รักทางไกล ถ้าไม่เจอกับตัวเองคงไม่รู้ว่ามันยากเพียงใด และนั่นก็ทำให้หลายคนเลือกจะไม่เชื่อมั่นมันตั้งแต่ต้นด้วยซ้ำไป เพราะด้วยระยะทางที่อยู่ไกลเกินเอื้อมและไม่อาจเห็นเขาหรือเธอในสายตา ทำให้เราต้องพยายามมากกว่าปกติ ไม่ฟุ้งซ่านหรือคิดเองเออเอง

ความรู้สึกไม่ปลอดภัยในความสัมพันธ์อาจเกิดขึ้นได้ง่ายๆ หากเราไม่จัดการมันดีพอ ดังนั้น Long-Distance Relationship จึงต้องเป็นการร่วมมือกันจากทั้งสองฝ่าย เป็นการพูดคุย เป็นความใส่ใจ เป็นความเข้าใจ และต้องเป็นความเชื่อมั่นในลักษณะที่ไม่ได้ผูกมัดจนอีกฝ่ายรู้สึกอัดอึด หวั่นใจได้ แต่อย่าหวั่นไหวจนเกินเหตุ ถ้ารับมือมันไปด้วยกัน อย่างไรเราก็จะผ่านมันไปได้

แต่แน่นอนว่าอย่างไรมันก็ต้องมีทั้งที่เวิร์กและไม่เวิร์ก หากใครกำลังจะต้องรับมือกับ Long-Distance Relationship ลองจับมือกันมาสำรวจตัวอย่าง LDR จากภาพยนตร์กันสักหน่อย อย่างน้อยๆ เราจะได้รู้ว่ามันเป็นไปอย่างที่เราคิดกันหรือไม่

Before Sunrise (1995) & Before Sunset (2004)

Before Sunrise ภาพยนตร์รักในดวงใจใครหลายคน ต้นกำเนิดไตรภาคของ Before Trilogy ผลงานการกำกับของ ริชาร์ด ลิงก์เลเตอร์ ซึ่งในตอนแรกเขาไม่ได้ตั้งใจว่าจะมีภาคอื่นตามมาด้วยซ้ำ

เรื่องราวของ Before Sunrise เริ่มจากเจสซี หนุ่มอเมริกันได้พบกับซีลีน สาวฝรั่งเศส ทั้งสองขึ้นขบวนรถไฟคันเดียวกัน ซึ่งเป็นขบวนรถไฟที่มุ่งหน้าไปยังเวียนนา พวกเขาคุยกันเล็กๆ น้อยๆ ตามประสาคนแปลกหน้า แต่แล้วทุกอย่างก็ล่วงไปข้างหน้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ พวกเขาใช้เวลาหนึ่งค่ำคืนร่วมกัน เดินท่องไปในเมือง พูดคุยถึงสิ่งต่างๆ หัวเราะไปพร้อมๆ กัน แล้วมันก็กลายเป็นช่วงเวลาแห่งความทรงจำที่คงไม่มีวันลืม

และเมื่อยามฟ้างสางมาถึง เจสซียังคงต้องมุ่งหน้ากลับอเมริกา ซีลีนต้องกลับไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส เรื่องราวที่แบ่งปันให้กันฟังอย่างเปิดเผยนั้นทำให้ทั้งคู่รับรู้ได้ว่ามันคือความรู้สึกพิเศษอย่างประหลาด ก่อนจะแยกทางกัน พวกเขาสัญญาว่าจะมาพบกันหลังจากนี้หกเดือน ซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้นเลยจนเวลาผ่านไปถึงเก้าปี

ปี 2004 เจสซีกลายเป็นนักเขียนหนุ่ม ส่วนซีลีนเป็นนักดนตรี เมื่อเขามีกำหนดการมาโปรโมทหนังสือที่ปารีส ซีลีนจึงไม่ลังเลที่จะไปเป็นส่วนหนึ่งในงานนั้น แล้วเรื่อง ‘คืนนั้น’ ก็หวนกลับมาสู่ความทรงจำทั้งสอง สิ่งที่ทำร่วมกันอาจไม่ต่างไปจากเดิม แต่หัวใจพวกเขาจะเลือกเส้นทางแบบเดิมอีกหรือไม่ ให้เรื่องราวระหว่างกันถูกปล่อยผ่านไปตามกาลเวลาอีกครั้ง หรือจะเดินเคียงข้างกันจากนี้ตลอดไป

Dear John (2010)

ผลงานของ ลาสซี ฮอลสตรอม ผู้กำกับชาวสวีเดนที่ถนัดทำภาพยนตร์ฟีลกู้ด เจ้าของผลงานอุ่นหัวใจมากมาย อาทิ Chocolate (2000), Hachi: A Dog’s Tale (2009), The Hundred-Foot Journey (2014) และ Salmon Fishing in the Yemen (2011)

สำหรับภาพยนตร์ Dear John เขาหยิบผลงานของนิโคลัส สปาร์ค นักเขียนชื่อดังมาดัดแปลง โดยมีดาราขวัญใจอย่าง แชนนิง เททัม และอแมนด้า ไซเฟรด แสดงนำ

ภาพยนตร์รักโรแมนติกเริ่มต้นด้วยเสียงปืน และก่อนที่ใครบางคนจะหมดลมหายใจ ภาพยนตร์ก็ย้อนกลับไปในปี 2001 ในวันที่ท้องฟ้ายังสดใส และทะเลยังเริงร่าด้วยคลื่นลม จอห์น นายทหารหนุ่มเพิ่งกลับมาจากสงครามเพื่อพักผ่อน และเขาก็ใช้ช่วงเวลาพักรบไปกับการอยู่ริมทะเล จนโชคชะตาลิขิตให้เขาได้พบกับซาวันนาห์ หญิงสาวนัยน์ตาสีคราม

ด้วยเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ ทำให้พวกเขารู้จักกัน และเริ่มทำความรู้จักกันมากขึ้นไปกว่านั้น ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้เอง ทั้งคู่รักกันอย่างหวังว่านี่จะเป็นรักสุดท้าย จนเมื่อจอห์ต้องกลับไปประจำในกองทัพ ความใกล้ชิดจึงมีอันต้องห่าง พวกเขาจำต้องอยู่ไกลกันคนละฟากฝั่ง แต่ด้วยคำมั่นสัญญาว่าจะส่งจดหมายหากันเสมอ ทั้งจอห์นและซาวันนาห์จึงเชื่อมั่นในรักของตน

แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นไปหนึ่งปีเต็ม จอห์นกลับเลือกที่จะห่างเธอไปอีกครั้ง เพราะเหตุการณ์ 9/11 แม้ซาวันนาห์จะเข้าใจว่าเพราะโลกกำลังต้องการความช่วยเหลือ แต่เธอก็ต้องการเขาเช่นกัน ซาวันนาห์ต้องทบทวนตัวเองใหม่อีกครั้งว่าจะรอต่อไปหรือหันหลังจาก จดหมายจากจอห์นยังมีความหมายอยู่หรือไม่ และพวกเขาจะได้กลับสู่อ้อมกอดของกันและกันอีกไหม คงมีแต่หัวใจพวกเขาเท่านั้นที่ตอบได้

ต่อให้หมายมั่นสัญญาอย่างไร เมื่อโดนปัจจัยต่างๆ รายล้อม ความแข็งแกร่งที่เคยมีก็หลอมละลายลงได้ ความไกลห่างที่ไม่ได้รับการดูแลก็รังแต่จะปวดใจไปเปล่าๆ

Going the Distance (2010)

ผลงานจากผู้กำกับหญิง นาเนต ซึ่งนำแสดงโดยนักแสดงที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี ดรูว์ แบร์รี่มอร์ นักแสดงหญิงผู้เปรียบเป็นเจ้าแม่ภาพยนตร์รัก และจัสติน ลอง นักแสดงหนุ่มผู้มีผลงานการแสดงภาพยนตร์รักหลากหลายเรื่อง

Going the Distance เรื่องราวความรักของคู่หนุ่มสาวที่พยายามรักษาความสัมพันธ์ของพวกเขาอย่างสุดความสามารถ แม้ทั้งสองจะอยู่ไกลกันคนละฟากของประเทศ

ฝ่ายหญิงคือ เอริน สาวนักฝัน ผู้มีความทะเยอะทะยาน และวาดหวังไว้ว่าตัวเองจะเป็นนักเขียนแถวหน้าของหนังสือพิมพ์ชื่อดัง ส่วนฝ่ายชายคือ แกร์เรท หนุ่มแมวมอง ผู้ทำงานเบื้องหลังอยู่กับศิลปินชื่อดัง ทั้งสองบังเอิญพบกันในบาร์แห่งหนึ่ง ทำความรู้จักกันอย่างรวดเร็ว และแม้บทสนทนาที่พวกเขามีต่อกันจะเป็นแค่บทสนทนาไร้สาระ แต่นั่นก็มากพอจะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก่อตัวขึ้น ถึงจะไม่ได้คาดหวังอย่างจริงจังในทีแรก แต่เมื่อต้องเหินห่างกันหลังจากเดตกันมาหกเดือน พวกเขาก็รับรู้ได้ว่าอีกคนมีความหมายต่อตัวเองเพียงใด และถ้ามันจะต้องจบลงโดยที่ยังไม่ได้แม้แต่จะพยายาม นั่นคงทำให้เอรินและแกร์เรทคงต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง

ปัญหาที่ต้องฝ่าฟันไม่ได้มีแค่ระยะทางเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องเพื่อนและครอบครัวเข้ามาอีกด้วย วัฏจักรแห่งรักทรหดนี้จึงยากขึ้นไปอีกเท่าตัว รักที่ว่ามั่นคงจะทนต่อแรงกดดันได้หรือไม่ สิ่งที่ร่วมสร้างมาด้วยกันจะพังลงหรือเปล่า การสานต่อหัวใจที่ไกลกันนั้นไม่ง่ายเลย

Hanamizuki (2010)

ผลงานของผู้กำกับชื่อดัง โนบุฮิโร่ โดอิ ที่เคยฝากความประทับใจจาก Be With You (2004) และ Nada Soso (2006) โดยภาพยนตร์เรื่อง Hanamizuk ได้นักแสดงสาวขวัญใจหนุ่มไทยและหนุ่มญี่ปุ่นอย่าง ยูอิ อารางากิ หรือที่เรียกกันอย่างติดปากว่า งักกี้ มาแสดงคู่กับโทมะ อิคุตะ หนุ่มผู้ครองหัวใจสาวเล็กสาวใหญ่ ที่ล่าสุดรับบทเป็นเซนเซย์สุดหล่อจากภาพยนตร์ Sensei My Teacher

Hanamizuki เรื่องราวความรักระหว่างซาเอะ เด็กสาวมัธยมปลายที่มุ่งมั่นกับการเรียน เพื่อที่จะได้ไปใช้ชีวิตที่แคนาดา ประเทศที่มีความหมายบางอย่างกับเธอมาก และโคเฮ เด็กหนุ่มผู้มีความฝันจะเดินตามรอยเท้าครอบครัว สืบทอดกิจการจากผู้เป็นพ่อด้วยการเป็นชาวประมง

ความคาดหวังในอนาคตของทั้งสองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ความรักเป็นเรื่องเกินกว่าจะควบคุม นั่นจึงทำให้พวกเขาตกหลุมรักซึ่งกันและกัน บนเส้นทางชีวิตอันแตกต่างนี้ทำให้ความสัมพันธ์กลายเป็นเส้นขนานแทนที่จะเป็นเส้นทางบรรจบกัน ทั้งซาเอะและโคเฮนั้นทุ่มเทให้กับทางเดินที่ตัวเองเลือกอย่างไม่หวั่นไหว ความรักความไกลห่างครั้งนี้จึงกินเวลายาวนานถึง 10 ปี ฤดูหมุนเวียนเปลี่ยนผันจนเวลาล่วงผ่าน ความรักของทั้งสองจะยังคงผลิบานได้อีกไหม?

ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากผลงานเพลงในชื่อเดียวกันของโย ฮิโตโตะ และคำว่า Hanamizuki ยังมีความหายถึงการเสียสละเพื่อความรัก ไม่ต่างไปจากสิ่งที่ภาพยนตร์เอ่ยถึงเลย

Brooklyn (2015)

หนึ่งในภาพยนตร์ที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ถึงสามรางวัล ได้แก่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม โดยฉบับภาพยนตร์นี้ใช้ชื่อเดียวกันกับต้นฉบับ ซึ่งเป็นผลงานของนักเขียนชาวไอริช

เอลลิส หญิงสาวชาวไอริชที่ต้องพลัดพรากจากบ้านเกิดมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในบรุกลิน โดยมีพี่สาวของเธอเป็นแรงผลักดัน ด้วยหวังว่าน้องสาวจะมีอนาคตที่ดีกว่า

บรุกลินเป็นย่านพักอาศัยของผู้อพยพจำนวนมาก แต่ถึงอย่างนั้นเอลลิสก็ยังรู้สึกหม่นหมองที่ต้องมาอาศัยอยู่ตัวคนเดียวในต่างถิ่น ในเมืองใหญ่นี้เธอรู้สึกว้าเหว่จนคิดถึงบ้าน แม้จะทำงานไปด้วยและเรียนภาคค่ำไปด้วยก็ตาม

จนกระทั่งเธอได้พบกับโทนี่ ชายหนุ่มผู้ทำให้ความโดดเดี่ยวของเธอค่อยๆ หายไป ในขณะที่ทุกอย่างกำลังเป็นไปได้สวย ทั้งการงาน การเรียน และความรัก เอลลิสก็ได้รับข่าวจากทางบ้านว่าให้กลับบ้านในทันที และเมื่อกลับไปเธอก็ได้รู้จักกับจิม ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมอีกคน เอลลิสไหวหวั่นไปกับสถานการณ์รอบตัว แม้โทนี่จะส่งจดหมายมาอยู่เสมอๆ และรอเธอกลับไปหาทุกลมหายใจ ถึงอย่างนั้นเอลลิสก็ยังอดไม่ได้ที่จะไขว้เขวและถามหัวใจตัวเองอีกครั้งว่าแท้จริงแล้วเธอต้องการสิ่งใด

นอกเหนือไปจากเรื่องความสัมพันธ์แล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังมีประเด็นในแง่มุมของคำว่า ‘บ้าน’ อีกด้วย บ้านในความหมายสถานที่เกิด บ้านในความหมายสถานที่เติบโต บ้านในความหมายสถานที่แห่งอนาคต เราไม่มีสิทธิเลือกสถานที่เกิด แต่เราทุกคนมีสิทธิเลือกบ้านหลังสุดท้ายของตัวเอง

Tags: , , , , , ,