อเล็กซานดรา หว่อง นักเคลื่อนไหวประชาธิปไตยฮ่องกงชื่อดัง ได้ปรากฎตัวต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวระหว่างการประท้วงใหญ่เมื่อปีที่แล้ว โดยเธอได้ระบุว่า เธอถูกคุมขังในนครเซินเจิ้น 45 วัน และถูกส่งตัวไปเข้าร่วมกับ “ทัวร์รักชาติ” ในมณฑลส่านซี
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อเล็กซานดรา หว่อง หรือ “คุณยายหว่อง” ได้จัดงานแถลงข่าวในฮ่องกงเพื่อเปิดเผยรายละเอียดการหายตัวไปกว่า 14 เดือนของเธอ โดยเธอได้ชี้แจงว่า หลังเข้าร่วมการประท้วงใหญ่เมื่อเดือนสิงหาคม เธอถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวได้บริเวณชายแดน และถูกคุมขังอยู่ในนครเซินเจิ้นเป็นระยะเวลา 45 วัน โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้งข้อหาอย่างชัดเจน นอกจากนี้ เธอยังถูกบังคับให้สารภาพเป็นลายลักษณ์อักษรว่าเธอจะไม่เคลื่อนไหวทางการเมืองอีกต่อไป และอัดวิดีโอเพื่อประกาศว่าทางการจีนไม่ได้ทรมานเธอระหว่างการคุมขังและสัญญาว่าเธอจะไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเด็ดขาด
อย่างไรก็ดี หลังได้รับการปล่อยตัว เธอถูกเจ้าหน้าที่ส่งตัวไปเข้าร่วม “ทัวร์รักชาติ” ในมณฑลส่านซี เป็นเวลา 5 วัน โดยเจ้าหน้าที่ได้บังคับให้เธอถ่ายรูปกับธงชาติจีนและร่วมขับร้องเพลงชาติจีนด้วย จนกระทั่งได้รับการประกันตัวเพื่อรอการพิจารณคดีในข้อหา “ก่อการทะเลาะวิวาทและปลุกปั่นให้เกิดปัญหา” ซึ่งเป็นข้อหาที่ทางการจีนมักใช้จับกุมกลุ่มผู้สนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกง
เธอกล่าวว่า การรับสารภาพกับทางการจีนว่าการเคลื่อนไหวของเธอเป็นเรื่องที่ผิด คือสิ่งที่เธอเสียใจที่สุดในชีวิต แต่เธอยืนยันว่า ตอนนั้นเธอไม่มีทางเลือกอื่นเพื่อใช้ต่อรองกับทางการจีนอีกแล้ว
หลังการปล่อยตัว ทางการจีนอนุญาตให้หว่องสามารถเดินทางกลับบ้านของเธอในนครเซินเจิ้นเท่านั้น พร้อมทั้งห้ามเดินทางเข้าฮ่องกงเป็นระยะเวลาหนึ่ง จนกระทั่งข้อห้ามดังกล่าวหมดอายุลงในเดือนกันยายนที่ผ่านมา
.
ทั้งนี้ เธอยืนยันจะสู้เพื่อประชาธิปไตยฮ่องกงต่อไป และเรียกร้องให้ทางการจีนปล่อยตัวนักกิจกรรม 12 คน ที่เชื่อว่าถูกเจ้าหน้าที่จีนแผ่นดินใหญ่จับกุมตัวระหว่างการหลบหนีไปไต้หวันเมื่อเดือนสิงหาคม ขณะเดียวกัน นักเคลื่อนไหวและนักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตยฮ่องกงเริ่มตกเป็นเป้าหมายการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ที่ระบุว่า การกระทำที่มุ่งเน้นการแบ่งแยกดินแดน การล้มล้างอำนาจรัฐบาลกลาง การก่อการร้าย และการสมรู้ร่วมคิดกับต่างชาติ เป็นอาชญกรรมร้ายแรงและมีโทษจำคุกตลอดชีวิต
ที่มา:
https://www.bbc.com/news/world-asia-54443119
.
ภาพ REUTERS/Tyrone Siu
