหงิดๆ อาจต้องลองซื้อใช้หลายยี่ห้อเสียก่อน จึงจะรู้ว่า แบบไหนถูกจริต เหมาะกับความห่างชิดของฟันและความถนัดในการใช้งาน
ที่ผ่านมาเราเลือกใช้แต่แบบเส้นใยไนลอนในกลักพลาสติก เพราะรู้สึกว่าไหมขัดฟันพร้อมด้ามจับมันสร้างขยะพลาสติกเยอะชิ้นกว่า และไม่สามารถโอบล้อมตามแนวคอฟันได้ดีเท่ากับใช้มือสองข้างม้วนเส้นไหมขัดฟันเอง
แม้ไนลอนเส้นบางพวกนี้ไม่อยู่นานหลายร้อยปีเท่าถุงพลาสติก แต่มันก็รีไซเคิลไม่ได้ และในช่วงเวลาหลายสิบปีหรืออาจจะเกือบร้อยปีที่ยังคงคุณสมบัติเหนียวทนทาน มันก็สร้างปัญหาได้อยู่ดี
ดังนั้น เมื่อตั้งโจทย์ให้ตัวเองลดสร้างขยะพลาสติก เราก็อยากลองเปลี่ยนสู่ทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วย แล้วกูเกิลก็พาไปเจอกับไหมขัดฟันของคนไทยที่ผลิตจากเส้นใยไหมธรรมชาติ 2 ยี่ห้อ…เรานี่เชยจริง เขามีขายออนไลน์ตั้งนานแล้ว
ยี่ห้อแรกคือ M Press โดย อ.ชัยพร พัฒนจักร ซึ่งเคยสอนอยู่โรงเรียนบ้านผือพิทยาสรรค์ จ.อุดรธานี และดูแลโครงงานวิทย์ของนักเรียนที่ต้องการประดิษฐ์เครื่องมือเพื่อแก้ปัญหาการสาวเส้นใยไหมของเกษตรกรในท้องถิ่น
จบโปรเจ็กต์นั้น อ.ชัยพร ต่อยอดพัฒนาประดิษฐ์เครื่องรีดเส้นใยไหมขัดฟัน โดยได้รับการสนับสนุนทุนจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทั่งสามารถผลิตไหมขัดฟันจากเส้นใยไหมธรรมชาติได้สำเร็จ ทั้งยังคว้ารางวัล Special Awards และ Gold Medal จากงานประกวดนวัตกรรมนานาชาติ Taipei International Invention Show & Technomart ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศไต้หวัน เมื่อ ค.ศ. 2013 ด้วย
เมื่อนำไปให้กลุ่มตัวอย่างอาสาสมัครในโรงพยาบาลรัฐหลายแห่งในจังหวัดอุดรธานีและคณะทันตแพทย์ศาสตร์ ม.ขอนแก่น ทดลองใช้งาน ก็ได้เสียงตอบรับเป็นที่น่าพอใจ จึงเริ่มผลิตและวางจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ต้นปี 2558 โดยมีต้นทางแหล่งวัตถุดิบจากกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงไหมในอุดรธานีและจังหวัดใกล้เคียงนั่นเอง ตอนนี้ส่งออกไปขายในตลาดต่างประเทศแล้วด้วย
อีกยี่ห้อนึงคือ ZeroMoment ของร้าน ZeroMoment Refillery ซึ่งขายของกิน–ของใช้ในครัวเรือนที่ปราศจากบรรจุภัณฑ์ เขาให้ข้อมูลสั้นๆ ว่า ผลิตด้วยเส้นใยไหมธรรมชาติจากกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงไหมในภาคอีสาน แถมยังมีม้วนไหมขัดฟันแบบรีฟิลสำหรับเติมใช้กับกลักพลาสติกเดิมอีกแหนะ
…น่าสนใจขนาดนี้ ของที่ใช้อยู่กำลังจะหมดพอดี งั้นสั่งซื้อสองยี่ห้อเลยจ้ะ
เมื่อสินค้ามาถึงมือ ได้เห็น สัมผัส และดมกลิ่น เราคิดว่า ทั้งคู่น่าจะผลิตจากต้นทางเดียวกัน พอลองใช้ ยิ่งมั่นใจว่าใช่แน่ ฉะนั้นใครสะดวกซื้อยี่ห้อไหน อุดหนุนตามสบาย ได้ของคุณภาพทัดเทียมกัน
เปรียบเทียบกับไหมขัดฟันตัวเดิมที่คุ้นเคย เส้นใยไหมธรรมชาตินี้ออกจะเส้นใหญ่และหนากว่านิดหน่อย มีบางช่วงที่เส้นไหมแยกห่างออกเป็นสองเส้น แต่ก็ไม่ก่อปัญหาอะไร และเท่าที่ลองใช้งาน มันก็เวิร์กอยู่นะ ไม่ขาดง่าย ไม่ขาดคาซอกฟัน นี่จึงเป็นทางเลือกที่น่าพอใจสำหรับเรา
แน่ล่ะ มันเหนือกว่าตรงที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ แทนที่เราจะทิ้งลงถังขยะเหมือนเคยๆ ก็เลยเปลี่ยนเป็นวางถ้วยไอติมหรือถ้วยโยเกิร์ตไว้ในห้องน้ำสำหรับรวบรวมไหมขัดฟันใช้แล้ว ตั้งใจว่า รอให้ได้ปริมาณพอสมควรแล้วค่อยเอาไปฝังดิน
มันก็ยุ่งยากขึ้นนิดนึงหนะนะ แต่ยังอยู่ในวิสัยที่ทำได้ ฉะนั้นก็จะทำต่อไป…เพื่อความสบายใจของตัวเอง 🙂
ภาพ : นิตยสาร aday และ science park มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
Tags: ขยะพลาสติก, ไหมขัดฟัน, ZeroMoment, M Press