“เลขมงคลน้องเท่าไรดี แต่คิดว่ายาว”

“อยากนั่งให้”

“ผอม สูง แบบนี้คิดว่าไซซ์เท่าไร”

ฯลฯ 

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของข้อความที่มีความหมายสองแง่สองง่าม ซึ่งถูกใช้เป็นแคปชันประกอบรูปภาพบุคคลที่โพสต์อยู่ภายในกลุ่ม Facebook ที่มีจำนวนสมาชิกกว่า 4.2 หมื่นคน โดยเนื้อหาส่วนหนึ่งเป็นเรื่องทางเพศ ตั้งแต่การ ‘ตั้งคำถาม’ เพื่อขอคำตอบจากสมาชิกกลุ่มเกี่ยวกับลักษณะทางกายภาพของบุคคลในภาพอย่างอวัยวะเพศ ไปจนถึงการแสดงความต้องการของตัวเองว่า อยากจะมีเพศสัมพันธ์อย่างชัดเจน 

รูปภาพที่สมาชิกในกลุ่มเลือกใช้ในการเปิดบทสนทนาทางเพศมีหลากหลาย บ้างเป็นรูปภาพที่มองเห็นสรีระของบุคคลในภาพชัดเจน หรืออาจจะเป็นภาพที่เจ้าของภาพอยู่ในอิริยาบถทั่วไป เช่น เต้น กินข้าว เดิน วิ่ง นอน ฯลฯ ซึ่งหลายภาพไม่ได้มีลักษณะที่โป๊เปลือยแต่อย่างใด สิ่งเหล่านี้ชี้ให้เห็นได้ว่า ทุกคนสามารถกลายเป็นประเด็นในการพูดคุยเรื่องเพศในกลุ่ม Facebook ได้ ซึ่งหลายภาพไม่ได้ผ่านการยินยอม เนื่องจากบางภาพเป็นการบันทึกภาพหน้าจอจากบัญชีโซเชียลฯ ไปจนถึงในสื่อที่เจ้าของภาพปรากฏตัวอยู่ในนั้น 

อาจจะด้วยท่าทีและการตอบสนองภายในกลุ่มที่ไปในทางเดียวกัน หลายคนอาจไม่ตระหนักว่า สิ่งเหล่านี้คือการคุกคามทางเพศ 

ข้อมูลจากมูลนิธิรักษ์ไทย (Raks Thai Foundation) ชี้ว่า การขโมยรูปภาพไปลงในกลุ่มโซเชียลฯ และให้แคปชันที่ส่อไปในเรื่องเพศนั้น นับเป็นรูปแบบหนึ่งของการล่วงละเมิดทางเพศทางออนไลน์ (Online Sexual Harrasment) รูปแบบดังกล่าวยังรวมไปถึงการคอมเมนต์หื่น การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคนอื่นในแนวลามก ตลอดจนการใส่ข้อความที่เป็น ‘มุก’ แต่ส่อการคุกคามทางเพศ 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าความเคลื่อนไหวภายในกลุ่ม Facebook นั้นส่อว่าเป็นอาชญากรรมทางเพศรูปแบบหนึ่ง แต่สมาชิกในกลุ่มที่มีอยู่ 4.2 หมื่นคนมักแสดงความคิดเห็น ‘สนับสนุน’ การโพสต์ภาพพร้อมข้อความคุกคามทางเพศ และหลายคนก็ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการคุกคามทางเพศ

ยกตัวอย่างกรณีที่ผู้โพสต์รูปภาพพร้อมแคปชันตั้งคำถามว่า บุคคลในภาพมีขนาดอวัยวะเพศเท่าไร สมาชิกในกลุ่มก็มักจะเข้ามากดไลก์พร้อมทั้งแสดงความคิดเห็น บางส่วนแสดงออกโดยใช้คำทางอ้อมว่า อยากมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลในรูปภาพ เช่น อยากนั่งให้ กลืน หรืออยากอม 

สิ่งที่น่ากังวลคือ การ ‘ชี้เป้า’ ของบุคคลในภาพ จากการสำรวจภายในกลุ่ม Facebook พบว่า บ่อยครั้งที่มีโพสต์ลักษณะดังกล่าวเคลื่อนไหวอยู่ภายในกลุ่ม มักจะตามมาด้วยความพยายามในการตามหาบุคคลที่อยู่ในรูปภาพ โดยเฉพาะบัญชีโซเชียลฯ ที่เป็นทางการหรือที่เหยื่อใช้ในชีวิตประจำวัน ด้วยการ ‘ขอวาร์ป’ ที่อาจส่งผลให้เกิดการติดตามไปยังพื้นที่ส่วนตัวที่สร้างความรู้สึกอึดอัด และรู้สึกไม่ปลอดภัยได้ 

เหล่านี้ยังไม่รวมกรณีรูปภาพโป๊เปลือย ที่สมาชิกในกลุ่มมีท่าทีที่จะส่งต่อคลิปหรือภาพโป๊เพิ่มเติมให้กับสมาชิกคนอื่นๆ ด้วยการให้สมาชิกส่งข้อความเพื่อขอรับการเข้าถึงแบบส่วนตัวผ่านแอปพลิเคชัน Messenger ซึ่งส่งผลให้การครอบครองขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ 

ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่เป็นข้อเท็จจริงคือ กลุ่มดังกล่าวเกิดการคุกคามทางเพศมานาน และมีลักษณะเป็นการกระทำซ้ำ ที่ท่าทีของสมาชิกภายในกลุ่มไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งยอดการกดไลก์และการแสดงความเห็นจำนวนมากอาจเป็นแรงจูงใจให้ผู้ก่อเหตุซ้ำ รวมไปถึงกระตุ้นให้สมาชิกรายอื่นๆ ในกลุ่มที่พบเห็นเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ และอาจเป็นการผลิตซ้ำความรุนแรงทางเพศมากขึ้น

ที่สำคัญคือ การล่วงละเมิดทางเพศที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดบนโลกจริงด้วย บทความ คิดก่อนโพสต์! สิ่งนั้นอาจเป็น ‘การคุกคามทางเพศออนไลน์’ โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รณภูมิ สามัคคีคารมย์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการและสื่อสารองค์กร คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า มีงานวิจัยจำนวนมากที่พบว่า การคุกคามทางเพศออนไลน์กับการคุกคามทางเพศในโลกจริงมีจุดที่จะเชื่อมกัน ยกตัวอย่าง การคุกคามทางเพศที่เกิดขึ้นในพื้นที่จริง เช่น ในห้อง บนเตียง หรือตามสถานที่ต่างๆ อาจถูกนำไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ กลับกันบางกรณีเกิดขึ้นในโลกออนไลน์ตามมาด้วยการเกิดการล่วงละเมิดทางเพศในโลกความเป็นจริง 

ในแง่ของการเอาผิดผู้ก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศทางออนไลน์ ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายที่รับรองเอาไว้อย่างชัดเจน เนื่องจากเป็นปัญหาเกี่ยวกับด้านจิตใจหรือความรู้สึก ปัจจุบันมีเพียงกฎหมายพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 ข้อ (4) ว่าด้วยการนำข้อมูลที่มีลักษณะลามกเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ การกระทำดังกล่าวถือว่ามีความผิด และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรคสอง ที่กล่าวถึงเรื่องเจตนาว่า ผู้กระทำความผิดรู้อยู่แล้วว่า การกระทำของตน (โพสต์ข้อความในเชิงลามก) จะส่งผลอะไรต่อผู้ถูกกระทำนั้นบ้าง กับมาตรา 397 ที่กล่าวว่า บุคคลใดที่กระทำการรังแกหรือข่มเหงผู้อื่นจนได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ อาจต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อีกหนึ่งอุปสรรคในการเอาผิดคือ คือฟังก์ชันของแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะ Facebook ซึ่งอนุญาตให้ผู้ที่ต้องการโพสต์สื่อต่างๆ ลงในกลุ่มสามารถปกปิดตัวตนได้ ซึ่งอาจทำให้การคุกคามทางเพศสามารถกระทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เนื่องจากผู้กระทำรู้สึก ‘ปลอดภัย’ จากการถูกติดตามตัวและการเอาผิด 

อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา ในการประชุมวุฒิสภาได้มีการหยิบยกร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … (ความผิดเกี่ยวกับเพศฐานกระทำชำเราและความผิดฐานคุกคามทางเพศ) มาอภิปราย โดยมีสาระสำคัญคือการให้ความหมายของการคุกคามทางเพศมีความครอบคลุมมากขึ้น ในที่นี้ยังรวมไปถึงการสื่อสารทางออนไลน์ที่มีลักษณะทางเพศ และก่อให้เกิดความอับอาย ความหวาดกลัว และความไม่ปลอดภัย รวมไปถึงการติดตามรังควานอย่าง Stalking เข้าไปในกฎหมาย ซึ่งได้รับความเห็นชอบด้วยเสียงข้างมาก เพื่อพิจารณาต่อในชั้นกรรมาธิการต่อไป

พฤติกรรมแสนจะคุกคามทางเพศในกลุ่ม Facebook ที่ได้รับการเปิดเผยเป็นเพียง ‘ยอดภูเขาน้ำแข็ง’ เท่านั้น ยังมีอีกหลายกลุ่มที่มีพฤติกรรมแบบเดียวกันแต่ยังไม่ถูกเปิดเผย ซึ่งไม่ใช่เฉพาะ Facebook เท่านั้น แต่แพลตฟอร์มอื่นๆ ยังมีอีกมากที่การล่วงละเมิดทางเพศยังคงเคลื่อนไหวอยู่

และหากไม่มีการจัดการอย่างจริงจังให้หมดไป ไม่เพียงแต่พื้นที่ปลอดภัยทางเพศบนโซเชียลฯ ที่เราจะถามหามันได้ยากขึ้น แต่ความปลอดภัยจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศบนโลกภายนอกก็จะน้อยลงเรื่อยๆ เช่นกัน 

อ้างอิง 

https://justicechannel.org/read/cyber-sexual-harassment 

https://www.raksthai.org/campaign-content.php?sort=&id=12 

https://tu.ac.th/thammasat-010764-fph-online-sexual-harassment 

https://www.senate.go.th/view/1/InfographicD/%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%9F%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%9F%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%8E%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2/18104/TH-TH

Tags: , , ,