อุตสาหกรรมบันเทิงของเกาหลียังคงได้รับกระแสที่ดีอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเพลง ภาพยนตร์ หรือละครโทรทัศน์ จนกลายเป็นหนึ่งในกลไกสร้างความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้การท่องเที่ยว การขายสินค้าและวัฒนธรรมเติบโตตามไปด้วย ตอนนี้ความนิยมไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในเอเชียเท่านั้น แต่แพร่กระจายไปทั่วโลก ส่วนหนึ่งมาจากผู้ให้บริการสตรีมมิ่ง เช่น ยูทูบ เน็ตฟลิกซ์ และสปอตติฟาย ที่เปิดโอกาสให้ธุรกิจบันเทิงเกาหลีขยายใหญ่ขึ้นไปอีก
และแม้ว่าส่วนใหญ่ซีรีส์เกาหลีที่แพร่หลายในประเทศไทยจะเป็นซีรีส์รักๆ มีเหล่าโอปป้าๆ แต่ขอบอกว่าซีรีส์สายเดือดของเกาหลีก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาดเหมือนกัน เพราะนอกจากจะเข้มข้นสไตล์เกาหลีแล้ว การดำเนินเรื่องและวางหมากให้คนดูเดินตามนั้นก็ทำได้ดีจนหลายคนตกหลุมพราง หลายครั้งก็มีการหักมุมในแบบที่คาดไม่ถึง
ทั้ง 5 เรื่องนี้จะดูเรื่องไหนก่อนหรือหลังก็ได้ เพราะรับประกันความสนุกทุกเรื่อง ส่วนใครอยากชมความโหดแบบฉบับภาพยนตร์ ตามไปดูที่ลิงก์นี้
Bad Guys (2014)
ซีรีส์แนวอาชญากรรมสืบสวนสอบสวน นำแสดงโดยพัคแฮจิน ผู้ชายในฝันของสาวๆ เอเชีย อีกหนึ่งผลงานที่น่าติดตามของเขาจาก Netflix คือซีรีส์เรื่อง Man to Man (2017) ซึ่งเขารับบทเป็นสายลับรูปหล่อ แตกต่างไปจากเรื่อง Bad Guys ที่ได้รับบทเป็นฆาตกรต่อเนื่อง
เรื่องราวความบ้าดีเดือดนี้เริ่มมาจากโอกูทัก ผู้ได้รับฉายาว่าเป็นหมาบ้า เป็นตำรวจที่ไม่สนว่าผู้ต้องหาจะเป็นใครมาจากไหน แต่ถ้ารู้ว่าคนคนนั้นคือผู้ร้าย เขาจะกระชากลากถูมันมารับผลกรรมให้ได้
แต่บ่อยครั้งโอกูทักก็ทำเกินเหตุ หัวหน้าหน่วยสืบสวนสอบสวนจากแผนกอาชญากรรมอย่างเขาจึงถูกพักงาน สาเหตุเนื่องมาจากใช้ความรุนแรงกับผู้ต้องหา แต่ในเวลาต่อมา โอทักกูได้รับคำไหว้วานให้ตามล่าฆาตกรรายหนึ่ง “การทำร้ายคนบริสุทธิ์คือความรุนแรง แต่การจัดการคนเลวคือความยุติธรรม”
นี่เองที่ทำให้เขาสร้างทีมพิเศษขึ้นมาใหม่ โดยรวบรวมนักโทษในเรือนจำมากความสามารถ (?) มาร่วมทีม ซึ่งแต่ละคนนั้นมีความโดดเด่นในแต่ละด้านต่างๆ กัน ทั้งนักเลง นักฆ่า และฆาตกรต่อเนื่องมันสมองระดับอัจฉริยะ อีจองมุน ที่เป็นคนลงมือฆ่าลูกสาวเขาเอง! รวมถึงตำรวจหญิงสายลุย
เราจะได้เห็นพัฒนาการของตัวละครไปทีละน้อย ภายใต้การทำงานร่วมกันนี้ย่อมมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ทั้งความไว้ใจ ความสงสัย และความใคร่รู้ สิ่งที่เห็นและสิ่งที่เชื่ออาจไม่ถูกเสมอไป ถ้าคุณไม่ได้พิสูจน์ให้เห็นกับตาว่าอะไรเป็นอะไร!
Stranger (2017)
เรียกว่าเป็นการกลับมาทั้งของโจซึงวูและแบดูนาที่ห่างหายไปจากการเล่นซีรีส์นานหลายปี และการหวนคืนสู่หน้าจอคราวนี้ก็ไม่ทำให้ใครผิดหวัง เพราะเนื้อเรื่องนั้นเข้มข้น ดุเดือด และยังตลบตะแลงจนผู้ชมเดาทางได้ยาก ซีรีส์เรื่องนี้ Netflix จ่ายไปถึงตอนละ 200,000 เหรียญสหรัฐ ได้รับคำชมจากทั้งในและต่างประเทศ รวมถึง New York Times ยังกล่าวว่าเป็นละครโทรทัศน์ยอดเยี่ยมในปี 2017 ด้วย
Stranger เป็นเรื่องราวการทุจริตในกระบวนการยุติธรรม รวมถึงการติดสินบนเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคน
เหตุเกิดจากการฆาตกรรมชายคนหนึ่งชื่อพัคมูซอง ซึ่งฮวังชีมก อัยการหนุ่มที่เถรตรง ซื่อสัตย์ ไม่เคยอ่อนข้อให้ใคร เป็นผู้ทำคดีนี้ ภายนอกเขาดูเป็นคนที่ค่อนข้างไม่เป็นมิตร ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก สาเหตุเนื่องมาจากการผ่าตัดในวัยเด็ก
ฮวังชีมกได้ทำงานร่วมกับฮันยอจิน ผู้หมวดหญิงที่ทุ่มเทให้กับการทำหน้าที่ไม่แพ้กัน การตายของพัคมูซองนั้นไม่ใช่แค่การปล้นทั่วๆ ไป แต่มันคือการจัดฉากและปิดปาก เพราะเขาพัวพันกับการรับสินบนของเจ้าหน้าที่หลายคน ฮวังชีมกค่อยๆ สืบสาวจนสามารถเข้าใกล้ปัญหาต้นตอได้ แต่ระหว่างทางนั้นเต็มไปด้วยความสูญเสียมากมาย
กี่ครั้งกี่หนแล้วที่ผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่อของความชั่วร้ายและอำนาจ ถ้าแม้แต่ผู้รักษาความยุติธรรมเองยังฉ้อฉล ประชาชนจะไว้ใจและเชื่อใจใครได้บ้าง?
การเดินเรื่องและวางหมากตัวละครของผู้เขียนบททำได้ดีมาก คนดูอาจไขว้เขวและติดกับดักได้อย่างง่ายดาย เนื้อหามีความเข้มข้นซับซ้อน แม้ว่าเราจะสังเกตและคิดตามขนาดไหน ในท้ายที่สุดเมื่อทุกอย่างเฉลยออกมา เราก็จะรู้ว่าทิศทางทั้งหมดที่เข้าใจนั้นผิด บางจังหวะซีรีส์จะผ่อนให้เราเข้าใจ แต่กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรเรื่องราวก็ดำเนินมาถึงจุดจบแล้ว
Bad Guys: City of Evil (2017)
หลังจากซีรีส์ Bad Guys (2014) ในซีซั่นแรกได้รับกระแสตอบรับดีมาก และหลายคนก็มักถามถึงอยู่บ่อยๆ ว่าจะมีซีซั่นสองหรือไม่ ซีรีส์เรื่องนี้จึงกลับมาอีกครั้งด้วยความเดือดที่ต่างไปจากเดิม ฉากแอ็คชั่นและความรุนแรงถูกใส่มาแบบไม่ยั้งมือ เนื้อหาหยิบจับประเด็นที่ใหญ่ขึ้นมาอีกในเชิงสังคม โดยมุ่งไปที่การคอร์รัปชั่นและอำนาจ ในซีซั่นสองนี้ผู้เขียนบทยังเป็นคนเดิมคือฮันจองฮุน แต่เปลี่ยนผู้กำกับใหม่มาเป็นฮันดงฮวา
Bad Guys: City of Evil กล่าวถึงการต่อสู้ระหว่างคนกลุ่มหนึ่งที่ต้องการทวงคืนความสงบสุขและความยุติธรรม นำโดยอัยการอูเจมุน กับอีกฝั่งคือ โจยองกุก ประธานกลุ่มธุรกิจที่คุมกิจการแทบทั้งหมดในเมืองซอวอน แม้เบื้องหน้าจะมีธุรกิจถูกต้องตามกฎหมาย แต่เบื้องหลังเต็มไปด้วยธุรกิจด้านมืดมากมาย ทั้งยาเสพติด บ่อนการพนัน สถานที่อโคจร แก๊งอันธพาล และยังติดสินบนเจ้าหน้าระดับสูงในหลายหน่วยงาน เพื่อให้ตัวเองก้าวขึ้นสู่อำนาจเรื่อยๆ
การจะโค่นโยองกุกลงมาไม่ใช่เรื่องง่าย อูเจมุนต้องก้าวนำหน้าเขาให้ได้เสมอ ไม่อย่างนั้นก็จะจบลงด้วยความล้มเหลวแบบที่เขาเคยประสบมา
โจยองกุกได้กล่าวไว้ว่า “เอาคนที่ทำชั่วมามากมายกว่าผม เอาคนที่ทำและจะทำมากขึ้น เอาคนแบบนั้นมาจับผม กฎหมาย ระเบียบ ความยุติธรรม คุณจัดการผมด้วยของพวกนั้นไม่ได้”
อูเจมุนจึงกลายเป็นอัยการสายโหดที่ยอมทำทุกอย่าง แม้ว่ามือจะต้องเปื้อนเลือดเขาก็จะทำ เพื่อลากโจยองกุกเข้าคุกให้ได้ เขารวบรวมผู้คนและกำลังมากมาย ทั้งลูกน้องเก่าโจยองกุก ตำรวจสายบู๊ที่ติดยา อัยการหนุ่มผู้มีความแค้น และอีกหลายคนที่พร้อมจะร่วมมือกับเขานำสิ่งที่ถูกต้องกลับคืนมาสู่เมืองซอวอนอีกครั้ง
แต่ปมลึกและเงื่อนงำนั้นมีมากกว่าที่เราจะคาดได้ ความไว้เนื้อเชื่อใจเหมือนมาพร้อมกับการหักหลัง ความดีงามในตัวมนุษย์นั้นยังมีอยู่ใช่หรือไม่? หรือเราล้วนพกความสิ้นหวังมามอบให้กัน
Live (2018)
ซีรีส์ที่จะทำให้เข้าใจมากขึ้นว่าในโรงพักนั้นวุ่นวายขนาดไหน เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำอะไรบ้าง ชีวิตประจำวันและการสืบคดีเป็นอย่างไร ผลงานนี้คนเขียนบทไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นโนฮีคยอง มีผลงานเป็นที่จดจำอย่าง That Winter, the Wind Blows (2013), It’s Okay, That’s Love (2014) และล่าสุด Dear My Friends (2016)
Live เต็มไปด้วยเรื่องราวปลีกย่อยมากมายที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ หน้าที่ของตำรวจไม่ได้มีแค่การตามล่าหาผู้ร้าย แต่ประกอบไปด้วยงานด้านอื่นๆ อีก เช่น การควบคุมจลาจล งานบริการชุมชน การระงับเหตุทะเลาะวิวาท งานสายตรวจในเวลากลางคืน ไปจนถึงเรื่องจิปาถะอย่างการดูแลคนเมา และบ่อยครั้งที่กฎระเบียบกับความเห็นอกเห็นใจไม่ได้ไปด้วยกัน
ในย่านที่วุ่นวายที่สุดเขตหนึ่ง ทีมตำรวจสถานีเขตฮงอิลทำงานกันแทบไม่ได้พัก งานไม่เคยเบาลงเลยแม้สักวัน ทำให้เป็นหน่วยที่ไม่ค่อยมีคนอยากเข้ามาประจำมากเท่าไร แต่กับเด็กใหม่สามคนที่เพิ่งจบจากการตรากตรำฝึกฝนเป็นตำรวจอยู่หลายปี พวกเขาหวังว่าการเข้ามาเป็นเด็กฝึกงานที่นี่จะทำให้ตัวเองได้รับพื้นฐานและประสบการณ์ในหลายๆ เรื่อง
ประจวบกับตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่โอยางชนต้องย้ายเข้ามาทำงานที่นี่ด้วย เขาเป็นตำรวจที่มีวีรกรรมเล่าขานมากมาย และตัวเขาเองเป็นครูฝึกหฤโหดของทั้งสามคนมาก่อน และโชคสองชั้นก็ไปตกกับยอมซังซู ตำรวจน้องใหม่ที่ต้องจับคู่กับโอยางชน
เรื่องราวไม่ได้ขลุกอยู่แต่การสืบคดีและเรื่องในโรงพักเท่านั้น Live ยังพาเราไปสำรวจพื้นเพของตัวละครหลักและรองหลายๆ ตัว ทำให้ได้เห็นมิติต่างๆ มากยิ่งขึ้น พวกเขาเองก็มีชีวิต มีความสัมพันธ์ มีความรู้สึก และมีหัวใจ จุดแข็งของเรื่องนี้จึงเป็นอะไรที่เรียบง่าย แต่สมจริงสมจังในแง่ชีวิตและความเป็นไปของทุกๆ คน
Life (2018)
Life เป็นผลงานการเขียนบทเรื่องที่ 2 ของ ลีซูยอน มือเขียนบทจาก Stranger (2017) ซึ่งได้รับรางวัลแดซัง สาขาโทรทัศน์ในงาน 54th Baeksang Arts Awards เมื่อปีที่ผ่านมา โดยเรื่องนี้ได้หนุ่มหล่ออย่างลีดองวุคมาประกบคู่กับโจซึงวู
เมื่อออกอากาศ Life ทำเรตติ้งสูงที่สุดของละครช่อง JTBC ไปอย่างดงาม และเมื่อไม่นานมานี้ ลีซูยอน ก็ยังคว้ารางวัลสาขาบทละครโทรทัศน์ยอดเยี่ยมจากงาน 6th APAN Star Awards อีกด้วย
ซีรีส์แนวการแพทย์เรื่องนี้ต่างไปจากซีรีส์อื่นๆ ตรงที่เนื้อหาไม่ได้เน้นไปที่การรักษาคนไข้ แต่ประเด็นอยู่ที่การบริหารภายในองค์กร การแย่งชิงอำนาจ และสังคม ในแง่สิทธิในการเข้าถึงการรักษา
โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยซังกุกเปลี่ยนประธานบริหารคนใหม่มาเป็น กูซึงฮโย ประธานหนุ่มไฟแรงที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์มาแล้วในเรื่องการจัดการองค์กร การเข้ามาของเขาประจวบเหมาะกับความตายอย่างกะทันหันของนายแพทย์ อีโบฮุน ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มต้น
กูซึงฮโยเข้ามาพร้อมกับคำสั่งที่ทำให้แผนกในโรงพยาบาลสั่นคลอน การต่อสู้ระหว่างเขากับหัวหน้าแพทย์ในโรงพยาบาลจึงระอุขึ้นทีละน้อย โรงพยาบาลเองทำหน้าที่คล้ายบริษัทที่ต้องผลิตกำไร ดังนั้นผู้บริหารจึงต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายในเสียใหม่
แต่การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเมื่อบรรดาแพทย์และพยาบาลไม่เห็นด้วย รวมถึงปริศนาเรื่องเงินที่เกี่ยวข้องกับผู้อำนวยการที่เสียชีวิตไป เยจินอู แพทย์แผนกฉุกเฉินจึงพยายามสืบหาข้อมูลเพิ่มเติมว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับใครกันแน่? ในโรงพยาบาลแห่งนี้ ใครกันคือผู้ได้ประโยชน์ และใครกันคือผู้เสียประโยชน์
Tags: Netflix, ซีรีส์, เกาหลีใต้