ก้าวเข้าสู่เดือนมีนาคมอย่างเป็นทางการเสียที เดือนนี้นอกจากจะเป็นเดือนที่อากาศเริ่มร้อน ฤดูเปลี่ยนผ่าน ยังมีความสำคัญอีกอย่างคือ เป็นเดือนแห่งประวัติศาสตร์สตรี (Women’s History Month) อีกด้วย

เป็นที่รู้กันว่า กว่าผู้หญิงจะมีสิทธิเสรีภาพเหมือนทุกวันนี้ ต้องผ่านการต่อสู้เรียกร้องอย่างหนัก ขณะที่หน้าประวัติศาสตร์ก็มักมีแต่ชื่อผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ เพราะผู้หญิงสมัยก่อนไม่มีโอกาสพิสูจน์ตัวเอง ทั้งไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่ได้เลือกตั้ง หรือไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงาน

ภายใต้กรอบสังคมทั้งหมด ผู้หญิงหลายคนยังคงอดทนฝ่าฟันจนสามารถฝากผลงานสำคัญไว้กับโลกได้ นักวิทยาศาสตร์ มารี คูรี (Marie Curie) และศิลปิน ฟรีดา คาห์โล (Frida Kahlo) เป็นตัวอย่างที่น่าจะคุ้นเคยกันดี อย่างไรก็ตามผู้หญิงเก่งไม่ได้มีแค่ 2 คน

เนื่องในเดือนแห่งประวัติศาสตร์สตรี คอลัมน์ Gender วันนี้อยากชวนทุกคนมารู้จักกับอีก 5 สตรีผู้เปลี่ยนโลก แต่กลับถูกโลกหลงลืมอย่างน่าเสียดาย

เฮดี ลามาร์ (ที่มา: Everett Collection)

1. เฮดี ลามาร์ มารดาแห่ง Wi-Fi

เฮดี ลามาร์ (Hedy Lamarr) เป็นนักแสดงฮอลลีวูดยุค 40s เจ้าของฉายา ‘หญิงสาวที่สวยที่สุดในวงการภาพยนตร์’ ผู้อ่านหลายคนอาจกำลังสงสัยว่า ทำไมเธอขึ้นมาคนแรกในบทความนี้ทั้งที่ก็โด่งดังใช่ย่อย แต่นอกจากความสวยแล้ว คนส่วนมากไม่ค่อยรู้ว่า เธอมีดีด้านอื่นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่ว่า เธอเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีสื่อสารสมัยใหม่

ลามาร์หลงใหลในการประดิษฐ์มาตลอด เธอมีโต๊ะสำหรับงานประดิษฐ์โดยเฉพาะอยู่ในบ้าน แต่จุดเปลี่ยนมาถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนที่เธอคบกับนักแต่งเพลง จอร์จ แอนทีล (George Antheil) ทั้งคู่อยากช่วยชาติจึงพยายามคิดหนทางที่จะนำตอร์ปิโดไปถึงเป้าหมายได้โดยไม่ถูกคลื่นวิทยุของศัตรูสกัดกั้น เกิดเป็นไอเดีย Frequency Hopping หรือการกระโดดไปมาระหว่างหลายความถี่

ลามาร์และแอนทีลยื่นจดสิทธิบัตรไอเดียนี้ในปี 1942 และถึงแม้ไม่ได้ถูกนำไปใช้จริงในสงคราม แต่ก็กลายมาเป็นรากฐานของเทคโนโลยี GPS, บลูทูธ, และ Wi-Fi ในปัจจุบัน

2. แอนน์ โลว์ ดีไซเนอร์ผิวดำชื่อดังคนแรก 

หากฝรั่งเศสมี โกโก ชาแนล (Coco Chanel) เป็นดีไซเนอร์หญิงท่ามกลางผู้ชาย อเมริกาก็มี แอนน์ โลว์ (Ann Lowe) เพียงแต่ชื่อของเธออาจไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างนัก เพราะเธอเป็นหญิงชาวแอฟริกัน-อเมริกัน ในยุคที่อเมริกายังแบ่งแยกสีผิว แต่แท้จริงโลว์อยู่เบื้องหลังผลงานโอตกูตูร์ (Haute Couture) ในตำนานหลายชิ้น รวมถึงชุดแต่งงานของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง แจ็กเกอลีน เคนเนดี (Jacqueline Kennedy) ด้วย

โลว์เข้าเรียนโรงเรียนแฟชั่นในปี 1917 ถึงแม้จะโดนจับแยกห้องเรียนกับคนผิวขาว แต่ทักษะที่โดดเด่นทำให้เรียนจบไวกว่ากำหนด จากนั้นเธอย้ายมานิวยอร์กถาวรในปี 1928 เพื่อหาโอกาสให้ตัวเอง โดยเริ่มจากทำงานกับแฟชั่นเฮาส์อื่นๆ

เหล่าผู้ลากมากดีในนิวยอร์กรู้กันว่า โลว์เป็นคนเก่ง และต่างแวะเวียนมาใช้บริการ แต่เธอก็ไม่เคยได้รับเครดิตชัดๆ สักที จึงถูกเรียกว่าเป็น ‘ความลับของสังคม’ แม้กระทั่งผลงานชุดแต่งงานของเคนเนดีซึ่งเป็นที่เลื่องลือ สมัยนั้นหนังสือพิมพ์ถ่ายไปลงทุกสำนัก ก็ยังไม่มีการเอ่ยชื่อเธอว่าเป็นคนออกแบบ 

ปัจจุบันโลว์ได้รับการยอมรับแล้วว่า เป็นดีไซเนอร์แอฟริกัน-อเมริกันที่มีชื่อเสียงคนแรก แต่ก็ยังไม่เป็นที่รู้จักมากเท่าดีไซเนอร์ผิวขาวอยู่ดี 

โจเซฟีน คอเครน (ที่มา: USPTO)

3. โจเซฟีน คอเครน ผู้คิดค้นเครื่องล้างจาน

เมื่อพูดถึง โจเซฟีน คอเครน (Josephine Cochrane) ต้องบอกก่อนว่า เธอไม่ได้เริ่มจากความลำบากเหมือนแอนน์ โลว์ เรียกได้ว่ามีอันจะกินเลยดีกว่า คอเครนมีคนใช้คอยทำงานบ้านให้ แต่ปัญหาคือคนใช้มักทำจานพอร์ซเลนราคาแพงของเธอบิ่น เธอจึงต้องล้างจานเอง ซึ่งสำหรับเธอแล้วเป็นภาระที่น่ารำคาญ ทำให้ปิ๊งไอเดียว่าน่าจะผลิตเครื่องล้างจานมาช่วยแก้ปัญหา

เธอเริ่มลุยคิดดีไซน์อย่างจริงจัง แต่ทำไปได้ไม่นานสามีก็เสียชีวิตเสียก่อน พร้อมกับทิ้งหนี้เอาไว้ให้ คอเครนจึงยิ่งมีแรงฮึดว่า ต้องออกแบบเครื่องล้างจานที่ประสบความสำเร็จให้ได้ อันที่จริงระหว่างนี้มีคนอื่นเคยยื่นจดสิทธิบัตรเครื่องล้างจานมาบ้างแล้ว แต่ไม่มีเครื่องไหนตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้จริงเลย

ในที่สุดปี 1886 คอเครนก็ยื่นจดสิทธิบัตร ‘เครื่องล้างจานคอเครน’ พร้อมกับตั้งบริษัทของตัวเอง ต่อมาในปี 1893 เครื่องล้างจานของคอเครนได้รับรางวัลจาก Chicago World’s Fair และปัจจุบันก็กลายมาเป็นสิ่งจำเป็นในครัวเรือนอเมริกันไปแล้ว

คาเรสส์ ครอสบี (ที่มา: TopFoto)

สิทธิบัตรบราของครอสบี (ที่มา: USPTO)

4. คาเรสส์ ครอสบี ผู้คิดค้นบราและสนับสนุนวรรณกรรม

ใครชอบเสพสื่อย้อนยุค น่าจะเคยรู้สึกเหมือนกันหมดว่า ผู้หญิงสมัยก่อนใส่คอร์เซตแล้วดูอึดอัดเหลือเกิน เพราะเป็นเสื้อในที่รัดทั้งด้านหน้าด้านหลัง โครงแน่น หายใจก็ลำบาก แต่น้อยคนนักจะรู้ว่า วีรสตรีที่เข้ามาเปลี่ยนวัฒนธรรมเสื้อในนี้ไปตลอดกาลชื่อ คาเรสส์ ครอสบี (Caresse Crosby) 

ในวัยเพียง 21 ปี หลังจากออกงานสังคมมาหลายงานแล้วต้องทนใส่คอร์เซตตลอด ครอสบีก็เหลืออด เธอบอกแม่บ้านให้หยิบผ้าเช็ดหน้ามาให้เธอ 2 ผืน พร้อมกับริบบินสีชมพู แล้วจัดการเย็บ Backless Brassiere หรือบราแบบมีสายผูกด้านหลังตามที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน

1 ปีหลังจากนั้น ครอสบียื่นจดสิทธิบัตรบราและเปิดร้านขาย แต่น่าเสียดายที่ทำได้ไม่นานเธอก็เบื่อ จึงขายลิขสิทธิ์ให้ Warner Brothers Corset Company ในราคา 1,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ ลือกันว่า Warner Brothers ทำกำไรจากบราของครอสบีได้ถึง 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว

นอกจากการคิดค้นบราแล้ว ครอสบียังมีคุณูปการในวงการวรรณกรรม เธอและสามีเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ Black Sun Press ตีพิมพ์ผลงานยุคแรกๆ ของนักเขียนโมเดิร์นนิสต์ (Modernist) ชื่อดังหลายคน เช่น เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ (Ernest Hemingway), เจมส์ จอยซ์ (James Joyce) และดี. เอช. ลอว์เรนซ์ (D.H. Lawrence)

ซิสเตอร์โรเซตตา ธาร์ป (ที่มา: Getty Images)

5. ซิสเตอร์โรเซตตา ธาร์ป แม่ทูนหัวแห่งร็อกแอนด์โรล

เมื่อพูดถึงผู้มีอิทธิพลในดนตรีแนวร็อกแอนด์โรล หลายคนน่าจะนึกถึง เอลวิส เพรสลีย์ (Elvis Presley) เป็นชื่อแรก แต่ยังมีอีกคนหนึ่งที่มาก่อนเพรสลีย์ และเป็นแรงบันดาลใจให้เขาด้วย นั่นคือ ซิสเตอร์โรเซตตา ธาร์ป (Sister Rosetta Tharpe)

ธาร์ปเติบโตมากับแม่ที่พาเธอเข้าโบสถ์ร้องเพลงเป็นประจำ และเริ่มจับกีตาร์ตั้งแต่อายุ 4 ปี เมื่อโตขึ้นเธอก็เริ่มค้นหาแนวเพลงของตัวเอง โดยการผสมผสานดนตรีแนวกอสเปล (Gospel) เข้ากับบลูส์ (Blues) เธอออกซิงเกิลแรกตอนอายุเพียง 23 ปี และนับเป็นนักร้องกอสเปลคนแรกๆ ที่ประสบความสำเร็จด้านยอดขายจนได้ทัวร์คอนเสิร์ต หนึ่งในซิงเกิลที่ดังที่สุดของธาร์ปคือ Strange Things Happening Every Day (1944) ซึ่งถูกเรียกว่าเป็นหนึ่งในเพลงร็อกแอนด์โรลที่ปล่อยขายเพลงแรกๆ

ดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์ของธาร์ปกลายมาเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้กับศิลปินร็อกแอนด์โรลยุคต่อๆ มา ทั้ง เพรสลีย์, ชัค เบอร์รี (Chuck Berry), บ็อบ ดีแลน (Bob Dylan) และคนอื่นๆ อีกมากมาย แต่ชื่อของเธอกลับไม่เป็นที่รู้จักเท่าพวกเขาเหล่านี้เลย

โดยสรุปแล้วโลกเรายังมีผู้หญิงอีกมากที่เคยทำ กำลังทำ และจะทำเรื่องยิ่งใหญ่ แต่ด้วยเพดานทางสังคม พวกเธอจึงมักจะไม่ได้รับเครดิตเท่าที่ควร (อ่านเพิ่มเติมได้ในบทความ Matilda Effect)

เนื่องในเดือนแห่งประวัติศาสตร์สตรี The Momentum ขอใช้โอกาสนี้ย้ำเตือนให้ทุกคนมองข้ามอคติในใจ และยอมรับความสามารถของคนเก่ง ไม่ว่าจะเป็นเพศอะไรก็ตาม

อ้างอิง

https://www.womenshistory.org/education-resources/biographies/hedy-lamarr 

https://www.history.com/news/hedy-lamarr-inventor-frequency-hopping-wifi 

https://www.metmuseum.org/essays/ann-lowe 

https://lemelson.mit.edu/resources/josephine-cochrane 

https://www.telegraph.co.uk/culture/5549090/The-Crosbys-literatures-most-scandalous-couple.html 

https://www.npr.org/2017/08/24/544226085/forebears-sister-rosetta-tharpe-the-godmother-of-rock-n-roll 

https://www.vulture.com/2022/06/sister-rosetta-tharpe-rock-legacy.html 

Tags: , ,