“มนุษย์เอ๋ย… ท่านเป็นสัตว์ประเสริฐจริงหรือ เหตุใดการกระทำของท่านจึงมิต่างจากเดรัจฉานเอาเสียเลย ความหิว ความโลภ และความกระหายได้เปลี่ยนท่านเป็นตัวอะไรไปแล้วล่ะ”
ความคิดเล็กๆ ที่ปรากฏขึ้นภายในหัวของผู้เขียน หลังจากได้ชมนิทรรศการ ‘หิวโหย – The Hunger of Humanity’ โดย โดม-พงษ์ภูธาร ทำดี ว่าด้วยเรื่องมนุษย์อันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ขับเคลื่อนด้วยความหิว ไม่ใช่เพียงแค่ความหิวทางกายภาพ แต่ยังรวมถึงความกระหายในห้วงจิตและอารมณ์
ความบิดเบี้ยวของมนุษย์ถูกฉายชัดอยู่ในผลงานผ่านศิลปะแนวเซอร์เรียลิสม์ (Surrealism) ที่ทำให้เราฉุกคิดขึ้นมาว่า ‘ภาพเหล่านี้คือมนุษย์จริงหรือ’
นับว่าโชคดีเป็นอย่างยิ่งที่การชมนิทรรศการของผู้เขียนในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก พงษ์ภูธาร ศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานร่วมเดินชมและแบ่งปันประสบการณ์ไปด้วยกัน
พงษ์ภูธารเล่าว่า นิทรรศการนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เขาเข้ามาใช้ชีวิตในเมืองหลวง ต้องดิ้นรน ไขว่คว้า และแข่งขันเพื่อความอยู่รอด ซึ่งพอถึงจุดหนึ่งความต้องการที่เคยมีก็ไม่เพียงพออีกต่อไป เมื่ออยากได้มากขึ้น ก็ย่อมเบียดเบียนผู้อื่นมากขึ้น หรือเบียดเบียนแม้กระทั่งตัวเอง โดยที่เขาเองก็ไม่ทันได้รู้ตัว
หรือแท้จริงแล้ว มนุษย์ก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากสัตว์เดรัจฉาน
มนุษย์นั้นมีความคิด มีกฎระเบียบ มีจริยธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ต่างจากสัตว์อื่นในทางพุทธศาสนา ทว่าเมื่อมนุษย์ปล่อยให้ความหิวเข้าครอบงำ แรงสัญชาตญาณดิบกลับกลายเป็นนายเหนือเหตุและผลทั้งปวง พร้อมที่จะหลอกลวง แย่งชิง และเบียดเบียนโดยไม่สนผิดชอบชั่วดี
ความอยากได้จนเกินพอดี เปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นเดรัจฉาน ความอยากในสิ่งที่ตนไม่สามารถมีได้ผลักดันให้มนุษย์ต้องฆ่าฟัน ห้ำหั่น และทำลายกันเอง ศีลธรรมจึงกลายเป็นเพียงแค่เครื่องประดับในถ้อยคำ
นิทรรศการชิ้นนี้เปลือยเปล่าความอัปลักษณ์ ที่ซ่อนอยู่ในภายในจิตใจของมนุษย์ผ่านภาพเขียนขนาดใหญ่ ให้ผู้ชมรู้สึกมากกว่าการได้เห็นภาพๆ หนึ่ง รู้สึกถึงแรงกดดันเสมือนว่า กำลังเผชิญกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่และน่าหวาดกลัว
ภายในนิทรรศการอัดแน่นไปด้วยผลงานคุณภาพมากกว่า 18 ผลงาน ที่ฉายภาพความหิว ความโลภ ความกระหายได้อย่างชัดเจน โดยในวันนี้ผู้เขียนขอหยิบยกมา 6 ผลงาน ดังต่อไปนี้
01
สายตาของผู้กลืนกิน (Devourer’s Gaze)
ผลงานที่ถูกเลือกเป็นที่ชื่นชอบที่สุดในทัศนะของพงษ์ภูธาร โดยเฉพาะ ‘ดวงตา’ สิ่งที่ฉายชัดออกมามากที่สุดในผลงานชิ้นนี้ หากสังเกตให้ดี แม้ว่าภาพนี้จะเป็นใบหน้าของมนุษย์ ทว่าแววตานั้นกลับไม่ใช่ นัยน์ตาสีเขียวสด รูม่านตาที่แคบเล็กนั้นคล้ายกับ ‘สัตว์’ จ้องมองกลับมาที่ผู้ชม แม้ว่าจะเบนสายตาออกไปมากเท่าใด ก็จะยังถูกจ้องมองกลับมาทุกทิศทาง
02
ผู้กลืนกินตนเอง (Self Devourer)
ผลงานแนวตั้งบนเฟรมภาพขนาด 3 เมตร กดให้ผู้เขียนรู้สึกว่ามนุษย์นั้นกระจ้อยร่อยยิ่งนักเมื่ออยู่ต่อหน้าความโลภ ความวิจิตรของภาพชวนให้ผู้เขียนอดไม่ได้ที่จะไล่สายตาไปตามองค์ประกอบภาพทีละน้อย แม้จะน่าหวาดหวั่นทว่าก็ยังงดงาม
03
อาณาจักรแห่งความหิวโหย (Hunger’s Dominion)
ด้วยสีสันที่แปลกตาทำให้ภาพนี้ กลายเป็นภาพที่โดดเด่นที่สุดในนิทรรศการอย่างเลี่ยงไม่ได้ ความพิเศษของผลงานชิ้นนี้คือ ในส่วนของหัวกะโหลก พงษ์ภูธารใช้เทคนิคการวาดสีแล้วเช็ดออก เปรียบเหมือนความเสื่อมสลาย มนุษย์นั้นย่อมตายจากและหายไปตามกาลเวลา อีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่ถูกเล่าออกมาจากภาพนี้คือ ‘สีสัน’ ภาพนี้ถูกแต่งแต้มด้วยสีสังเคราะห์ คล้ายกับการที่มนุษย์นั้นถูกล่อตาล่อใจด้วยแสงสีให้เกิดกิเลสและความโลภ
04
เทวดา 2024 (DEVA 2024)
หนึ่งในผลงานชุดแรกของนิทรรศการนี้ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากข่าวการคอร์รัปชัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของคดีแชร์ลูกโซ่ โดมตั้งคำถามว่า ภาพลักษณ์ของความเป็น ‘เทวดา’ ที่เคยเป็นสัญลักษณ์ของความถูกทำนองคลองธรรม ทว่าในปัจจุบันกลับถูกพูดแทนผู้ที่รับสินบน เปลี่ยนคนผิดให้กลายเป็นถูกเพียงแค่ดีดนิ้ว
05
มือที่เอื้อมไม่ถึง (The Unreachable Hands)
ผลงานที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา ความสะเทือนใจขีดเขียนออกมาเป็นภาพวาดความสะเพร่าเพียงเล็กน้อยของคนกลุ่มหนึ่ง ก่อเป็นความเสียหายที่ไม่อาจย้อนคืน
06
เปลือกราคะ (Carnal Shell)
ผลงานชิ้นนี้สะท้อนความราคะ โดยใช้ภาพลักษณ์ของ ‘กระต่าย’ เป็นสัญญะแห่งความต้องการทางเพศ รูปโฉมของกระต่ายมีความงดงามคล้ายหญิงสาว สื่อถึงความปรารถนาและความทุกข์เมื่อถูกครอบงำด้วยรูปโฉมให้หลงใหล
นอกจาก 6 ผลงานข้างต้น ภายในงานยังมีผลงานอีกมากมายให้ได้ชม ได้แก่ กับดักความโลภ (The Green Trap), ม่านแห่งจิต (Veil of the Mind), ม่านแห่งศรัทธา (Veil of Faith), เบลเซบับ (Beelzebub), ภายในความสงบ (Within the Stillness), ทะยานอยาก (Craving), ความงาม (Allure), ความทุกข์ (Pain), ผู้เฝ้ามอง (The Watcher), เทวดาดีดนิ้ว (The God’s Flick), ความหิวของมนุษย์ (The Endless Hunger) และไร้บังเหียน (Unbridled)
ภาพความหิวที่ไม่อาจอิ่มถูกฉายซ้ำอยู่ในผลงาน นัยน์ตาในทุกภาพเขียนทำหน้าที่เตือนสติให้ผู้ชม ผลงานของพงษ์ภูธารไม่ใช่เพียงแค่ภาพวาด แต่เป็นสนามแห่งการตระหนักคิด และเป็นกระจกที่หันกลับมาสะท้อนผู้ชมให้ต้องเผชิญหน้ากับตนเองและตั้งคำถาม “เรากำลังหิวโหยอะไร และความหิวนี้กำลังเปลี่ยนแปลงเราไปสู่จุดใด”
สำหรับผู้ที่สนใจชมนิทรรศการ หิวโหย – The Hunger of Humanity สามารถเข้าชมได้ฟรีที่ ARDEL Gallery of Modern Art ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม-22 มิถุนายน 2568 (ปิดทำการวันจันทร์) เวลา 10.00-18.00 น. ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Facebook: ARDEL Gallery of Modern Art และ Instagram: ardel.gallery
Tags: ความโลภ, ความหิว, ศิลปะ, Surrealism, Out and About, The Hunger of Humanity, ARDELGallery, pongputhanthamdee