ลักษณะเฉพาะของเจมส์ บอนด์ ในแฟ้มประวัติของเคจีบี:
ชื่อ: เจมส์ บอนด์
ส่วนสูง: 183 เซนติเมตร
น้ำหนัก: 76 กิโลกรัม
สีนัยน์ตา: ฟ้า
สีผม: ดำ
ภาษา: อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน
จุดสังเกต: รอยแผลเป็นที่แก้มขวา และไหล่ซ้าย รอยแผลผ่าตัดที่หลังมือขวา สูบบุหรี่จัด (ยี่ห้อ Morland ที่มีโลโก้เหรียญทอง)
จุดอ่อน: รถยนต์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (แต่พอประมาณ) และผู้หญิง
จุดแข็ง: เชี่ยวชาญด้านนักกีฬา แม่นปืน เก่งมวย ปามีด ไม่คอร์รัปชัน ทนทานต่อความเจ็บปวด ต่อสู้เพื่อแผ่นดินเกิด
รหัสลับ: 007 ศูนย์สองตัวคือใบอนุญาตสังหาร บอนด์เป็นสายลับหนึ่งในสามของหน่วยสืบราชการลับ
รางวัล: เหรียญเกียรติยศหน่วยสืบราชการลับ CMG (เป็นรางวัลซึ่งปกติสายลับจะได้รับหลังจากเกษียณราชการ)
ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของหนังเจมส์ บอนด์นั้น เขาไม่มีโอกาสได้สัมผัสอีกแล้ว เอียน เฟลมิง (Ian Fleming) นักเขียนนิยายและผู้สร้างตัวละครสายลับ 007 เสียชีวิตไปเมื่อเดือนสิงหาคม 1964 ราวหนึ่งเดือนก่อนหนังเรื่อง Goldfinger หรือเจมส์ บอนด์ภาคที่สามจะเข้าฉายรอบปฐมทัศน์
ตอนนั้นเฟลมิงเพิ่งอายุเพียง 56 ปีเท่านั้น
ภาวะหัวใจวายคร่าชีวิตนักเขียนอังกฤษ นั่นอาจไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะขณะมีชีวิต เฟลมิงสูบบุหรี่และดื่มจัด อีกทั้งยังมีปัญหาโรคหัวใจ แต่เรื่องความตื่นเต้นและการผจญภัยในชีวิตเขาไม่พลาดเสียทีเดียว เพราะอย่างน้อยเขาต้องเสาะหาแรงบันดาลใจสำหรับการเขียนนิยายเจมส์ บอนด์ทั้งสิบสองเล่ม รวมถึงเรื่องสั้นอีกนับไม่ถ้วน และแต่ละเรื่องมักเกี่ยวโยงกับเหตุการณ์ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ที่สายลับของเขาต้องเข้าไปพัวพันในฐานะนาวิกโยธินของกองทัพอังกฤษ
สูบบุหรี่ ดื่มสุรา รักการผจญภัย ไม่ได้เป็นเพียงอุปนิสัยที่ใกล้เคียงกันระหว่างนักเขียนและตัวละครเอกของเขา หากภาพลักษณ์และบุคลิกบางอย่างของบอนด์ยังสะท้อนถึงตัวตนของเฟลมิงด้วย ละม้ายคล้ายกันไปจนถึงแบรนด์ของเครื่องใช้ในห้องน้ำที่ทั้งสองนิยม
ทั้งเฟลมิงและบอนด์มีพื้นเพจากครอบครัวในสก็อตแลนด์
เอียน เฟลมิงเกิดเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 1908 ในเมย์แฟร์ ย่านหรูของกรุงลอนดอน ทั้งคู่เป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยอีตัน มีโอกาสได้เรียนภาษาฝรั่งเศส รัสเซียน และเยอรมัน จากนั้นไปต่อที่สถาบันแซนด์เฮิร์สต์ของกองทัพ แต่ไม่สำเร็จทั้งสองแห่ง ทั้งสองเสียพ่อไปตั้งแต่ยังเยาว์วัย วาเลนไทน์ เฟลมิง (Valentine Fleming) ตายเมื่อปี 1917 ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ไม่กี่วันก่อนลูกชายของเขาจะอายุครบเก้าขวบ และทั้งบอนด์และเฟลมิงต่างเป็นคนมีเสน่ห์ เย้ายวนใจหญิง หลงใหลในความหรูหราและรถสปอร์ต
ความหวังของเฟลมิงในวัยหนุ่มคือตำแหน่งงานในกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษ แต่บังเอิญเขาสอบไม่ผ่าน จึงต้องมาทำงานเป็นนักข่าวในสังกัดรอยเตอร์ส เป็นหนึ่งในทีมผู้สื่อข่าวประจำกรุงมอสโก และเขาเคยเกือบได้สัมภาษณ์พิเศษกับโจเซฟ สตาลิน หากไม่ถูกยกเลิกเสียก่อน แต่ครั้งนั้นสตาลินส่งสาส์นขอโทษเฟลมิงด้วยลายมือตนเอง
ปี 1933 เฟลมิงเปลี่ยนงานมาเป็นโบรกเกอร์ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนัก อย่างน้อยเขาก็เป็นหลานคนหนึ่งของโรเบิร์ต เฟลมิง (Robert Fleming) ผู้ก่อตั้งธนาคารในสก็อตแลนด์ แต่งานนี้ก็ไม่นำพาความสำเร็จมาให้อย่างที่เขาคาดหวัง แค่ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับคนในสังคมระดับสูงเป็นรางวัลปลอบใจเท่านั้น
กระทั่งช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เฟลมิงสามารถก้าวไปใกล้จุดหมายที่หวัง เมื่อได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยของ จอห์น ก็อดฟรีย์ (John Godfrey) ผู้บังคับบัญชาหน่วยราชการลับของนาวิกโยธินอังกฤษ ซึ่งไม่น่าแปลกเช่นกันที่ในเวลาต่อมาเขากำหนดให้พระเอกเจมส์ บอนด์เป็นสมาชิกของหน่วยซีล แต่เฟลมิงก็ปล่อยให้บอนด์เผชิญกับความโลดโผนและภยันตรายในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองแทนเขา ที่อยู่ห่างไกลจากภาวะเสี่ยงภัยทั้งปวง
แรงบันดาลใจของเฟลมิงในการเขียนนิยายสายลับมาจากประสบการณ์จริงส่วนหนึ่ง จากการเรียนรู้ระหว่างอบรมหลักสูตรนาวิกโยธิน ได้รู้จักและพบปะผู้คนในช่วงสงคราม ที่เหลือนอกจากนั้นล้วนเกิดจากจินตนาการของเขาทั้งสิ้น
ภารกิจของเฟลมิงในฐานะผู้ช่วยผู้บังคับบัญชาหน่วยราชการลับคือการอยู่เบื้องหลัง ร่วมกำหนดแผนและคิดยุทธศาสตร์ อย่างเช่น 30 Assault Unit หรือหน่วยคอมมานโดอังกฤษ ปฏิบัติการในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หรือแผนปฏิบัติการ T-Force ที่เฟลมิงเข้าไปมีส่วน และประสบความสำเร็จ รหัสลับของปฏิบัติการมีชื่อเรียกว่า Operation GoldenEye
และก็ไม่น่าแปลกที่เฟลมิงจะเรียกชื่อบ้านของเขาบนเกาะจาไมกาว่า ‘GoldenEye’ เขาค้นพบเกาะแห่งนี้ระหว่างปฏิบัติภารกิจ ทุกวันนี้สนามบินที่นั่นมีชื่อตามเขา
ช่วงหลังสงครามเฟลมิงมักใช้เวลาช่วงฤดูหนาวไปพักผ่อนที่แคริบเบียน ในสัญญาว่าจ้างที่ Sunday Times ระบุไว้ชัดเจนว่าเขามีสิทธิ์ลาพักร้อนได้นานถึงสามเดือน นอกจากนั้นเขายังแต่งงานที่จาไมกา กับแอนน์ ชาร์เทอริส (Ann Charteris) แฟนสาวที่คบหากันยาวนาน
ทั้งสองมีลูกชายหนึ่งคนชื่อ คาสเปอร์ (Casper) ซึ่งต่อมาป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และฆ่าตัวตายในปี 1975 ขณะยังมีอายุเพียง 23 ปี
เฟลมิงเคยเขียนหนังสือเด็กชื่อเล่ม Chitty-Chitty Bang-Bang ตีพิมพ์ออกมาในปี 1964 และในวันที่ 11 สิงหาคมปีเดียวกันนั้น เอียน เขาเสียชีวิตเพราะหัวใจวายที่สนามกอล์ฟเซนต์จอร์จส์ ซึ่งเป็นสถานที่ประลองกอล์ฟระหว่างเจมส์ บอนด์กับวายร้าย-ออริค โกลด์ฟิงเกอร์
ช่วงที่พักอยู่บนเกาะจาไมกา เฟลมิงใช้เวลาครุ่นคิด กลั่นกรอง เรื่องราวจากสงคราม ในปี 1952 โดยเริ่มเขียนนิยายสายลับ และภายในเวลาสองเดือนก็ปรากฏเป็น Casino Royale ภาคแรกของนิยายเจมส์ บอนด์
เจมส์ บอนด์ เป็นชื่อของนักวิจัยนกชาวอเมริกัน ผู้เขียนหนังสือ Birds of the West Indies เล่มที่เฟลมิงโปรดปราน และมีเก็บไว้ที่บ้านในโอราเบสซา บนเกาะจาไมกา “ผมอยากได้ชื่อแฝงที่ไม่บ่งบอกตัวตนชัดเจน จนมาเจอชื่อของนักเขียนจากหนังสือเล่มที่ผมชอบ ชื่อเขาสั้น ไม่โรแมนติก และเป็นผู้ชายแบบที่ผมหาอยู่พอดี”
หลังจาก Casino Royale ยังตามมาด้วยเรื่องสั้น 9 เรื่อง และนิยายสายลับอีก 11 เล่ม ในจำนวนนั้นมี From Russia with Love ซึ่งเป็นนิยายในลิสต์หนังสือเล่มโปรดของจอห์น เอฟ. เคนเนดี
ว่ากันว่า Casino Royale นับเป็นจุดเริ่มของงานวรรณกรรมที่ประสบความสำเร็จ และเป็นแบบอย่างให้ เจ. เค. โรว์ลิง (J.K. Rowling) นำมาใช้เป็นบรรทัดฐานความสำเร็จ นิยายเจมส์ บอนด์ทั้งสิบสองเล่มสามารถทำให้เฟลมิงกลายเป็นมหาเศรษฐี มั่งคั่งมากพอที่จะซื้อแม้กระทั่งเครื่องพิมพ์ดีดทองคำสำหรับพกพา
และ Casino Royale (2006) ก็กลายมาเป็นภาพยนตร์ในชุดเจมส์ บอนด์ ที่ดาเนียล เครกมารับบทสายลับ 007 เป็นเรื่องแรก ส่วนเรื่องถัดมาของเครก Quantum of Solace (2006) ดัดแปลงจากเรื่องสั้น (1959) ในชื่อเดียวกันของเฟลมิง
แม้เอียน เฟลมิงจะลาจากโลกไปเกือบ 6 ทศวรรษ แต่ภาพสะท้อนของเขายังจะคงปรากฎอยู่เสมอกับตัวละคร เจมส์ บอนด์ ที่โลดแล่นอยู่ทั้งในบทประพันธ์และภาพยนตร์
อ้างอิง:
https://www.n-tv.de/leute/Ian-Fleming-der-Spion-der-James-Bond-erfand-article7347151.html
https://www.sueddeutsche.de/kultur/100-geburtstag-bond-autor-ian-fleming-papa-bond-1.217395
https://www.br.de/themen/kultur/inhalt/film/james-bond-film-ian-fleming100.html
Tags: เจมส์ บอนด์, เอียน เฟลมิง