หากพูดชื่อ ‘นิชิโนะ อากิฮิโระ’ ที่ประเทศญี่ปุ่น คงแทบไม่มีใครไม่รู้จักเขา

นิชิโนะ คือศิลปินตลกจากวงดูโออย่าง Kingkong ซึ่งโดดเด่นเรื่องความคิดสร้างสรรค์และวิธีเล่าเรื่องที่ไม่เหมือนใคร นอกจากผลงานทางโทรทัศน์แล้ว เขายังเขียนบทละครเวทีและเป็นผู้กำกับ ทั้งยังเป็นนักเขียนหนังสือเกี่ยวกับธุรกิจที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ทางด้านงานภาพของเขาก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน นิชิโนะนับเป็นนักวาดฝีมือดี ที่พาผู้ชม-ผู้อ่านเข้าสู่โลกแฟนตาซีผ่านภาพวาดในบรรยากาศสุขปนเศร้า ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นหัวใจ

ที่ผ่านมาเขาออกหนังสือนิทานภาพสำหรับเด็กมาแล้วหลายเล่ม ติดอันดับเบสต์เซลเลอร์อย่างเดียวไม่พอ ผลงานอย่าง Poupelle of Chimney Town มียอดขายทะลุ 350,000 เล่ม และเพิ่งถูกนำไปทำเป็นเวอร์ชั่นแอนิเมชั่นในชื่อเดียวกัน นอกจากนี้ ผลงานต่างๆ ของเขายังถูกนำไปจัดนิทรรศการที่ต่างประเทศอยู่เรื่อยๆ เช่น นิวยอร์ก, ลอนดอน, เฮลซิงกิ ฯลฯ รวมถึงกรุงเทพมหานคร ซึ่งควรค่าต่อการไปดูไปชมเพื่อปลดปล่อยจินตนาการและความเยาว์วัยเป็นอย่างยิ่ง

งานภาพสุดละเอียดและงานสร้างอันยาวนาน

จุดเด่นในนิทานของนิชิโนะคือเนื้อเรื่องที่นำเสนอความเศร้า, ความตาย, ความโหดร้ายที่มีอยู่จริงในสังคมผ่านลายเส้นการ์ตูนที่ดูน่ารักและตัวเอกที่มักเป็นเด็กหนุ่มกับลุงแก่ลึกลับ แต่อีกส่วนที่โดดเด่นมากเช่นกันคือความละเอียดในภาพแต่ละภาพของเขา 

เช่นในผลงานชุด Dr.Ink’s starry sky cinema นิทานภาพเล่มแรกของเขาที่ใช้ปากกาหัว 0.03 mm จำนวนหลายร้อยแท่ง สร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยระยะเวลาถึง 5 ปี งานภาพของเขาละเอียดมากระดับที่มีคนบอกว่ายืนมองอยู่ 30 นาทีก็ยังอาจจะเก็บรายละเอียดไม่ครบ ส่วนผลงานที่ใช้คอมพิวเตอร์อย่าง Poupelle of Chimney Town ก็ต้องแบ่งงานกันทำกับอิลลัสเตรเตอร์อีก 33 คนในการสร้างงานละเอียดนี้ขึ้นมาด้วยเวลาถึง 4 ปีครึ่ง 

นอกจากจะวาดภาพอย่างละเอียดแล้ว นิชิโนะยังใส่ใจเรื่องโครงสร้างที่อยู่เบื้องหลังตัวงาน เช่น การสร้างเมืองปล่องไฟใน Poupelle of Chimney Town เขาถึงกับทำผังเมืองขึ้นมาก่อนจริงๆ เพื่อวางแผนว่าตึกไหนควรอยู่ตรงไหน ควรจะสูงเท่าไร จนถึงตำแหน่งของหอคอยและกองขยะต่างๆ ควรถูกจัดวางอย่างไร เพื่อสร้างโลกจินตนาการที่สมบูรณ์ที่สุด

การผสมผสานเทคโนโลยีสู่ความแฟนตาซี

ทุกครั้งที่จัดแสดงผลงาน นิชิโนะอยากให้คนได้สัมผัสประสบการณ์ใกล้เคียงกับโลกแห่งจินตนาการมากที่สุด เขาจึงนำไฟ LED มาใช้เสริมเพื่อให้ภาพของเขาส่องประกายเพิ่มมิติและความประทับใจ สร้างประสบการณ์ที่แตกต่างจากการดูผ่านหนังสือ 

“เวลาคนเราดูทีวีหรือเล่นคอม เรารู้สึกอีกแบบหนึ่ง ดังนั้นถ้าแสงสะท้อนออกมาจากภาพก็น่าจะทำให้คนผ่อนคลายกว่าการนำแสงไฟมาส่องเข้าหาภาพเฉยๆ” นิชิโนะเล่า 

เขาเพิ่มเติมอีกว่า ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากพางานศิลปะออกนอกแกลเลอรี คนทั่วไปไม่ว่าจะมีความรู้เกี่ยวกับศิลปะมากน้อยแค่ไหนจะได้ชมผลงานได้โดยไม่รู้สึกกดดันหรือถูกประเมิน เขาจึงพาเหล่าภาพที่เปล่งแสงนี้ไปจัดแสดงในหลายๆ แห่งต่างกันไป ทั้งในคาเฟ่ ในป่า ในศาลเจ้า และตามท้องถนนยามค่ำคืน ด้วยความที่เฟรมภาพของเขาเป็นแบบกันน้ำ จึงจะนำไปจัดที่ไหนก็ได้ และทำให้พื้นที่นั้นๆ กลายเป็นโลกแฟนตาซีได้โดยปริยาย

แต่การใช้ไฟ LED เป็นเพียงจุดเริ่มต้น นิชิโนะต้องการให้งานภาพของเขาเป็นอะไรได้มากกว่านั้น

“ผมรักการ์ตูนของวอลต์ ดิสนีย์ และอยากไปให้ได้ไกลกว่านั้น ผมเลยพยายามหาทางที่ก้าวข้ามพวกเขาไปให้ได้” ศิลปินหนุ่มเล่าถึงความตั้งใจ 

“คำตอบที่ผมค้นพบคือ การใช้เทคโนโลยีครับ”

เขาให้สัมภาษณ์กับทาง JapanCulture-NYC ไว้ว่า ดิสนีย์คือโลกแห่งแฟนตาซี เราต้องไปดิสนีย์แลนด์ถึงจะรู้สึกเหมือนได้อยู่ในโลกของดิสนีย์ แต่เขาอยากทำให้โลกแห่งความจริงกลายเป็นเหมือนโลกแห่งจินตนาการโดยไม่ต้องจำกัดอยู่เพียงที่ใดที่หนึ่ง งานนิทรรศการของเขาที่นิวยอร์กซึ่งเพิ่งจัดไปในปี 2018 จึงมีการใช้แท็บเล็ตและเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) มายกระดับประสบการณ์การชมภาพศิลปะ โดยที่ผู้เยี่ยมชมจะได้เห็นนิชิโนะออกมายืนเล่าขั้นตอนการทำงาน แล้วได้เห็นภาพตั้งแต่ยังเป็นภาพร่างขาวดำจนลงสีเสร็จสมบูรณ์ เพียงแค่นำแท็บเล็ตไปส่องที่ภาพสเก็ตช์

ส่วนที่โตเกียวในปีนี้ ผู้ชมสามารถเข้าไปโลดเล่นในเมืองแห่งปล่องไฟของ Poupelle of Chimney Town ได้จริงผ่านแว่น VR (Virtual Reality) ซึ่งช่วยเนรมิตเมืองและเรื่องราวออกมาได้อย่างละเอียดลออ จนหลายคนแอบน้ำตาซึมอินไปกับความสัมพันธ์ของเด็กน้อยกับสิ่งมีชีวิตที่เกิดมาจากกองขยะ

2 ปีที่แล้ว Poupelle of Chimney Town เพิ่งมาจัดนิทรรศการที่ไทยไปหมาดๆ และในปีนี้เขาก็กลับมาแสดงผลงานอีกครั้ง กับ TICK TOCK- We are in love at the clock tower เรื่องของคุณลุงบุคลิกแปลกประหลาด (อีกแล้ว) ผู้ทำงานและอาศัยอยู่ในหอนาฬิกาซึ่งเข็มหยุดอยู่ที่เวลา 11:59 มานานแล้ว โดยนิชิโนะพูดถึงผลงานล่าสุดชิ้นนี้ไว้ว่า “นี่เป็นผลงานที่ชวนเศร้าที่สุดแต่ก็เป็นเรื่องราวที่งดงามมากที่สุดด้วยเช่นกัน”

งานชิ้นนี้จะมีความละเอียดลออแค่ไหน จะใช้เทคโนโลยีมาช่วยสร้างความประทับใจอย่างไรบ้าง ติดตามได้ที่งาน NIPPON HAKU BANGKOK 2019 วันที่ 30 สิงหาคม – 1 กันยายน 2019 นี้ที่ชั้น 5 สยามพารากอน

สถานที่ รอยัล พารากอนฮอล์ ชั้น 5 สยามพารากอน

เวลา 11.00-20.00 น. เข้างานและเข้าชมนิทรรศการฟรี

ลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่

http://bit.ly/nipponhakubangkok

สอบถาม. 0-2258-3983, 0-2665-2969

รายละเอียดงาน : https://www.facebook.com/nipponhaku.th/

Tags: ,