วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดปีที่ 70 ของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยชายเจ้าของตำแหน่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ลืมตาดูโลก ณ จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรคนโตจากพี่น้องทั้งหมด 4 คน ในครอบครัวของพันเอก (พิเศษ) ประพัฒน์ จันทร์โอชา และเข็มเพชร จันทร์โอชา ซึ่งรับราชการครู

พลเอกประยุทธ์หรือ ‘ตู่’ ตบเท้าเข้าสู่แวดวงทหาร ภายหลังเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนวัดนวลนรดิศ ในฐานะนักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 12 (ตท.12) จากนั้นเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 23

เมื่อปี 2512 คอลัมน์เรียนดีของนิตยสารชัยพฤกษ์ ได้เขียนบรรยายชีวิตในวัยมัธยมต้นของพลเอกประยุทธ์ว่า เป็นเด็กบุคลิกเงียบขรึม แต่มีผลการเรียนในระดับดีเยี่ยม มีวิชาที่ถนัดคือวิชาคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และวิทยาศาสตร์ ทั้งมีความมุ่งมั่นตั้งใจจะประกอบอาชีพทหารบกในอนาคตตามรอยบิดา ส่วนเวลาว่างหลังเลิกเรียนมักจะอ่านหนังสือและช่วยงานบ้านอยู่เสมอ

เมื่อสำเร็จการศึกษาในรั้วโรงเรียนนายร้อยฯ จึงเข้ารับราชการสังกัดกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ในกลุ่ม ‘บูรพาพยัคฆ์’ เช่นเดียวกับ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนปัจจุบัน รวมถึง พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนปัจจุบัน โดยทั้งสามมีสถานะความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งยวด จนภายหลังถูกขนานนามว่า ‘พี่น้อง 3 ป.’

ชื่อของพลเอกประยุทธ์เป็นที่รู้จักกว้างขวางตามหน้าสื่อ หลังรับไม้ต่อตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกจากพลเอกอนุพงษ์ ที่เกษียณอายุราชการในปี 2553 และได้รับบทบาทเป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน จาก อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ทั้งนี้องค์กร Human Rights Watch ออกมาระบุว่า พลเอกประยุทธ์มีส่วนเข้ามาขัดขวางการสืบสวนเหตุการณ์ชุมนุมใหญ่ดังกล่าว ที่มีผู้เสียชีวิต 41 ราย และบาดเจ็บ 250 ราย

3 ปีต่อมา ภายหลังรัฐบาลของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศยุบสภาฯ จากการถูกกดดันอย่างหนักของกลุ่ม กปปส. นั่นเป็นการเปิดโอกาสให้พลเอกประยุทธ์ ประกาศกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2557 ก่อนอีก 2 วันถัดมาจะเป็นผู้นำก่อรัฐประหารในนามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ภายใต้การรวมตัวของ 3 เหล่าทัพ ด้วยเหตุผลว่า

“เพื่อให้สถานการณ์ดังกล่าวกลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ประชาชนในชาติเกิดความรัก ความสามัคคี เช่นเดียวกับห้วงที่ผ่านมา ตลอดจนเพื่อเป็นการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ เพื่อให้เกิดความชอบธรรมกับทุกพวก ทุกฝ่าย”

ต่อมาในวันที่ 26 พฤษภาคม 2557 มีพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพลเอกประยุทธ์เป็นหัวหน้า คสช. ซึ่งมีอำนาจการบริหารเทียบเท่าตำแหน่งนายกฯ โดยมีนโยบายสร้างความปรองดองแก่คนในชาติ อาทิ เดินหน้าจัดระเบียบสังคม จัดรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนรายสัปดาห์ แต่งเพลงคืนความสุขให้ประเทศไทย ฯลฯ

อย่างไรก็ดี 5 ปีภายใต้รัฐบาล คสช. เต็มไปด้วยข้อครหามากมาย ทั้งปัญหาคอร์รัปชัน การละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อนักกิจกรรมทางการเมือง การจำกัดสิทธิเสรีภาพบนหน้าสื่อ และการใช้อำนาจมาตรา 44 รวบอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ไว้เบ็ดเสร็จครบถ้วน ทำให้ประชาชนต่างเรียกร้องให้นำไปสู่การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป ปี 2562

แม้การเลือกตั้งครั้งดังกล่าว พรรคพลังประชารัฐภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จะได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดราว 7 ล้านเสียง สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาลงมติเลือกพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่ออีกสมัย แต่กลับมีคำครหาตามมามากมาย อาทิ ตัวเลขผู้มาใช้สิทธิกับตัวเลขบัตรที่ถูกใช้ไปไม่ตรงกัน (บัตรเขย่ง) การเปลี่ยนแปลงสูตรเลือกตั้งให้สมาชิกวุฒิสภา (ที่หนึ่งในนั้นมีพลเอก ปรีชา จันทร์โอชา น้องชายของพลเอกประยุทธ์เป็นสมาชิก) 250 เสียงมีสิทธิร่วมโหวตเลือกนายกฯ มากไปถึงการบริหารที่ล้มเหลวในหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องปัญหาการรับมือโรคระบาดโควิด-19 รวมไปถึงคดีส่วนตัวอย่างเหมืองทองอัครา คดีถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่เมื่อ 16 กรกฎาคม 2562 ไม่ครบถ้วน คดีพักอาศัยในบ้านพักข้าราชการทหาร แม้เกษียณอายุไปแล้ว 6 ปี และถูกสั่งศาลรัฐธรรมนูญสั่งพักหน้าที่ชั่วคราว จากกรณีเข้าข่ายดำรงตำแหน่งวาระครบ 8 ปี

สถานการณ์ล่าสุด พลเอกประยุทธ์ได้ประกาศยุบสภาฯ ก่อนวันเกิด 1 วัน เพื่อเตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้งครั้งใหญ่ในเดือนพฤษภาคม 2566 และสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ท้าชิงตำแหน่งเก้าอี้นายกฯ อีกสมัย แม้จะต้องแยกทางกับพลเอกประวิตรที่มีสถานะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ

“ไม่ใช่ผมอยากเป็นใหญ่ ไม่ใช่ผมอยากมีอำนาจ อำนาจผมมีมาเยอะแล้ว มีมาทั้งชีวิตราชการ อำนาจมาพร้อมความรับผิดชอบ ผมยืนยันผมไม่เคยรับผลประโยชน์ใครทั้งสิ้น แต่เพราะนึกถึงพวกเรา ที่ผมมายืนตรงนี้เพราะผมเคารพในกระบวนการประชาธิปไตย” พลเอกประยุทธ์ระบุ ระหว่างการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรครวมไทยสร้างชาติ ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2566

Tags: , ,