นอกจากประเทศไทยที่กำลังจะมีการจัดการเลือกตั้งในช่วงนี้ แต่ยังมีประเทศไม่ใกล้ไม่ไกลอย่างอินเดียที่กำลังจะมีการเลือกตั้งทั่วไปเช่นกัน แบ่งเป็น 7 ช่วง เริ่มตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน จนถึง 19 พฤษภาคม และประกาศผลในวันที่ 23 พฤษภาคม

นี่เป็นการเลือกตั้งที่น่าจับตามอง เพราะเป็นการตัดเชือกกันระหว่างสองพรรคใหญ่ที่มีปัจจัยล้อมรอบอยู่มาก ตั้งแต่ประเด็นการเมือง ชาตินิยม ความมั่นคงกับประเทศเพื่อนบ้าน การรวมตัวกันของพรรคย่อยเพื่อต่อต้านพรรครัฐบาล และที่สำคัญที่สุดคือปัญหาปากท้องและการจ้างงาน

พรรครัฐบาลที่ลงเลือกตั้งต่อในสมัยนี้คือพรรคภารตียชนตา หรือ BJP ของนายกรัฐมนตรี นาเรนทรา โมดิ ที่ชนะการเลือกตั้งถล่มทลายในปี 2014 ด้วย 282 ที่นั่งของทั้งหมด 543 ที่นั่งในโลกสภา ส่วนที่เข้ามาท้าชิงคือพรรคคองเกรส นำโดย ราหุล คานธี ลูกชายของ ราจีฟ คานธี อดีตนายกรัฐมนตรี โดยพรรคนี้เป็นพรรคเก่าแก่ และนอกจากราจีฟก็มีสมาชิกรุ่นใหญ่เป็นคนสำคัญทางการเมืองมากมาย

แต่ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้ดูเหมือน BJP จะตกที่นั่งลำบาก เพราะหลังจากบริหารประเทศมา 5 ปี กลับมีอัตราการว่างงานสูงขึ้นจาก 5% เมื่อกุมภาพันธ์ปี 2017 เป็น 7.2% เมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นั่นคือปัญหาการว่างงานกลับไม่ถูกแก้ไขทั้งที่พรรคชูนโยบายสร้างงานไว้เมื่อตอนหาเสียงปี 2014 โดยเฉพาะการสร้างงานให้คนรุ่นใหม่ที่เข้าสู่ตลาดงานปีละ 12 ล้านคน และทั้งที่โมดิมักแสดงตนเป็นฮีโร่ของคนจน แต่กลับแก้ปัญหาให้กับชาวนาและเกษตรกรไม่ได้

นอกจากนั้นยังเห็นได้ชัดจากการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นที่ถึงแม้ในปี 2017 พรรค BJP จะยังชนะในแคว้นใหญ่อย่างอุตรประเทศ (Uttar Pradesh) ที่มีที่นั่ง .. ถึง 80 ที่นั่ง แต่กลับแพ้รวดในหลายแคว้นสำคัญเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เช่นในราชาสถาน (Rajasthan) และฉัตตีสครห์ (Chhattisgarh) ที่พรรคคองเกรสชนะขาด เป็นสัญญาณว่าโมดิและ BJP กำลังเสียความนิยมให้กับพรรคคู่แข่งพรรคนี้ ที่สมาชิกต่างออกมาโจมตี BJP อย่างไม่หยุดยั้งตั้งแต่ประเด็นใหญ่จนถึงประเด็นยิบย่อย

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่มากระตุ้นสถานการณ์การเลือกตั้งให้ร้อนฉ่าขึ้นไปอีก คือปัญหาความขัดแย้งระหว่างอินเดียและปากีสถาน ที่เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการปิดน่านฟ้า หลังจากวันที่ 26 กุมภาพันธ์ อินเดียได้ส่งเครื่องบินเข้าโจมตีกลุ่มติดอาวุธในปากีสถาน และในวันถัดมาปากีสถานได้โจมตีเครื่องบินของกองทัพอากาศอินเดียสองลำที่บินเข้ามาเหนือน่านฟ้าแคชเมียร์ และจับตัวนักบินอินเดียหนึ่งคนไว้เป็นตัวประกัน

ผลกระทบของเหตุการณ์นี้คือทั้งสองพรรคต่างใช้เหตุผลด้านความมั่นคงเพื่อหาเสียงและโจมตีฝ่ายตรงข้าม อย่างโมดิเองก็กล่าวในฐานะนายกฯ ว่ารัฐบาลของเรามีความจริงจังในการตัดสินใจ อินเดียใหม่กล้าเสี่ยง ไม่กลัวใคร และตัดสินใจเด็ดขาดหลังเหตุการณ์นี้ กกต. อินเดียก็ได้ประกาศห้ามพรรคการเมืองใช้ทหารในการหาเสียง และย้ำไม่ให้รัฐบาลประกาศนโยบายหรือโฆษณานโยบายใหม่ใดๆ ด้วยเงินภาษีประชาชน

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางส่วนได้ออกมาตั้งข้อสังเกตุว่า อันที่จริงแล้วประชาชนอินเดียผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 900 ล้านคน ซึ่งมากกว่าเมื่อปี 2014 ถึง 70 ล้านคน อาจไม่ได้สนใจคำมั่นสัญญาที่เกี่ยวกับความขัดแย้งและความมั่นคงใดๆ แต่สิ่งเดียวที่พวกเขาให้ความสำคัญคือเรื่องใกล้ตัวอย่างปัญหาความยากจนและการไม่มีอันจะกินที่เลวร้ายลงทุกวันมากกว่า

ที่มา:

https://edition.cnn.com/2019/02/15/asia/india-election-what-to-know-intl/index.html

https://edition.cnn.com/2018/12/19/asia/india-election-2019-modi-weak-intl/index.html

https://edition.cnn.com/2019/03/13/india/india-election-modi-differences-intl/index.html

https://www.theguardian.com/world/2019/mar/10/india-to-begin-voting-in-election-in-april-says-electoral-commission-narendra-modi