หลังจากแต่งงานในช่วงคริสต์มาสปี 2018 ใครๆ ก็คงนึกว่าเลียม เฮมส์เวิร์ธและไมลีย์ ไซรัส คงจะจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งแน่นอนแล้ว ใครจะไปคิดว่าอีกแค่ครึ่งปีต่อมาทั้งคู่จะประกาศหย่าร้างกันอย่างเป็นทางการ

ฉันเชียร์คู่นี้มาตลอด (แม้ส่วนตัวจะคิดว่าแพทริก ชวาร์เซเนกเกอร์ ลูกชายของอาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ ที่ไมลีย์เคยเดทด้วยสักพักจะหล่อมากก็ตามแม้ว่าทั้งคู่จะดูต่างกันมาก เลียมเป็นหนุ่มออสซี่ติดดินและโลว์โปรไฟล์ (ไม่ได้หมายความว่าไม่ดังนะ แค่ไม่ค่อยออกสื่อ) ในขณะที่ไมลีย์ ก็อย่างที่รู้ๆ กัน สาวมั่น เปิดเผย โผงผาง และยังยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าตัวเองเป็นเควียร์อีกด้วย แต่เวลาทั้งคู่อยู่ด้วยกันมันช่างมุ้งมิ้งดีเหลือเกิน 

เลียมและไมลีย์รู้จักกันจากการร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่อง The Last Song ในช่วงปี 2008-2009 หลังจากนั้นก็เริ่มเดทกันเงียบๆ มีข่าวกอสซิปออกมาบ้างประปราย ก่อนทั้งคู่จะคอนเฟิร์มสถานะกันอย่างจริงจังก็ในปี 2010 ในงานพรมแดงรอบปฐมทัศน์หนังเรื่อง  The Last Song นี่แหละ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีการเลิกกันช่วงสั้นๆ ในเดือนสิงหาคม ก่อนจะกลับมาคบกันต่อในเดือนกันยายน

ตอนนั้นไมลีย์ถือว่าดังมาก จากซีรีส์ Hannah Montana และเพลง Party In The USA ของเธอ ส่วนเลียมยังไม่ค่อยมีผลงานมากนัก ทั้งคู่หมั้นกันในเดือนมิถุนายน 2012 ในขณะที่เลียมเพิ่งจะ 22 ปี ส่วนไมลีย์แค่ 19 ปีเอง หนึ่งปีหลังจากหมั้นก็เริ่มมีข่าวระหองระแหงออกมาเรื่อยๆ สื่อเริ่มลงรูปไมลีย์ไม่สวมแหวนหมั้น และแล้วในเดือนกันยายน 2013 ทั้งคู่ก็ถอนหมั้นและแยกทางกัน 

ฉันไม่รู้ว่าคนอายุ 19 ปี จริงๆ ต้องเป็นยังไง ฉันหมั้นตอนอายุ 19 ปี แน่นอนว่าฉันไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ได้ทำไป มันสนุกดีเหมือนกันนะที่ได้สวมก้อนหินเม็ดเป้งบนนิ้วนางอยู่สักสองสามปี” ไมลีย์ให้สัมภาษณ์ 

Don’t you ever say I just walked away. I will always want you.

ที่จริงก่อนหน้าเพลง Wrecking Ball ซึ่งแฟนเพลงไมลีย์ ไซรัส ยกให้เป็นเพลงอกหักและการสารภาพความในใจของไมลีย์ต่อเลียม ไมลีย์เคยมีเพลง “บอกรัก” เลียมมาก่อน ในบทเพลง “When I Look At You” เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง The Last Song ซึ่งเลียมแสดงในมิวสิควิดีโอนี้ด้วย แต่ที่จริงแล้วเพลงนี้เป็นเพลงในอีพี The Time of Our Lives ของไมลีย์ก่อนหน้านั้น และคาดว่าเนื้อหาคงเข้ากันกับหนังรัก The Last Song ได้เป็นอย่างดี และประจวบเหมาะว่านี่เป็นหนังที่ทำให้เลียมและไมลีย์ได้พบรักกัน

ส่วน Wrecking Ball ที่จริงก็ไม่ใช่เพลงที่แต่งขึ้นเพื่อเลียมโดยเฉพาะหรอก เพราะเพลงนี้เป็นของนักแต่งเพลงซาชา สการ์เบ็ก ที่แต่งให้กับบียอนเซ่ แต่สุดท้ายเพลงมาตกที่ไมลีย์ คงต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ไมลีย์รับเอาเพลงนี้มาร้องทั้งๆ ที่มันแตกต่างและคนละแนวทางจากซิงเกิลแรก “We Can’t Stop” และนั่นทำให้ทุกคนโฟกัสไปที่เนื้อเพลง ที่เหมือนความในใจของเธอในช่วงที่เลิกรากับเลียม เฮมส์เวิร์ธ ในช่วงปี 2013 ช่วงเดียวกันกับที่เพลงนี้ออกมาพอดิบพอดี

Don’t you ever say, I just walked away. I will always want you. เธออย่ามาพูดเลยว่าฉันเป็นคนที่เดินจากไป เพราะฉันน่ะ ต้องการเธอเสมอ 

ความรักในวัยรุ่นก่อนจะหมั้นจนถึงการยกเลิกการหมั้นของทั้งคู่ ผ่านการงอน การเลิกราทั้งการเลิกแบบสั้นๆ และเลิกแบบเด็ดขาดไปเลยมาหลากหลายครั้ง และนี่คงเป็นเหมือนคำงอนง้อของไมลีย์ที่อยากบอกกับเลียมว่าเธอยังรักเขาอยู่ และการเลิกรามันไม่ใช่การเลิกรัก แต่มันเป็นการที่เข้าไม่ถึงกัน ไม่เข้าใจกัน เหมือนที่เธอร้องว่า

“All I wanted was to break your walls. All you ever did was break me. ทั้งหมดที่ฉันต้องการคือการทำลายกำแพงของคุณแต่สิ่งที่คุณเคยทำคือทำลายฉัน

และ I never meant to start a war. I just wanted you to let me in. ฉันไม่เคยตั้งใจจะเริ่มสงคราม ฉันแค่อยากให้คุณให้ฉันได้เข้าไป

หลังเลิกรากับเลียม เฮมส์เวิร์ธ ในปี 2013 ไมลีย์เดทกับแพทริก ชวาร์เซเนกเกอร์  ช่วงสั้นๆ แต่พอในปี 2015 ก็มีข่าวออกมาว่าเธอเดทกับนางแบบสาวสเตลลา แม็กซ์เวล ซึ่งเป็นช่วงที่เธอเปิยเผยต่อสื่อมวลชนว่าเธอเป็น “เควียร์”

ฉันจำได้ว่า ฉันบอกกับแม่ว่าฉันชอบผู้หญิงในแบบที่ต่างออกไป แม่ถามฉันว่ามันหมายถึงอะไร และฉันก็พูดว่าฉันรักผู้หญิง เหมือนที่ฉันรักผู้ชาย’ มันยากที่แม่จะเข้าใจ แม่ไม่ต้องการให้ฉันถูกตัดสินและไม่ต้องการให้ฉันตกนรก แต่แม่เชื่อในฉันมากกว่าที่แม่เชื่อในพระเจ้า ฉันแค่ขอให้แม่ยอมรับฉัน และแม่ก็ยอมไมลีย์ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Paper

Hoping I just stay the same and nothing will change.

ปลายปี 2015  ไมลีย์ ไซรัส ติดต่อเลียม เฮมส์เวิร์ธ เพื่อขอยืมชุดแฟนซีสำหรับฮัลโลวีน และนั่นเป็นที่มาที่ทำให้ทั้งสองคนกลับมาคบกัน  ปี 2016 ไมลีย์ ไซรัส กลับมาใส่แหวนหมั้นวงเดิมที่เลียมเคยให้ไว้อีกครั้ง

“แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องยาก ในเวลาที่เราต้องแยกกันไปในคนละทิศทาง แต่มันก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องเกิดขึ้น เราทั้งคู่ยังเด็กและมันเป็นการตัดสินใจที่ดีในเวลานั้น – เราทั้งคู่ต้องการสิ่งนั้น” เลียม เฮมส์เวิร์ธ ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร GQ

ไมลีย์ ไซรัส ปล่อยซิงเกิลแรก “Malibu” จากอัลบั้ม Younger Now ในเดือนพฤษภาคม 2017 เพลงที่เธออุทิศให้แก่เลียม เฮมส์เวิร์ธ และมาลิบูบ้านของเธอ

“I always thought I would sink, so I never swam

I never went boatin’, don’t get how they are floatin’

And sometimes I get so scared of what I can’t understand

But here I am Next to you, The sky is more blue, In Malibu.”

ทั้งหมดนั่นคือเรื่องราวของไมลีย์ในช่วงแยกทางกับเลียม และการกลับมารักกันอีกครั้ง รวมไปถึงการวาดฝันถึงอนาคต เหมือนดังที่เธอร้องว่า

“I’d spend the rest of my life just standing here talking.

You would explain the current, as I just smile.

Hoping I just stay the same and nothing will change.”

ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2018 เกิดไฟไหม้ป่าลุกลามในแถบแคลิฟอร์เนีย รวมไปถึงมาลิบูบ้านของไมลีย์ด้วย เธออยู่ในแอฟริกาใต้ และเลียมคือผู้ที่มาช่วยชีวิตสัตว์เลี้ยงทั้งหมดของเธอออกจากบ้านที่มาลิบูได้อย่างปลอดภัย ทั้งม้า หมู หมา 7 ตัว แมวอีก 4 ตัวที่เธอเลี้ยงไว้ และนั่นเองเป็นสิ่งที่ทำให้ทั้งคู่มั่นใจในกันและกัน และแต่งงานกันอย่างเงียบๆ ในช่วงคริสต์มาสปี 2018 

You say that everything changed. You’re right, we’re grown now.

หลังแต่งงานทั้งคู่เริ่มออกงานด้วยกัน ตอบคำถามเรื่องงานแต่งงาน เลียมบอกว่าสิ่งที่เขาเซอร์ไพรส์ที่สุดคือการที่ไมลีย์ใช้นามสกุลเฮมส์เวิร์ธ ในขณะที่ไมลีย์พูดถึงการแต่งงานครั้งนี้ในฐานะที่เธอเป็นเควียร์แต่แต่งงานมีความสัมพันธ์ในแบบคู่รักต่างเพศว่า

ผู้คนตกหลุมรักกัน ไม่ใช่ที่เพศ ไม่ใช่ที่รูปร่างหน้าตา ไม่ใช่อะไรเลย สิ่งที่ฉันรักมีอยู่จริง มันเกือบจะอยู่ในระดับจิตวิญญาณ”

  ไมลีย์ ไซรัส เตรียมตัวออกอัลบั้มใหม่ “She Is Miley Cyrus” ในปี 2019 นี้ ประเดิมด้วยอีพีแรก “She Is Coming” ซึ่งมี 6 เพลงด้วยกัน มีเพลง Mother’s Daugther ซึ่งพูดถึงความสัมพันธ์ของเธอกับแม่โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องเพศสภาพของเธอออกมาเป็นซิงเกิลแรก ซึ่งคาดว่าซิงเกิลต่อไปจะเป็นเพลง D.R.E.A.M. เพราะมีการตัดทีเซอร์โปรโมทออกมาแล้ว

แต่แล้วในวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา มีข่าวออกมาว่าทั้งคู่แยกทางกัน และไม่นานหลังจากนั้นตัวแทนของทั้งคู่ก็ได้ออกมายืนยันถึงการแยกทางกันว่าเป็นความจริง 

16 สิงหาคม โดยที่ไม่มีเค้าลางหรือการโปรโมทมาก่อน ไมลีย์ ไซรัส ปล่อยเพลง “Slide Away” ผ่านทางช่องยูทูบของเธอ และเพลงนี้ไม่ได้อยู่ใน 6 เพลงในอีพี “She Is Coming” เสียด้วย และเมื่อฟังจากเนื้อเพลง แน่นอนว่ามันคือเพลงบอกเล่าเรื่องราวการเลิกราของเธอและเลียม

I want my house in the hills. Don’t want the whiskey and pills. 

I don’t give up easily. But I don’t think I’m down.”

สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดเห็นจะเป็นการบอกว่าเธอต้องการบ้านบนเขา เพราะบ้านริมชายหาดที่มาลิบูคือตัวแทนแห่งความรักและความทรงจำระหว่างเธอและเลียม 

So won’t you slide away? Back to the ocean, I’ll go back to the city lights”

แม้เราจะไม่รู้ว่าถึงสาเหตุแห่งการเลิกรา แต่ประโยคนี้นั้นบอกได้ถึงความ “แตกต่าง” ระหว่างคนทั้งสอง ในขณะที่เลียมคงคืบคลานกลับสู่ห้วงมหาสมุทร ไมลีย์ก็คงโบกบินไปหาแสงไฟในเมือง

“Move on, we’re not 17. I’m not who I used to be. You say that everything changed. You’re right, we’re grown now.”

ทั้งคู่พบรักกันครั้งแรกเมื่อไมลีย์อายุ 17 ปี หมั้นเมื่ออายุ 19 ปี เธอเคยเป็นฮันนาห์ มอนทานา ที่อ่อนหวานแต่ซุกซน แต่ในระหว่างการเติบสู่การเป็น She Is Miley Cyrus” มันได้พิสูจน์แล้วว่าฮันนาห์ก็คือฮันนาห์ และไมลีย์ ไซรัส ก็ไม่ใช่ฮันนาห์ มอนทานา อีกต่อไปแล้ว 

เพียงแต่คำถามก็คือการเติบโตที่ทำให้เราเปลี่ยนแปลง หัวใจและความรักมันจะไม่เปลี่ยนได้ไหม

อ้างอิง:

https://www.glamour.com/story/miley-cyrus-liam-hemsworth-relationship-timeline

https://www.independent.co.uk/life-style/love-sex/miley-cyrus-marriage-women-sexual-attraction-liam-hemsworth-confusing-a9001126.html

ภาพ: Danny Molosho/REUTERS

Tags: ,