วันนี้ ‘เยาวราช’ ถือเป็นจุดบรรจบระหว่างวัฒนธรรมไทยกับจีน อันมีสีสันและความสนุกสนานที่สร้างชื่อเสียงให้กรุงเทพฯ​ มานานหลายปี เป็นศูนย์กลางของประวัติศาสตร์​ วัฒนธรรม และอาหารสตรีทฟู้ด (Street Food) ที่ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติล้วนต้องมาเยือน

เพื่อสัมผัสความวุ่นวายของย่านนี้ มีร้านอาหารแห่งหนึ่งที่นำความเป็นจีนของเยาวราชมาผสมผสานกับความเป็นไทยของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะอาหารในรูปแบบอาหารฟิวชัน (Fusion Food) 

JAM JAM Eatery & Bar ร้านอาหารโรงแรม ASAI Chinatown ถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายตามคำจัดความข้างต้น เพราะ JAM JAM คือร้านอาหารที่นำเมนูจานเด็ดจากต่างวัฒนธรรมมา ‘แจม’ กันเพื่อให้กำเนิดกับอาหารสไตล์​ ‘Neo-Chinese-Thai’ หรือ ‘จีน-ไทย แบบแปลกใหม่’ ที่สะท้อนในบรรยากาศของร้าน ซึ่งตกแต่งด้วยวอลล์เปเปอร์​สีแดงเข้ม โคมไฟสไตล์จีน และป้ายนีออนแบบโมเดิร์น 

JAM JAM ปรับเปลี่ยนอาหารจานคลาสสิกของประเทศจีนให้เข้ากับรสนิยมของคนไทย โดยการใช้วัตถุดิบและการปรุงรสแบบไทย แน่นอนว่า มีทั้งความหอมหวานสลับเค็มของอาหารจีน พร้อมกับความเผ็ดเปรี้ยวสไตล์ไทย 

 The Momentum ขอชวนผู้อ่านมาชิมเมนู ‘Sharing Bites’ ใหม่ของ JAM JAM ที่ออกแบบมาเพื่อแบ่งปันอาหาร กินพร้อมหน้าพร้อมตากับผู้อื่นตามประเพณีจีน-ไทยโดยเฉพาะ

เริ่มต้นด้วยจานที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘อร่อย’ อย่าง ฟักทองทอดซอสไข่เค็ม ที่รสชาติกลมกล่อมจนต้องสั่งมาเพิ่มอีกจาน สีเหลืองของฟักทองสลับกับสีส้มสดของไข่เค็มที่โรยหน้าทำให้จานนี้ดูฉูดฉาดและน่าสนใจ ที่สำคัญตัวฟักทองที่นำมาทอดก็มีสัมผัสกรอบนอกนุ่มใน และมีความหวานตัดกับความเค็มจากไข่เค็ม แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า อาหารไม่จำเป็นต้องซับซ้อนและใช้วัตถุดิบมากมายก็อร่อยได้ 

เนื้อสับย่างเครื่องลาบ ซอสไข่แดง 

เนื้อสับย่างเครื่องลาบ ถือเป็นตัวอย่างอันยอดเยี่ยมของอาหารฟิวชัน Neo-Chinese-Thai โดยการนำรสชาติเปรี้ยวแซ่บประจำภาคอีสานมาสู่เมนูนี้ เนี้อวัวแองกัสสับปรุงรสด้วยเครื่องลาบที่คนไทยรักและคุ้นเคย ได้ลิ้มรสพริกแห้ง ข้าวคั่ว มะนาว และใบสะระแหน่ในทุกคำ เสิร์ฟพร้อมกับแตงกวาและไข่แดงดิบที่ใช้เป็นน้ำจิ้มได้ 

เกี๊ยวกุ้งเสฉวน 

หลายคนอาจคุ้นชินกับหน้าตาและรสชาติของเกี๊ยวกุ้ง แต่ JAM JAM ยกระดับจานนี้ด้วยวัตถุดิบและเครื่องปรุงเสฉวน เกี๊ยวกุ้งนึ่งราดด้วยซอสหอมเข้มข้นที่ผสมระหว่างซอสถั่วดำ น้ำมันงา กับน้ำมันพริกอันเป็นเอกลักษณ์ที่สุดของอาหารเสฉวน ปิดท้ายด้วยความเป็นไทยจากพริกทอด กระเทียม และแคบหมู ที่เพิ่มความกรุบกรอบให้กับจานนี้ 

ข้าวผัดหมูแดงปลาเค็ม 

สำหรับข้าวผัด ‘หยินหยาง’ น่าสนใจในเชิงคอนเซปต์ที่หยิบเอา หยินหยางอันหมายถึงการผสมผสานของ 2 สิ่งที่ต่างกันอย่างสมดุลและเข้ากันมาเล่นในจานนี้ เปรียบเสมือนการรวมกันของวัฒนธรรมไทยกับจีนตามเอกลักษณ์ของ JAM JAM โดยข้าวผัดจานนี้มีรสชาติดั้งเดิมเหมือนส่งตรงมาจากประเทศจีน ท็อปปิงด้วยหมูแดง ไข่เค็ม และเต้าเจี้ยวปรุงรสผสมพริก ในขณะเดียวกันก็สัมผัสถึงความเป็นไทยได้จากปลาเค็มและน้ำปลาพริกด้วยเช่นกัน

ชุดรวมเนื้อย่างเสียบไม้

จานที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ของ JAM JAM ก็คือ ชุดรวมเนื้อย่างเสียบไม้ ด้วยสีสันและกลิ่นหอมฉุย ทำให้เมนูนี้โดดเด่นจากจานอื่นๆ ที่อยู่บนโต๊ะ ที่ห้ามพลาดอย่างยิ่งคือ หมูแดงสามชั้นย่าง เมนูสุดคลาสสิกของอาหารจีน มีรสชาติหวานปนเค็มที่น่าจดจำที่สุด​ สำหรับคนที่ชอบรสเปรี้ยวแนะนำให้ลองหมูสามชั้นย่างซอสเซี่ยงไฮ้ นอกจากนี้ยังมีท้องปลาแซลมอนย่างซอส XO (น้ำพริกซีฟู้ดกวางตุ้ง) เนื้อย่างซอสมัสตาร์ด และไก่ย่างซอสต้นหอมที่หอมอร่อยไม่แพ้กัน

Fact Box

หากใครสนใจอาหารประเภท Neo-Chinese-Thai เช่นนี้ของ JAM JAM Eatery & Bar สามารถแวะมาลิ้มลองด้วยตัวเองได้ที่โรงแรม ASAI Chinatown ชั้น 4 ของห้างสรรพสินค้า I’m Chinatown 

เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 11.00-23.00 น. 

จองโต๊ะได้ที่ 02-220-8999 หรือทางเว็บไซต์​ https://www.asaihotels.com/locations/bangkok-chinatown/jam-jam/

Tags: , , , ,