วันนี้ (7 กพ.) เวลา 10.00 น.ที่หน้าประตู 6 ทำเนียบรัฐบาล เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ และศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล ได้เปิดขายหน้ากากอนามัย เจลล้างมือและแอลกอฮอล์ โดยเจ้าหน้าที่ได้ให้ผู้ที่มาซื้อรับบัตรคิวก่อนจะซื้อสินค้า โดยจำหน่ายหน้ากากในราคาแพ็คละ 25 บาท (10 ชิ้น) กำหนดให้คนละ 1 แพ็ค เจลล้างมือขนาด 400 กรัม ขวดละ 65 บาท กำหนดให้คนละ  1 ขวดต่อ 1 คน เจลล้างมือขนาด 50 กรัม ขวดละ 24 บาท กำหนดให้คนละไม่เกิน 2 ขวด และแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซนต์ ขนาด 60 มิลลิลิตร ขวดละ 14 บาท กำหนดให้ 2 ขวดต่อ 1 คน

ทั้งนี้หน้ากากอนามัยที่เตรียมมาทั้งสองจุดราวสามหมื่นชิ้นหมดลงในเวลาครึ่งชั่วโมง แต่จะมีการจัดจำหน่ายต่ออีกทั้งสองจุดนี้เป็นเวลา 15 วัน เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

โดยก่อนหน้านี้เพิ่งจะมีการประกาศให้ หน้ากากอนามัย ใยสังเคราะห์ Polypropylene (Spunbond) เพื่อใช้ในการผลิตหน้ากากอนามัย ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ
 และเศษกระดาษ และกระดาษท่ีนำกลับมาใช้ได้อีก เป็นสินค้าควบคุม 1 ปี เพื่อให้คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มีอำนาจในการจัดการเรื่องต่างๆ เช่น การกำหนดราคาขั้นต่ำ การห้ามนำเข้า การกักตุนสินค้า หรือวิธีการขาย ฯลฯ โดยไม่ต้องรอมติครม. เนื่องจาก เริ่มมีการกักตุนและขึ้นราคา การประกาศให้เป็นสินค้าควบคุมในระยะเวลา 1 ปี จึงเป็นมาตรการในการเข้ามาควบคุมราคาและการจัดจำหน่ายสินค้าของทางการ เพื่อไม่ให้เกิดการกักตุนสินค้าและขึ้นราคาสินค้าในยามที่เกิดวิกฤติเช่นนี้

และก่อนหน้าที่จะมีการขายหน้ากากอนามัย เจลล้างมือและแอลกอฮอล์ ในครั้งนี้ กรุงเทพมหานคร ได้มีการแจกหน้ากากอนามัยให้กับประชาชน รวมถึงนักท่องเที่ยว บริเวณสถานีรถไฟฟ้า และตลาดนัดจตุจักร หรือจะไปขอรับที่ศูนย์บริการสาธารณสุขของกทม.ทั้ง 68 ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์จนถึงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ และรัฐบาลเองโดยกระทรวงกลาโหม มอบหมายให้กรมแพทย์ทหารบก โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก จัดกำลังพลออกแจกจ่ายหน้ากากอนามัย เริ่มต้นในพื้นที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. 63 – วันที่ 8 ก.พ. 63 กระจายไป 18 จุด จุดละ 2,500 ชิ้น รวม 45,000 ชิ้น

นอกจากนี้ก็มีการประกาศว่า กระทรวงพาณิชย์จะเปิดจำหน่ายหน้ากากอนามัยราคาชิ้นละ 2-5 บาท จำนวน 2 ล้านชิ้น จำกัดคนละ 10 ชิ้นเท่านั้น ต้งแต่วันที่ 8 ก.พ. 2563 บริเวณลานเอนกประสงค์ ชั้น 3 กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป และจะกระจายไปทุกอำเภอทั่วประเทศ ผ่านร้านธงฟ้าลดค่าครองชีพ ในขณะที่ องค์การเภสัชฯ ก็เพิ่งจะมีการจำหน่ายหน้ากากอนามัยในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยขายให้คนละแพ็ก หนึ่งแพ็กมี 10 ชิ้น ในราคาเพียงแพ็กละ 10 บาท หรือตกชิ้นละ 1 บาท

แต่หลังจากที่รัฐบาลมีการประกาศและเปิดจำหน่ายหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ ที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลโดยเริ่มต้นเมื่อเช้านี้ ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่านโยบายในเรื่องนี้ควรจะเป็นเช่นไร แจกฟรีหรือขาย เพราะก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลเองก็มีการแจกหน้ากาอนามัยฟรี ควรจะเป็นการแจกฟรีมากกว่านำมาขายหรือไม่ ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีคนตั้งข้อสังเกตถึงราคาหน้ากากอนามัยที่รัฐบาลนำมาขายว่าแพงเกินไปหรือไม่ โดยเฉพาะผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ‘ถือแถน ประสบโชค’ ที่นำประกาศของโรงพยาบาลภูมิพล ในวันที่ 29 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา ในการจัดซื้อหน้ากาอนามัยจำนวน 18,000 กล่อง บรรจุกล่องละ 50 ชิ้น ราคารวม 499,860 บาท คิดเป็นราคาต่อกล่อง กล่องละ 27.77 บาท หนึ่งกล่องมีจำนวน 50 ชิ้น คิดเป็นราคาชิ้นละ 55 สตางค์ เท่านั้นเอง ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับราคาที่รัฐบาลนำออกมาขาย ซึ่งตกราคาชิ้นละ 2.50 บาท จะเห็นว่าราคาหน้ากากอนามัยที่รัฐบาลนำออกมาขายนั้นแพงเกินไป ซึ่งที่จริงแล้วในยามวิกฤติเช่นนี้ นอกจากรัฐบาลจะต้องควบคุมราคาแล้ว เรื่องหน้ากาอนามัยควรจะเป็นนโยบายแจกฟรีแก่ประชาชนเสียมากกว่าจะนำมาขาย

อ้างอิง

https://www.thairath.co.th/news/politic/1765355

https://news.thaipbs.or.th/content/288709

ภาพ : ฐิตินันท์ เสมพิพัฒน์

Tags: ,