1.

“มันจะมีคนประเภทหนึ่ง ที่ชอบการฆ่า และมีโลก 2 ใบเพื่อปิดบังพฤติกรรมนี้ไว้ พ่อของฉัน อยู่ในประเภทนี้ เขาคือหมาป่าในคราบลูกแกะ”

เดือนกันยายน ปี 2018 เสียงเคาะประตูห้องพักของ เดบอรา แบรชเชอร์ (Deborah Brashers) ดังขึ้น ทำเอาหญิงสาว วัย 27 ปี ตื่นขึ้นมา จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า ในฝันก่อนหน้านี้ เธอยังรำลึกถึงเหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มกราคม 1999 อยู่เลย

มันเป็นเหตุการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล

“มีอะไรคะ” เดบอราเปิดประตูห้อง พบชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างนอก เพียงแค่ปราดตามองแวบเดียว ก็รู้แล้วว่าเขาเป็นโปลิศแน่นอน

“ผมมาจากกรมตำรวจรัฐมิสซูรีนะครับ”

มิสซูรี สหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศ และเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างเดบอรา กับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 13 มกราคม ปี 1999 ด้วย

“คุณมาเพราะเรื่องพ่อของฉัน?”

เจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มชะงัก “คุณรู้ได้ไง”

“การที่คุณมาจากรัฐมิสซูรี มันเป็นสถานที่ซึ่งพ่อฉันยิงตัวตาย” วินาทีนั้น เธอรู้แล้วว่า มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นแน่นอน

ใช่! วันที่ 13 มกราคม ปี 1999 พ่อของเธอ โรเบิร์ต ยูจีน แบรชเชอร์ (Robert Eugene Brashers) ถูกตำรวจเคาะห้อง หลังพบว่าเขาลักป้ายทะเบียนรถมา

เหตุการณ์ถัดจากนี้ เดบอราจำได้ไม่แน่ชัด รู้แต่ว่า พ่อเธอซ่อนตัวเองอยู่ที่ใต้เตียง พร้อมอาวุธปืน ไม่ยอมออกไปพบเจ้าหน้าที่ โดยมีเธอและแม่อยู่ในห้องพักนั้นด้วย

การเจรจาดำเนินไปกว่า 4 ชั่วโมง สุดท้ายโรเบิร์ตตัดสินใจปล่อยตัวเมียและลูกสาวออกมา หลังจากนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้น บันทึกของตำรวจเผยว่า พ่อของเธอยิงตัวตาย โดยการเหนี่ยวไกปืนที่ศีรษะ

แต่แม่เดบอราเผยว่า คนที่ลั่นกระสุนใส่ คือตำรวจต่างหาก

6 วันหลังจากนั้น โรเบิร์ตเสียชีวิตที่โรงพยาบาล มันเป็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้า เป็นเรื่องราวที่ยังฝังแน่นในชีวิตหญิงสาว ผ่านไปเกือบ 19 ปี เธออาศัยอยู่ในรัฐอลาบามา พยายามมีชีวิตและผ่านฝันร้ายสุดเศร้าไปให้ได้

แต่ดูเหมือนมันจะไม่ยอมห่างหายไปไหน แถมยังจะรุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ

“เรากำลังสืบสวนคดีค้างเก่า ที่ยังปิดไม่ลง ทั้งการฆาตกรรมและการฆ่าข่มขืน” ตำรวจหนุ่มหยุดพูด ก่อนจะหลุดประโยคต่อมาโดยทันทีว่า “เราต้องการตัวอย่างดีเอ็นเอของคุณ”

มันไม่ใช่คำถาม ไม่ใช่การร้องขอ แต่เดบอราก็ตอบตกลงยินยอม เจ้าหน้าที่มีเครื่องมือเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอในรถ เมื่อได้ตามความต้องการแล้ว พวกเขาก็จากไป

เรื่องราวเงียบหายไป เพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น พอถึงวันที่ 5 ตุลาคม 2018 กรมตำรวจกรีนวิลล์ ในมิสซูรี ก็แถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน โดยยืนยันว่า พวกเขาสามารถไขคดี ฆาตกรรมฆ่าข่มขืน โดยคนร้ายก่อเหตุเกี่ยวเนื่องกันหลายเคส มีผู้เสียชีวิต 3 รายได้แล้ว หลังสืบสวนกันมาเกือบ 30 ปี

ผู้ก่อเหตุในคดีนี้ มีชื่อว่า โรเบิร์ต ยูจีน แบรชเชอร์นั่นเอง และเชื่อได้ว่าชายคนนี้เป็นฆาตกรต่อเนื่องด้วย

ลูกสาวของโรเบิร์ต เล่าว่า พลันที่เห็นข่าวนี้ น้ำตาเธอก็ไหลพรากออกมาทันที

 

2.

จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ เกิดขึ้นเมื่อ 28 ปีก่อน วันที่ 4 เมษายน ปี 1990 หญิงสาวรายหนึ่ง อายุเพียง 28 ปี ถูกฆ่าข่มขืนอย่างโหดร้าย ศพถูกทิ้งไว้ที่อ่างอาบน้ำ ซึ่งเปิดน้ำจนเต็ม ร่างไร้ลมหายใจเริ่มบวมอืด โดยเพื่อนร่วมงานได้แจ้งตำรวจให้ไปตรวจสอบ หลังเธอไม่โผล่ไปทำงาน

ตำรวจเคาะบ้าน ก่อนจะพบว่ามันกลายเป็นจุดเกิดเหตุฆาตกรรมสุดสะเทือนขวัญ ศพถูกทุบตี รัดคอ ที่กระจกห้องน้ำ มีประโยคที่เขียนไว้ว่า “อย่ามายุ่งกับครอบครัวกู”

มันกลายเป็นคดีสะเทือนขวัญของกรมตำรวจกรีนวิลล์อย่างมาก เหล่านักสืบถูกระดมมาเพื่อไขคดี หลักฐานถูกเก็บอย่างละเอียด แต่ผ่านไปหลายปี ไม่มีวี่แววความคืบหน้า หรือผู้ต้องสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น

ส่วนประโยคที่เขียนในกระจกห้องน้ำนั้น ตำรวจเชื่อว่า มันเป็นเพียงการเบี่ยงประเด็นของฆาตกรเท่านั้นเอง

จวบจนถึงปี 2005 หรือ 15 ปีหลังเหตุสยองนี้ ตำรวจจากรัฐแคโรไลนา ได้รวบรวมหลักฐานดีเอ็นเอในคดีฆาตกรรมหนึ่ง ซึ่งแม่กับเด็กหญิงคนหนึ่งถูกฆ่าข่มขืนอย่างเหี้ยมโหด เมื่อเอาฐานข้อมูลดีเอ็นเอผู้ก่อเหตุนี้ เข้าไปในระบบ ก็พบว่ามันเชื่อมโยงกับคดีที่กรีนวิลล์ จึงมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน

ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังพบดีเอ็นเอคนร้ายปรากฏในคดีทำร้ายร่างกายเด็กสาวในรัฐเทนเนสซีด้วย ทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่า ผู้ก่อเหตุใน 3 คดีนี้น่าจะเป็นคนเดียวกันอย่างแน่นอน

กระนั้นก็ตาม ดูเหมือนคดีทั้งหมดก็ยังไม่อาจพัฒนาหรือใกล้เคียงที่จะไขปริศนาได้เลย เพราะแม้จะรู้ดีเอ็นเอ แต่มันก็ไม่พบว่าเจ้าของรหัสพันธุกรรมนี้ คือใคร ดูเหมือนเขาจะไม่เคยกระทำผิด หรืออาจจะเคยติดคุก แต่ก็ไม่ได้มีการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอไว้

ทุกอย่างจึงยังลางเรือนเป็นปริศนาอยู่เหมือนเดิม

จนกระทั่ง ในเดือนกรกฎาคมปี 2018 ได้มีนวัตกรรมเกี่ยวกับดีเอ็นเอที่ก้าวหน้ากว่าเดิม นั่นก็คือมีบริษัทเอกชนรวบรวมข้อมูลดีเอ็นของประชากรในสหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างผังตระกูล จะได้รู้ว่าลูกค้ามีบรรพบุรุษมาจากไหน มีใครเป็นญาติบ้าง

ความก้าวหน้านี้ถูกใช้ในการสืบสวน สร้างผังตระกูลฆาตกร จนสามารถปิดคดีไปได้หลายราย ทำให้ตำรวจมิสซูรีเอาเทคโนโลยีล้ำสมัยนี้ มาไขคดีที่ค้างคาดังกล่าวทันที

กินเวลาไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็พบว่า ผังตระกูลดีเอ็นเอของฆาตกรสุดเหี้ยมนี้ ไปคล้ายคลึงกับชายที่ชื่อว่าโรเบิร์ต ยูจีน แบรชเชอร์ พวกเขาจึงตรวจสอบที่อยู่ของชายคนนี้โดยละเอียด ก่อนจะพบว่า ช่วงเกิดเหตุคดีฆาตกรรม เขามักจะอยู่บริเวณใกล้เคียงกับจุดสังหารโหดอยู่เสมอ

และเพื่อความชัวร์ถูกต้องแบบ 100 % ทำให้ตำรวจมิสซูรีต้องขับรถเดินทางไกล เพื่อไปขอตัวอย่างจากเดบอรา ลูกสาวสุดที่รักของโรเบิร์ต

หลังจากนั้นความจริงสุดน่ากลัว ก็เผยโฉมขึ้นอย่างน่าตื่นตะลึง

แม้โรเบิร์ตจะเสียชีวิตไปนานกว่า 19 ปีแล้ว แต่ความตายของเขาก็ไม่อาจพรากความจริงที่ปิดซ่อนเร้นไว้หลายปีได้เลย ในที่สุดมันก็ถูกกระชากออกมาว่า

โรเบิร์ต คือฆาตกรต่อเนื่องนั่นเอง

 

3.

เมื่อรู้แน่ชัดว่า เขาก่อเหตุสังหารโหด ตำรวจจึงตรวจสอบคดีทั้งหมด ประสานข้อมูลกับหน่วยงานหลายหน่วย ก่อนจะพบว่าตัวโรเบิร์ตนั้นเคยเป็นทหารมาก่อน ย้ายที่อยู่ไปมา ก่อนจะแต่งงานลงหลักปักฐาน มีเมีย ก่อนจะมีลูกสาวสุดน่ารักที่ชื่อว่าเดบอรานั่นเอง

แม้ช่วงวัยรุ่นเขาจะไม่เคยก่อเรื่อง ไม่มีประวัติยาเสพติด แต่พอเข้าสู่วัยกลางคน เขาเริ่มเผยพฤติกรรมแปลกๆ ทั้งการขโมยรถ ครอบครองปืนผิดกฎหมาย แม้จะติดคุกช่วงสั้นๆ แต่คดีเหล่านี้ มันไม่จำเป็นต้องเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ โดยในปี 1998 เจ้าหน้าที่เคยจับโรเบิร์ต หลังก่อเหตุบุกเข้าบ้านทำร้ายร่างกายหญิงสาว ที่เขาไปซ่อมบ้านให้

ขณะโดนคุมตัว ตำรวจพบกล้องวีดีโอ ปืน และพบว่าสายโทรศัพท์ในบ้านหลังดังกล่าวถูกตัดไปด้วย อย่างไรก็ดีศาลตัดสินใจให้ประกันตัวเขา หลังจากนั้นชายหนุ่มก็พาลูกและเมีย ตะลอนไปทั่ว ก่อนจะมาบรรจบที่ห้องพักในรัฐมิสซูรี

เดบอราย้อนความหลังถึงย่า ที่มักจะบอกแม่ตลอดว่า ผู้ชายคือปีศาจอันตรายนี้เอง กระนั้นก็ตาม เธอก็ยังใช้ชีวิตกับเขาเป็นปกติ โรเบิร์ตเป็นพ่อที่เธอรักมากๆ แม้จะรู้ว่ามีปัญหาอะไรบางอย่าง เช่นเคยติดคุกมาบ้าง แต่เขาก็ดูแลลูกสาวเป็นอย่างดี

อย่างไรก็ดีริ้วรอยแห่งความน่ากลัวก็เกิดขึ้นอยู่หลายครั้งด้วยกัน

“ฉันเคยเห็นพ่อเอามีดเฉือนตรงคอและแขน ไม่มีเสียงร้องครวญคราญใดๆ ออกมาจากปากพ่อเลย แถมเขายังอัดเสียงเก็บไว้ด้วย”

นักข่าวถามว่าโรเบิร์ตทำไปเพื่ออะไร เดบอราตอบว่า 

“เขาอยากรู้ว่ามันจะเจ็บไหม”

แต่ทั้งหมดนี้ ไม่อาจทำให้หญิงสาวตระหนักได้ว่า บิดาบังเกิดเกล้าของตัวเองนั้น จะเป็นฆาตกรต่อเนื่องสุดเหี้ยมแบบนี้เลย

“ฉันรู้สึกอับอาย ที่เขาเป็นพ่อฉันมากๆ” 

 

4.

ถึงจุดนี้ตำรวจเชื่อว่า โรเบิร์ตน่าจะก่อเหตุฆาตกรรมและข่มขืนหลายครั้ง โดยเจ้าหน้าที่ย้อนรอยการก่อเหตุสุดสยองของชายคนนี้ ไปได้ถึงปี 1986 ซึ่งเขาโดนจับหลังพยายามฆ่าหญิงสาวที่พบกันในบาร์ แต่เชื่อได้ว่าจุดเริ่มต้นในการสังหารโหด อาจจะมีมาก่อนหน้านี้

เมื่อตรวจสอบหลักฐานโดยละเอียด ทางการเชื่อว่า ชายคนนี้ไม่ได้เลือกเหยื่อแบบสุ่มๆ แต่เขามีการวางแผนอย่างละเอียด มีการสะกดรอย ก่อนลงมือสังหารโหดแบบนี้ 

ด้านน้องชายของหญิงสาวที่ถูกโรเบิร์ตสังหาร ได้เดินทางมาอยู่ในการแถลงข่าวเปิดโปงความเป็นฆาตกรต่อเนื่องของชายสุดเหี้ยมคนนี้ด้วย โดยเขาเผยว่า มันเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมาก จนเกือบจะเลิกหวังไปแล้วว่า คดีพี่ตัวเองจะได้รับการไขปริศนา

อย่างไรก็ดี เพราะความไม่ย่อท้อของผู้บังคับใช้กฎหมาย ที่บางคนแม้จะเกษียณอายุไปแล้ว แต่ก็ยังมารวบรวมตรวจสอบหลักฐานต่อ จนเมื่อมีการใช้เทคโนโลยีสร้างผังตระกูลจากดีเอ็นเอขึ้นมา 

ในที่สุด พวกเขาก็ค้นพบความจริง

สำหรับเทคโนโลยีการสร้างผังตระกูล โดยดีเอ็นเอนั้น ถูกใช้ในสหรัฐอเมริกาหลายคดี จนสามารถไขเหตุฆาตกรรมค้างเก่าที่ปิดไม่ลงหลายปี รวมถึงคดีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นด้วย เชื่อได้เลยว่า อีกไม่กี่ปีต่อจากนี้ มันจะกลายเป็นเครื่องมือในการสืบสวนของตำรวจทั่วทั้งโลก ในการล่าตัวคนร้ายอย่างแน่นอน

และแม้ความตายจะพรากวิญญาณผู้ก่อเหตุไปได้ แต่ความลับที่หวังจะจมไปพร้อมกันจะไม่เป็นแบบนี้อีกต่อไป เพราะมันจะเผยโฉมให้โลกได้รับรู้ความจริงในที่สุด

สำหรับเรื่องนี้ สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดไม่ใช่เพียงครอบครัวเหยื่อ หรือผู้ถูกก่อเหตุเท่านั้น แต่ทางครอบครัวของผู้ต้องหา ลูกสาวของฆาตกรต่อเนื่องอย่างเดบอรา ก็ช้ำใจพอๆ กัน 

หลังรู้ความจริงทั้งหมด เธอตัดสินใจนัดสื่อมาให้สัมภาษณ์ เพื่อบอกเล่าความบอบช้ำนี้ และหวังว่าในอนาคตจะได้พบกับครอบครัวเหยื่อที่พ่อไปฆ่า เพื่อจะได้รับรู้ความรู้สึกของผู้ถูกกระทำด้วย

ข่าวการเป็นฆาตกรต่อเนื่องของโรเบิร์ตนั้น เกิดขึ้นก่อนที่แม่ของเดบอรา จะเสียชีวิตเพียง 2 เดือนเท่านั้น มันยิ่งซ้ำเติมความเจ็บปวดของหญิงสาวอย่างมาก เพราะแม่ลาโลกจากโรคภัย ส่วนพ่อก็มรณะซ้ำสองอีกครั้ง หลังจากไป ในปี 1999 มาครั้งนี้ พ่อได้ตายจากความทรงจำของลูกสาว ที่เคยคิดว่าพ่อของตัวเองเป็นคนดี

เดบอราเผยความชอกช้ำกับนักข่าวไว้อย่างน่าสนใจ คือ หากพ่อยังมีชีวิตอยู่ เธออยากจะคุยกับเขาถึงพฤติกรรมสุดเหี้ยมนี้ว่า

“ทำไมพ่อต้องทำแบบนี้ด้วย พ่อเป็นอะไรไป หนูอยากรู้”

“คุณจะถามเขาเพื่ออะไร” นักข่าวถาม 

“เพราะฉันรักผู้ชายคนนี้มากๆ ผู้ชายคนที่เสิร์ชกูเกิ้ลดู ก็จะรู้ว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่อง เป็นจอมข่มขืน

และผู้ชายคนนี้แหละ คือพ่อของฉัน”

ข้อมูลอ้างอิง

           1. https://www.kfvs12.com/2019/02/05/my-father-was-serial-killer-robert-brashers-daughter-speaks-out/

           2. https://www.kfvs12.com/2018/10/05/heartland-solved-serial-killer-identified/

          3. https://greenvillejournal.com/news/greenville-police-murderer-in-28-year-old-cold-case-identified/

          4. https://archive.ph/2LQA3

          5. https://abcnews.go.com/US/genetic-genealogy-police-work-credited-solving-1998-murders/story?id=58312506

           6. https://www.oxygen.com/crime-time/murder-suspects-robert-brashers-body-exhumed-solve-two-1990s-cold-cases

Fact Box

  • ในปี 2018 ตำรวจตั้งโต๊ะแถลงข่าว เผยความจริงสุดสยองว่า โรเบิร์ต ยูจีน แบรชเชอร์ ชายที่เสียชีวิตไปแล้วกว่า 19 ปี คือฆาตกรต่อเนื่อง เหตุการณ์นี้สร้างความตื่นตะลึงให้กับลูกสาวของเขาอย่างมาก
  • โรเบิร์ตก่อเหตุฆ่าข่มขืน ฆ่าหญิงสาว ขั้นต่ำ 3 รายด้วยกัน แม้เจ้าหน้าที่จะพบดีเอ็นเอในจุดเกิดเหตุ แต่ก็ไม่อาจสาวไปยังเขาได้ จนกระทั่งเขาจากโลกนี้ไป ขณะโดนตำรวจเข้าจับกุม ฐานลักป้ายทะเบียนรถ โดยเอาปืนลั่นไกตัวเองดับ
  • อย่างไรก็ดีความตายไม่อาจซ่อนความลับได้หมด เมื่อเทคโนโลยีการสร้างผังตระกูลดีเอ็นเอ ก้าวหน้าขึ้น ตำรวจจึงไขคดีเชื่อมร้อยทุกอย่างได้ และแถลงข่าว ให้ครอบครัวเหยื่อยุติฝันร้ายลงเสียที
  • อย่างไรก็ดี ฝันร้ายกลับไปจุดขึ้น ที่ลูกสาวของโรเบิร์ต ซึ่งถึงกับน้ำตาไหลพราก แทบไม่น่าเชื่อว่า ผู้ชายที่ตัวเองเคยรัก จะกลายเป็นนักฆ่าสุดโหด และทำให้เธอกลายเป็นลูกสาวของฆาตกรต่อเนื่องไปด้วย
Tags: , ,