ผมไม่ค่อยชื่นชอบ คริสเตียโน โรนัลโด สักเท่าไหร่

เหตุผลนั้นเรียบง่ายครับ ผมชิงชังใน ‘อีโก้’ ที่สูงระดับชั้นสตราโทสเฟียร์ของเขา และสำหรับคนรุ่นผมแล้ว โรนัลโดนั้นมีเพียงหนึ่งเดียวคือ ‘โอ ฟีโนเมโน’ ราชาลูกหนังบราซิลยุค 90’s ที่เป็นต้นตำรับขนานแท้

เพียงแต่ในระยะหลัง โดยเฉพาะหลังจบฟุตบอลยูโร 2016 เป็นต้นมา ปฏิเสธได้ยากว่า ผมมองโรนัลโดด้วยความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากเดิมพอสมควร

คล้ายๆ จะอ่อนโยนและเข้าใจได้ง่ายมากขึ้น

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ‘ตัวตน’ ของเขาจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมครับ

โรนัลโดยังคงเป็นคนเก่าที่หลงรักการเป็น​​ ‘ผู้ชนะ’

ไม่ว่าจะสังเวียนไหนก็ตาม

Photo: Arnd Wiegmann, Reuters/profile

ภาพการยืนบนโพเดียมก่อนเปล่งเสียงคำรามในวันรับโทรฟี ‘บัลลงดอร์’ สมัยที่ 3 ของเขาที่สามารถกลับมาเอาชนะ ลิโอเนล เมสซี คู่ปรับชั่วชีวิตได้เมื่อปี 2014 เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่อยู่ในความทรงจำของผู้คนมากมาย

เช่นกันกับการออกมาร่วมกำกับเกมและกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมอยู่ข้างสนามในนัดชิงฟุตบอลยูโร 2016 กับทีมชาติฝรั่งเศสที่สนามสตาดเดอฟร็องส์ หลังต้องถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามตั้งแต่ต้นเกมจากอุบัติเหตุในการแข่งขันที่ทำให้ไม่สามารถกัดฟันฝืนลงเล่นต่อไหว จนเรียกความสงสารจากคนทั้งโลกได้ (ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น)

มันคือกระจกที่สะท้อนตัวตนของคนที่ไม่ต้องการเป็น ‘ผู้แพ้’ ได้เป็นอย่างดี

ล่าสุด โรนัลโดปฏิเสธการตกเป็นผู้แพ้อีกครั้ง ด้วยการประกาศการต่อสัญญาฉบับใหม่กับ เรอัล มาดริด ออกไปอีก 5 ปี ด้วยมูลค่าที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์

ตัวเลขที่มีการเปิดเผยล่าสุดจาก Sport สื่อในแคว้นคาตาลันระบุว่า ค่าตอบแทนในแต่ละสัปดาห์ของเขาสูงถึง 400,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ‘หลังหักภาษี’ (ขณะที่สำนักข่าวอื่นลงไว้ก่อนหน้านี้ที่ 365,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์) หรือตกปีละ 21 ล้านปอนด์ โดย ฮอร์เก้ เมนเดส ซูเปอร์เอเยนต์ส่วนตัวยืนยันว่า โรนัลโดคือนักฟุตบอลที่ได้รับค่าตอบแทนสูงที่สุดของโลก

การประกาศการต่อสัญญาเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลัง แกเร็ธ เบล ซูเปอร์สตาร์รุ่นน้องเพิ่งประกาศต่อสัญญาฉบับใหม่ในถิ่นซานติอาโก เบอร์นาบิว กับเงินค่าเหนื่อย 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ได้เพียงแค่สัปดาห์เดียว

ถ้ามองอย่างไม่คิดมาก ก็ถือเป็นเรื่องดีสำหรับ เรอัล มาดริด ที่อดีต 2 นักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลก จะยังอยู่ในเบอร์นาบิวต่อไปอีก 5 ปี

Photo: Jas Lehal, Reuters/profile

แต่คนในแวดวงจะรู้ดีว่า นี่เป็นนิสัยการ ‘ข่ม’ ของโรนัลโดที่จะไม่ยอมให้ใครสำคัญกว่าตน และสโมสรไม่มีทางเลือกอื่นมากไปกว่าการยินยอมทำตามแต่โดยดี

มันอาจจะดูนิสัยไม่ดีนัก แต่ก็เพราะนิสัยแบบนี้นี่แหละครับที่ทำให้เด็กน้อยจาก ฟุงชาล เมืองหลวงของหมู่เกาะมาเดรา ที่มีรูปร่างผอมเกร็งและเกือบจะไม่ได้เล่นฟุตบอลอาชีพ ถ้าไม่ได้เพื่อนรักอย่าง อัลแบร์โต้ ฟันเทรา ใส่พานให้จนได้เข้าทีมเยาวชนของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน มาไกลสุดขอบโลกเช่นนี้

อย่างไรก็ดี เส้นทางของโรนัลโดยังไม่น่าจะจบในปี 2021 เท่าระยะเวลาในสัญญา 5 ปีที่ต่อออกไปครับ

ผมไม่ได้หมายถึงการที่เขาออกตัวว่าเขายังคิดจะเล่นในเกมลูกหนังไปอีก 10 ปี หรือเล่นจนถึงปี 2026 เป็นอย่างต่ำด้วย

แต่ CR7 กำลังไปไกลกว่านั้น เมื่อ ‘ไนกี้’ ประกาศข่าวดีในการเซ็นสัญญาสปอนเซอร์ระยะยาวฉบับใหม่ ที่ว่ากันว่าเป็นสัญญายาวตลอดชีวิต ทำให้เขาเป็นนักฟุตบอลในสังกัดของ ‘ไนกี้’ คนแรกที่ได้รับสัญญาตลอดชีวิต

ก่อนหน้าโรนัลโด มีเพียง เดวิด เบ็กแฮม อดีตรุ่นพี่ในทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เป็น ‘ไอดอล’ ให้​โรนัลโดก้าวเดินตามมาเป็นคนแรกและคนเดียวที่ได้เซ็นสัญญาตลอดชีวิตแบบนี้

เพียงแต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยน วันเวลาที่ผ่าน ทำให้มูลค่าสัญญานั้นแตกต่างกันอย่างมากมายมหาศาล

สัญญาตลอดชีวิตของเดวิด เบ็กแฮม ที่เซ็นกับอาดิดาส เมื่อปี 2003 มีมูลค่าราว 160.8 ล้านปอนด์ ซึ่งก็นับว่ามากมายมหาศาลแล้วในเวลานั้น

แต่สัญญาตลอดชีวิตของโรนัลโด – ซึ่งความจริงไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ มีเพียงรายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างๆ แต่ก็พอเชื่อถือได้ระบุว่า – น่าจะได้อยู่ที่ปีละ 40 ล้านปอนด์

หรือหากคิดรวมๆ แล้วจะแตะหลัก ‘พันล้าน’ เพียงแต่เปลี่ยนหน่วยเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ ครับ โดยถ้าคิดเป็นเงินสกุลไทยจะได้ที่ 3.4 หมื่นล้านบาทกับสัญญาฉบับนี้ ซึ่งก็จะเท่ากับ เลอบรอน “คิง” เจมส์ ที่เพิ่งเซ็นสัญญาตลอดชีวิตกับไนกี้

อย่างไรก็ดี มีการมองว่าไนกี้ได้ยกย่องสถานะของโรนัลโดเทียบเท่ากับ ไมเคิล “แอร์” จอร์แดน ตำนานนักยัดห่วงผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล ที่ทุกวันนี้สินค้าของจอร์แดนยังถือเป็นสินค้าอมตะขายได้เสมอ

ไนกี้มองว่า โรนัลโดจะเป็น ‘อมตะ’ เหมือนจอร์แดน

ไม่นับเรื่องเงิน สำหรับนักกีฬาสักคน ผมคิดว่าเรื่องนี้มันเป็นเกียรติอย่างสูงสุดครับ

เพราะไม่ใช่ทุกคนจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ กับการเป็น ‘ไอคอน’ ของโลก

ผมเองเป็นคนหนึ่งที่เชื่อในเรื่องของ ‘สิ่งตอบแทนที่เท่าเทียม’ ครับ

หากเราต้องการสิ่งใดก็ต้องแลกด้วยสิ่งที่เท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็น เงินทอง ความพยายาม ความรัก หรือความรู้สึก

เมื่อมองถึงความพยายามตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สิ่งที่โรนัลโดได้รับก็นับว่าเหมาะสมกับสิ่งที่เขาทำมาตลอดชีวิต

ใต้เปลือกของมนุษย์ผู้มีอีโก้สูงและไม่เคยปิดบัง คริสเตียโน โรนัลโด คือมนุษย์ที่มีความเพียรสูงที่สุดคนหนึ่งของโลก

สายตาของเขามองไปข้างหน้าตลอดเวลา โดยหากพบว่ามีใครอยู่ข้างหน้า เขาจะพยายามผลักดันตัวเองเพื่อจะแซงเอาชนะให้ได้ หรือหากแซงหน้าทุกคนได้แล้วพบว่าข้างหน้ามีเป้าหมายใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่า เขาก็จะพยายามก้าวไปให้ถึง

และต่อให้ต้องประสบความพ่ายแพ้ไม่ว่าจะกี่ครั้ง เขาจะลุกขึ้นมาท้าสู้ใหม่เสมอ

จนกว่าจะชนะ และจนกว่าจะพ่ายแพ้ใหม่ เวียนวนเช่นนี้เรื่อยไป

Photo: Reuters Staff, Reuters/profile

ผมกลับมาถามตัวเองอีกครั้งว่าสำหรับผมแล้วเขาเป็นนักเตะแบบไหน และเป็นคนที่ควรค่าจะชื่นชมไหม?

ผมมาได้ข้อสรุปว่าบางครั้งคำตอบก็อยู่ที่ว่าเราเลือกจะมองเขาในแง่มุมไหน

ในเรื่องพรสวรรค์การเล่น โรนัลโดคนนี้เป็นเพียงแค่ตัวตลกเมื่อเทียบกับ O Fenômeno โรนัลโดแห่งบราซิล

ในเรื่องการปฏิบัติตัว ความขี้เก๊ก ขี้โอ่ ขี้อวดของเขา ยากจะทำให้คนรักได้ง่ายเท่ากับคนที่ดูเรียบง่ายอย่าง ลิโอเนล เมสซี

แต่ถ้ามองในเรื่องของความมุมานะ ทุ่มเท ความพยายามที่ไร้ขีดจำกัดแล้ว โรนัลโดคือหนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดที่เรามองหาได้บนโลกเวลานี้

ไม่นับความอ่อนโยน ความมีน้ำใจและไมตรีที่เรามักจะได้เห็นภาพข่าวและเรื่องเล่าดีๆ ของเขาออกมาเรื่อยๆ (จนแอบคิดมากไม่ได้ว่าเป็นแผน PR ที่แยบยล แต่ก็ช่างมันเถอะ!)

แต่จะรักหรือชัง ผมว่ามันอาจจะไม่สำคัญเท่าไหร่นัก

คริสเตียโน โรนัลโด เวลานี้คือ ‘ไอคอน’ และ ‘แรงบันดาลใจ’ ของวงการกีฬาในศตวรรษที่ 21 ที่จะมีคนรุ่นใหม่พร้อมเดินตามเส้นทางของเขาอีกมากมาย

อย่าแปลกใจหากนักฟุตบอลยุคใหม่จะอีโก้จัด มีความเซเลบสูง และเน้นพัฒนาร่างกายจนใกล้เคียงซูเปอร์ไซย่า

หากแต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นเหมือนเขาได้

Melhor Jogador Do Mundo – นักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลก

 

FACT BOX:

เกียรติยศและความสำเร็จของโรนัลโด

กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
พรีเมียร์ ลีก: 2006-07, 2007-08, 2008-09
เอฟเอ คัพ: 2003-04
ลีก คัพ: 2005-06, 2008-09
เอฟเอ คอมมิวนิตี้ ชิลด์: 2007
ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก: 2007-08
ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ: 2008

กับเรอัล มาดริด
ลา ลีกา: 2011-12
โกปา เดล เรย์: 2010-11-2013-14
ซูเปร์ โกปา เด เอส ปาญา: 2012
ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก: 2013-14, 2015-16
ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ: 2014
ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ: 2014

กับทีมชาติโปรตุเกส
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป: 2016

เกียรติยศส่วนตัว (บางส่วน)
บัลลงดอร์ (เดิม): 2008
ฟีฟ่า บัลลงดอร์: 2013, 2014
นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีฟีฟ่า: 2008
นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปี FIFPro: 2008
รองเท้าทองคำยุโรป: 2007-08, 2010-11, 2013-14, 2014-15

DID YOU KNOW?

โรนัลโดมีส่วนกับยอดขายเสื้อแข่ง เรอัล มาดริด มากถึง 40%

MARCA รายงานว่า นอกเหนือจากจำนวนประตูและแอสซิสต์ที่โรนัลโดทำให้แก่ เรอัล มาดริด มากมายตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ย้ายมาอยู่กับทีม ‘ราชันชุดขาว’ โรนัลโดยังเป็นคนสำคัญที่สุดในเรื่องของการตลาดของสโมสรด้วย

โดยมีการเปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา โรนัลโดมีส่วนกับยอดขายของเสื้อแข่งทีม เรอัล มาดริด มากถึง 40% หรือเกือบครึ่งหนึ่งของที่ทำได้ โดยฐานสำคัญที่สุดของเรอัล มาดริด และโรนัลโดอยู่ในเอเชีย ซึ่งทำรายได้ให้แก่ทีมอย่างมากมายมหาศาล    ส่วนคนที่มียอดขายเสื้อรองลงมาคือ ฮาเมส โรดริเกวซ เพลย์เมกเกอร์หน้าหยกชาวโคลอมเบีย ที่เจาะตลาดแถบลาตินอเมริกาได้ดี แต่ก็ยังห่างไกลจากพี่ใหญ่อย่าง CR7 มากนัก