ระหว่างที่คนทั่วโลกกำลังลุ้นว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ เรามาดู 7 ความเคลื่อนไหวล่าสุดก่อนเปิดหีบเลือกตั้งกันดีกว่าว่าบ่งบอกสัญญาณอะไรหรือไม่ ระหว่างฮิลลารีที่ตอนนี้มีแต้มต่อและหลายสื่อหลายโพลสำรวจเห็นตรงกันว่าน่าจะชนะตามคาด หรือทรัมป์จะมีโอกาสพลิกเกมคว้าชัยได้ในช่วงสุดท้าย

บอกเลยว่า 7 ความเคลื่อนไหวล่าสุดที่เกิดขึ้นนี้ ถ้าเป็นไปได้ อย่าคลาดสายตาเด็ดขาด

Photo: Brian Snyder, Reuters/profile

1. ปิดเกมอีเมลฮิลลารี แต่ละครเรื่องนี้อีกยาว

11 วันก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง เจมส์ บี. โคมี (James B. Comey) ผู้อำนวยการ FBI แจ้งต่อรัฐสภา ถึงการรื้อฟื้นคดีสอบสวนกรณีการใช้อีเมลส่วนตัวของฮิลลารีขึ้นมาอีกรอบ เพราะเจอหลักฐานใหม่ที่เกี่ยวข้อง แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าหลักฐานที่พบเป็นหลักฐานชุดใหม่? เกี่ยวข้องกับรูปคดีอย่างแน่นอนหรือไม่? ไปจนถึงจะสามารถนำไปสู่การเอาผิดฮิลลารีได้หรือเปล่า?

แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการรื้อฟื้นคดีดังกล่าวในโค้งสุดท้ายนี้ ได้กลายเป็นระเบิดลูกใหญ่ต่อกระแสความนิยมของฮิลลารีไปเรียบร้อยแล้ว

2 วันก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง ผู้อำนวยการ FBI ได้แจ้งต่อรัฐสภาว่า ถึงที่สุดแล้วหลักฐานใหม่ที่พบไม่สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรูปคดี หรือนำไปสู่การแจ้งความผิดเพิ่มเติม

ฉับพลันทันทีที่แถลงการณ์ออกมา ทรัมป์ขึ้นปราศรัยโจมตี FBI ทันที หลังจากที่ชื่นชมองค์กรดังกล่าวไปเมื่อ 11 วันก่อน โดยทรัมป์บอกว่า

“ในขณะนี้ ฮิลลารีได้รับการปกป้องโดยระบบกลโกง มันเป็นอะไรที่ขี้โกงมากๆ คุณไม่สามารถพิจารณาอีเมลตั้ง 650,000 ฉบับได้ในเวลาเพียง 8 วันหรอก”

เขายังเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนของตัวเอง “ร่วมกันส่งมอบความยุติธรรมในประเทศนี้ โดยการออกไปเลือกตั้ง” (Deliver justice at the ballot box)

ด้าน พอล ไรอัน ประธานรัฐสภาจากพรรครีพับลิกัน ออกแถลงการณ์ทันที โดยย้ำว่า การสอบสวนของ FBI ที่ปรากฏว่าฮิลลารีไม่มีความผิดใดๆ ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ฮิลลารีนำความลับของประเทศเข้าไปอยู่ในความเสี่ยง และการกระทำเช่นนี้ ถือว่าส่งผลอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศไปโดยปริยาย

“ฮิลลารีเชื่อเสมอว่า เธอสามารถอยู่เหนือกฎหมายได้ และเธอก็ถือหลักการนี้อยู่โดยตลอด ตระกูลคลินตันถือหลักการนี้มาโดยตลอด และคนอเมริกันก็ไม่ควรที่จะต้องอดทนกับอีก 4 ปีข้างหน้า ที่จะเต็มไปด้วยเรื่องฉาวของพวกเขา”

ในแง่นี้ “ไปร่วมกันทำให้ยุคสมัยของตระกูลคลินตันสิ้นสุดลงสักทีเถอะ ด้วยการเลือกทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันอังคารที่จะถึงนี้”

แม้ว่าคดีอีเมลจะสิ้นสุดลงไปแล้ว ก่อนวันเลือกตั้งเพียง 2 วัน แต่คดีฉาวของตระกูลคลินตันไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่ และอาจลากยาวต่อไป แม้ฮิลลารีจะขึ้นสู่อำนาจสูงสุดในทางการเมืองแล้วก็ตาม เอาเฉพาะคดีอีเมล หากในอนาคตพบหลักฐานชุดใหม่อีก ก็สามารถรื้อฟื้นการสอบสวนได้อยู่ตลอดเวลา และพูดให้ถึงที่สุด การประกาศของ FBI ในช่วงเวลานี้ ถือว่าส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้เลือกตั้งน้อยมาก และช่วยให้ฮิลลารีลดแผลจากการถูกโจมตีลงไปได้พอสมควร

ถือเป็นการ closing argument ต่อกรณีอีเมล ก่อนคูหาเปิด

Photo: Brian Snyder, Reuters/profile

2. ‘เบอร์นี’ – เซเลบชวนเลือกตั้ง

ผลกระทบจากกรณีอีเมล อาจส่งผลให้ผู้เลือกตั้งที่เป็นเดโมแครต รู้สึกเบื่อหน่ายต่อการออกไปเลือกตั้งฮิลลารีจนตัดสินใจอยู่บ้าน ล่าสุด ‘เบอร์นี แซนเดอร์ส’ rising star คนสำคัญในแวดวงการเมือง ซึ่งมีฐานเสียงสำคัญในหมู่เยาวชน นักศึกษา ทวิตชวนผู้สนับสนุนของเขาออกไปเลือกตั้ง

“ถ้าคุณไม่ออกไปเลือกตั้ง และผลปรากฏว่า ทรัมป์เป็นฝ่ายชนะด้วยคะแนนเสียงเพียงเล็กน้อย คนจำนวนมากในประเทศนี้จะต้องพบกับความเป็นจริงบางอย่างไปตลอดชีวิต

“ทรัมป์มีความภาคภูมิใจกับการล่วงละเมิดทางเพศผู้หญิง และล้อเลียนผู้พิการ …นี่ไม่ใช่คนที่เหมาะสมจะเป็นประธานาธิบดี”

และ “อย่าเพียงแค่ออกไปเลือกตั้ง แต่ชวนเพื่อนของคุณออกไปด้วย เดิมพันของการเลือกตั้งครั้งนี้ คืออนาคตของโลกใบนี้”

อีกด้านหนึ่ง เหล่าเซเลบริตี้ โดยเฉพาะนักร้องที่มีชื่อเสียงต่างก็จัดคอนเสิร์ตในรัฐสนามรบ (Battleground States) เพื่อเชื้อเชิญประชาชนให้ออกไปเลือกฮิลลารี เช่น เมื่อสองวันที่แล้ว ศิลปินชื่อดังอย่างบียอนเซ ได้โน้มน้าวผู้เลือกตั้งด้วยประโยคที่เป็นข่าวไปทั่วโลกว่า

“เราจะต้องออกไปเลือกตั้ง ประเทศต่างๆ ทั่วโลกมองเราในฐานะประเทศที่ก้าวหน้า ซึ่งเป็นผู้นำของการเปลี่ยนแปลง แปดปีก่อน ฉันได้รับแรงบันดาลใจอย่างมาก หลานของฉัน เด็กผิวสีคนหนึ่งได้เติบโตโดยที่ความฝันของเขาสามารถเป็นไปได้ในประเทศนี้ ด้วยการเห็นชายผิวสีคนหนึ่งสามารถก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดี

“และในขณะนี้ เรามีโอกาสที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงกันอีกหน ฉันต้องการให้ลูกสาวของฉันเติบโตโดยเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเป็นผู้นำในประเทศของเรา เพื่อให้ลูกของฉันรู้ว่า ในประเทศนี้ โอกาสของผู้หญิงคนหนึ่งมีอยู่อย่างไม่จำกัด”

Photo: Jonathan Ernst, Reuters/profile

3. Republicans Against Trump

2 วันก่อน ทรัมป์ถูกทีมตำรวจลับนำตัวออกจากเวทีปราศรัยที่รัฐเนวาดา ข่าวบอกว่า รปภ. เห็นคนถือปืนเข้ามาจะทำร้ายทรัมป์ อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเหตุการณ์ก็ได้ความกระจ่าง เมื่อไม่ได้มีคนถือปืนเข้ามาจะทำร้ายทรัมป์แต่อย่างใด แต่เป็นเพียงผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันที่ไม่เอาทรัมป์รายหนึ่งแค่ชูป้าย ‘Republicans Against Trump’ (ชาวรีพับลิกันต่อต้านทรัมป์)

แม้จะถูกรุมทำร้ายจากมวลชนที่รายล้อมเขา แต่เขาไม่ได้สนใจจะพูดถึงตัวเอง เขาบอกว่าสิ่งที่เขาห่วงกว่าคือประเทศของเขา เพราะเห็นได้ชัดว่า ‘Trump is turning good people into animals.’ (ทรัมพ์ทำให้คนดีๆ กลายเป็นสัตว์ร้าย)

Photo: Lucas Jackson, Reuters/profile

4. พ่อกัปตันคานช่วยฮิลลารีอีกรอบ

ในการเลือกตั้งรอบนี้ นอกจากสุนทรพจน์ที่ดีที่สุดในการเลือกตั้งจะมาจาก มิเชล โอบามา แล้ว อีกชิ้นหนึ่งที่นับว่ามีอิทธิพลอย่างมากในการโน้มน้าวผู้ฟังคือสุนทรพจน์ ‘พ่อของกัปตันคาน’ สำหรับครอบครัวคาน (​Khan) เป็นมุสลิม-อเมริกัน ที่อพยพจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เข้ามาอยู่ในสหรัฐฯ ครอบครัวนี้สูญเสียลูกชายในสงครามอิรักจากระเบิดเมื่อ 12 ปีที่แล้ว พ่อของกัปตันพูดด้วยความเดือดดาลว่า เขาเป็นหนึ่งในผู้อพยพที่อาศัยอยู่ในประเทศนี้ ลูกชายของเขาสละชีวิตเพื่อชาติ แต่มาวันนี้ทรัมป์มีนโยบายขับไล่ผู้อพยพออกจากประเทศ เขาโจมตีรุนแรงว่า

“ทรัมป์ไม่เคยเสียสละอะไรเพื่อใครเลย! ไม่เคยเลย! โดนัลด์ ทรัมป์ คุณถามคนอเมริกันว่าจะไว้ใจคุณไหมสำหรับอนาคตของประเทศนี้ ให้ฉันได้ถามคุณหน่อย คุณเคยอ่านรัฐธรรมนูญของอเมริกาบ้างไหม” พ่อของกัปตันคานหยิบรัฐธรรมนูญออกจากกระเป๋าเสื้อ พร้อมชูขึ้นมาระหว่างกล่าวสุนทรพจน์

ล่าสุดพ่อกัปตันคานกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับที่ยืนในสังคมอเมริกัน

“วันนี้ผมมีคำถามที่จะขอถามทรัมป์สักหน่อย ทรัมป์ลูกชายของผมจะมีที่ยืนในประเทศที่คุณเป็นประธานาธิบดีหรือไม่?

“ชุมชนมุสลิมจะมีที่ยืนในประเทศที่คุณเป็นประธานาธิบดีไหม?”

พ่อของคานยังพูดประโยคเดิมโดยเปลี่ยนเป็นชุมชนอื่นๆ ในสหรัฐฯ เช่น Latinos, African-Americans พร้อมสำทับในตอนจบว่า

“คนทุกคนที่ไม่ใช่คุณจะมีที่ยืนในประเทศที่คุณเป็นประธานาธิบดีหรือไม่?”

Photo: Wikipedia Commons

5. ชิเช็ก ‘ฮิลลารีเป็นตัวอันตรายของจริง’

ไม่ว่าจะมีนักการเมือง ศิลปิน ดารา ผู้มีอิทธิพลในแวดวงสังคมออกมาให้การสนับสนุนฮิลลารีมากเพียงใด ก็ยังคงมีคนเห็นว่าฮิลลารีเป็นตัวอันตรายมากกว่าทรัมป์ ความเห็นนั้นมาจากบทสัมภาษณ์ของ สลาวอย ชิเช็ก นักปรัชญาฝ่ายซ้ายชื่อดังฉายา ‘ยักษ์ใหญ่แห่งลุบยานา’ และ ‘ร็อกสตาร์แห่งวงวิชาการ’ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า แม้ทรัมป์จะดูน่าหวาดกลัวเพียงใดก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เขาพบว่าฮิลลารีเป็นตัวอันตรายของจริง

“แต่ผมคิดว่าฮิลลารีเป็นตัวอันตรายของจริง ทำไม? เธอทำให้เกิดสิ่งที่เป็นไปไม่ได้… มีหนึ่งประเด็นที่ผมเห็นด้วยกับทรัมป์มากๆ คุณพอจำได้ไหม เมื่อ เบอร์นี แซนเดอร์ส ประกาศรับรองฮิลลารี ทรัมป์บอกเลยว่า มันเหมือนใครบางคนจากขบวนการ Occupy Wall Street (ขบวนการต่อต้านกลุ่มทุน) ประกาศรับรอง Lehman Brothers (บรรษัทเงินทุนยักษ์ใหญ่)”

เขายังประเมินด้วยว่า ทรัมป์นั่นเองที่มีแนวโน้มจะสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญต่อการเมืองอเมริกัน

“ถ้าทรัมป์ชนะจริงๆ ทั้งสองพรรคใหญ่ ทั้งเดโมแครต และรีพับลิกัน จะต้องกลับไปสู่การคิดเรื่องที่พื้นฐานที่สุด เริ่มกระบวนการคิดใหม่ (rethink) เกี่ยวกับตัวพวกเขา และบางทีมันอาจทำให้เกิดอะไรบางอย่าง… มันจะคล้ายๆ กับเกิดการกระตุ้นครั้งใหญ่ จนทำให้เกิดกระบวนการทางการเมืองแบบใหม่ (New Political Processes)”

Photo: CHRIS KEANE, Reuters/profile

6. ใครมีโอกาสชนะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ มากที่สุดในเวลานี้?

เว็บไซต์คาดคะเนผลการเลือกตั้งบนฐานสถิติชื่อดังอย่าง fivethirtyeight.com ซึ่งสร้างโมเดลการคำนวณผลการเลือกตั้งโดย Nate Silver ชี้ให้เห็นว่า จนถึงเวลานี้ (วันที่ 8 พ.ย.) โอกาสที่ฮิลลารีจะได้รับชัยชนะสูงถึงร้อยละ 69.4 ในขณะที่ทรัมป์มีโอกาสชนะอยู่เพียงร้อยละ 30.6 โดยคาดคะเนว่า ฮิลลารีจะได้คณะผู้เลือกตั้งสูงเกือบ 301.4 ที่นั่ง พร้อมกับชนะคะแนนจากประชาชน (Popular Vote) ที่ร้อยละ 48.6 ต่อร้อยละ 45.1

นอกจากนั้นยังประเมินว่า มีโอกาสเพียงร้อยละ 1.0 ที่จะไม่มีผู้สมัครคนไหน สามารถมีคณะผู้เลือกตั้งถึง 270 ได้

ขณะที่ยังประเมินว่า ร้อยละ 80.4 – ฮิลลารีชนะ Popular Vote, ร้อยละ 19.6 – ทรัมป์ชนะ Popular Vote, ร้อยละ 11.4 – ฮิลลารีชนะคะแนน Popular Vote แต่ไม่ชนะยอดรวมคณะผู้เลือกตั้ง, ร้อยละ 0.5 – ทรัมป์ชนะคะแนน Popular Vote แต่ไม่ชนะยอดรวมคณะผู้เลือกตั้ง, ร้อยละ 6.4 – ฮิลลารีชนะในระดับถล่มทลายด้วยตัวเลขสองหลัก และร้อยละ 0.3 – ทรัมป์ชนะในระดับถล่มทลายด้วยตัวเลขสองหลัก

Photo: Kevin Lamarque, Reuters/profile

7. โอบามาเทหมดหน้าตัก ‘พิทักษ์โลก’

การขับเคี่ยวอย่างเข้มข้นในรัฐสนามรบ หรือ Battleground States ทั้งหลายนี่เอง ที่ทำให้ประธานาธิบดีโอบามาลงหาเสียงในรัฐเหล่านี้ พร้อมทั้งกล่าวสุนทรพจน์ที่นอร์ทแคโรไลนา โดยตอกย้ำถึงความสำคัญของทุกคะแนนเสียงในรัฐเหล่านี้ด้วยประโยคว่า

“ผมไม่ชอบเลยที่จะต้องกดดันพวกคุณสักเล็กน้อย แต่ชะตากรรมประเทศของเราได้วางอยู่บนบ่าของพวกคุณแล้ว ชะตากรรมของโลกใบนี้จะเกิดความไม่แน่นอนอย่างที่เคยเป็นมาก่อน และพวกคุณในนอร์ทแคโรไลนาร่วมกันออกไปเลือกตั้งเถอะ เพื่อจะผลักดันสิ่งต่างๆ ไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง”

และที่ฟลอริดาว่า “เพื่อนร่วมชาติชาวฟลอริดาทั้งหลาย บรรดาความก้าวหน้าทั้งหลายที่เราได้สร้างขึ้นมาเมื่อ 8 ปีที่แล้วจะพังทลายลงทันที ถ้าเราไม่สามารถได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ เราสามารถชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ ถ้าเราได้รับชัยชนะในฟลอริดา…

“ถ้าเราชนะในฟลอริดา เกมการเลือกตั้งจะจบทันที เพราะเราจะเป็นผู้ชนะ …อนาคตของประเทศพึ่งพาชัยชนะในรัฐนี้”

แม้ว่าในบรรดาคำทำนายผลการเลือกตั้ง บรรดาการคาดคะเน บรรดาผลสำรวจความนิยมจะให้ฮิลลารีเป็นต่ออย่างมาก แต่ในทางการเมือง อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้อยู่เสมอ โดยเฉพาะปรากฏการณ์ Voter Turnout หรือการออกจากบ้านไปเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย ซึ่งอาจเปลี่ยนผลการเลือกตั้งที่พลิกจากโพลไปในระดับหน้ามือเป็นหลังมือ

 

วันพรุ่งนี้ ตั้งแต่เวลา 7.00 น. มาร่วมลุ้นผลการเลือกตั้งไปพร้อมกันครับ