กลายเป็นข่าวใหญ่ในวงการบันเทิงฝั่งตะวันตก เมื่อ ฮัลลี เบลีย์ (Halle Bailey) นักร้อง-นักแสดงสาวผู้โด่งดังจากดูโอ้ Chloe x Halle และบทบาทนางเอกเรื่อง The Little Mermaid ออกมาเผยว่า สตรีมเมอร์-แรปเปอร์ DDG ผู้เป็นแฟนเก่าของเธอ ทำร้ายเธอทั้งทางร่างกายและวาจา ล่าสุดศาลออกคำสั่งชั่วคราวห้าม DDG เข้าใกล้เบลีย์กับลูกชายแล้ว 

เบลีย์และ DDG เริ่มคบหากันปี 2022 มีลูกชายชื่อ ฮาโล (Halo) ด้วยกันปี 2023 ก่อนจะเลิกรากันไปในปี 2024 เบื้องต้นทั้งคู่แจ้งว่า ความสัมพันธ์จบลงด้วยดี

อย่างไรก็ตามระยะหลังๆ DDG เริ่มไลฟ์บ่นบนอินเทอร์เน็ตว่า เบลีย์ไม่ยอมให้เขาเจอลูก จนเบลีย์โดนโจมตีอย่างหนัก ถึงกับมีแฮชแท็ก #FreeHalo เรียกร้องให้เบลีย์ปล่อยฮาโลเป็นอิสระ

กลยุทธ์ยืมมือแฟนคลับเพื่อกดดันเบลีย์นั้น DDG ไม่ได้เพิ่งทำเป็นครั้งแรก ย้อนกลับไปปี 2023 เขาเคยปล่อยเพลงชื่อ Famous ซึ่งมีเนื้อเพลงเชิงหึงหวงเบลีย์กับ โจนาห์ ฮาวเออร์-คิง (Jonah Hauer-King) พระเอกเรื่อง The Little Mermaid ทำให้คนบางกลุ่มหันไปโจมตีเบลีย์เช่นกัน

“พฤติกรรมแบบนี้คือเขาไม่ได้นึกถึงลูกเป็นหลักเลย” เบลีย์กล่าวในคำร้องที่ยื่นต่อศาล “แฟนๆ ของเขาก็มาข่มขู่ฉัน ฉันรู้สึกกลัวว่าชีวิตของตัวเองและฮาโลจะไม่ปลอดภัย”

อ้างอิงจากคำร้องของเบลีย์ DDG ทำร้ายร่างกายเธอเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทั้งคู่เถียงกันเรื่องลูกโดยที่ต่างฝ่ายต่างเกิดอารมณ์ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง DDG ดึงผมเบลีย์และฟาดหน้าเธอลงไปกับพวงมาลัยของรถ ทำให้เบลีย์ได้แผลฟกช้ำหลายจุดและฟันแหว่ง ซึ่งเธอก็ได้ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานเพื่อยื่นต่อศาลด้วย

เบลีย์เล่าอีกว่า ในเดือนเดียวกันนั้น DDG แอบเข้าบ้านเธอตอนที่เธอไม่อยู่ เขาเข้าไปจนถึงห้องนอนและถ่ายรูปเตียงของเธอ พร้อมกับส่งข้อความมาว่า “ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเธอกำลังทำอะไร ฮ่าๆ” ราวกับตั้งใจจะกล่าวหาว่า เธอมีเซ็กซ์กับผู้ชายคนอื่น

คำร้องข้างต้นส่งผลให้ศาลออกคำสั่งชั่วคราว ห้าม DDG เข้าใกล้เบลีย์และลูกภายใน 100 หลา พูดอีกนัยหนึ่งคือ หลังจากพิจารณาหลักฐานจากทั้ง 2 ฝ่าย ศาลได้ตัดสินเบื้องต้นแล้วว่า ผู้ชายคนนี้อาจเป็นอันตรายต่อเบลีย์และลูก ถึงอย่างนั้นชาวเน็ตกลับยังเสียงแตก ในขณะที่หลายคนให้กำลังใจเบลีย์ หลายคนก็ตั้งแง่ว่าเธอโกหกแน่ๆ รวมถึงยืนกรานจะสนับสนุนผลงาน DDG ต่อไป

“พวกเราเห็น DDG มาตลอด 10 ปี เขาเป็นผู้ชายที่ทะนุถนอมแม่ น้องสาว และผู้หญิงทุกคนในชีวิตเขา ฉันไม่เชื่อคนที่มีแบ็กเป็น เจย์ ซี (Jay Z), บียอนเซ (Beyoncé), และดิสนีย์ (Disney) หรอก” แฟนคลับ DDG รายหนึ่งโพสต์บน X

ปัจจุบันโพสต์ดังกล่าวมียอดไลก์มากกว่า 4.4 หมื่นไลก์

เมื่อเห็นแรงสนับสนุนที่ล้นหลาม ประจักษ์เป็นตัวเลข ตัวผู้เขียนอดคิดไม่ได้เลยว่า ในการขึ้นศาลครั้งต่อๆ ไป ต่อให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไร DDG ก็คงยังมีฐานแฟนเหมือนเดิม มีที่ยืนในวงการสตรีมเมอร์และแรปเปอร์ไม่เปลี่ยนแปลง

กระแสสังคมลักษณะนี้ทำเอาผู้เขียนนึกถึงอีก 2 กรณีศึกษาในฮอลลีวูด นั่นคือ กรณีของศิลปิน R&B ชื่อดัง คริส บราวน์ (Chris Brown) และนักแสดงระดับตำนาน แบรด พิตต์ (Brad Pitt)

ในปี 2009 บราวน์ทำร้ายร่างกายรีแอนนา (Rihanna) แฟนสาวของเขา ณ ขณะนั้น จนเธอถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาล หลังจากขึ้นโรงขึ้นศาลเสร็จสิ้น เขาให้สัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่ทำผิดพลาดแบบเดิมอีก 

ทั้งนี้ทั้งนั้นตั้งแต่ปี 2009 จนถึงปัจจุบัน บราวน์ก็ยังข้องเกี่ยวกับคดีความรุนแรงอีกหลายครั้งทั้งเล็กและใหญ่ ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว เขาเพิ่งโดนตำรวจลอนดอนจับกุมข้อหาทำร้ายร่างกายในผับ

ในส่วนของพิตต์ เป็นที่รู้กันว่าเขาเพิ่งจะปิดฉากการฟ้องหย่ากับนักแสดงสาว แองเจลินา โจลี (Angelina Jolie) ไปเมื่อเดือนธันวาคม 2024 แต่เรื่องที่ไม่ค่อยมีคนรู้มากนักก็คือ สาเหตุการหย่าระหว่างทั้งคู่เริ่มต้นมาจากเหตุความรุนแรง โดยโจลีเล่าว่า พิตต์ทำร้ายร่างกายเธอและลูกบนเครื่องบิน

อ้างอิงจากปากคำของโจลี พิตต์บีบคอลูกคนหนึ่ง ตีลูกอีกคนที่หน้า เทเบียร์และไวน์แดงใส่โจลีและลูกๆ จับโจลีที่หัวแล้วเขย่าตัวเธอไปมา

ถึงแม้สุดท้ายพิตต์จะไม่ได้รับโทษใดๆ และไม่ได้ถูกตัดสินอย่างเป็นทางการว่าผิด แต่ ชิโลห์ (Shiloh) ลูกสาวของสองนักแสดง ยื่นเรื่องเปลี่ยนนามสกุลจาก ‘โจลี-พิตต์’ เป็น ‘โจลี’ ทันทีที่อายุครบ 18 ปี ซึ่งเป็นอายุที่สามารถเปลี่ยนชื่อสกุลเองได้ตามกฎหมาย โดยทนายของเด็กสาวกล่าวว่า การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจาก “เหตุการณ์ที่น่าปวดใจ”

ปัจจุบันบราวน์มียอดผู้ติดตามบน Instagram 144 ล้านคน และมียอดผู้ฟังรายเดือนบนแอปฯ ฟังเพลงอันดับหนึ่งอย่าง Spotify มากถึง 56.3 ล้านคน ส่วนพิตต์มีมูลค่าสุทธิ (Net Worth) มากกว่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และกำลังจะมีภาพยนตร์เรื่องใหม่ F1 The Movie ออกมาเร็วๆ นี้

ถึงแม้จะมีข่าวเรื่องความรุนแรงต่อผู้หญิง ชื่อเสียง เงินทอง และความสำเร็จของทั้ง 2 คนก็ไม่ได้เสื่อมคลายลงสักนิด ชวนให้ตั้งคำถามเกี่ยวกับปัญหาเชิงโครงสร้างของวงการบันเทิงโดยรวม ตลอดจนพฤติกรรมของผู้บริโภค

สรุปแล้วการทำร้ายร่างกายผู้หญิงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับฮอลลีวูดใช่ไหม

โปรดิวเซอร์ ออร์แกไนเซอร์ และผู้บริหารทั้งหลายยังคงว่าจ้างผู้ชายที่มีข่าวทำนองนี้ เพียงเพราะขายได้เท่านั้นหรือ

แล้ว ‘เรา’ ในฐานะผู้บริโภคล่ะ ทำอะไรได้บ้าง

หรือจะหน้ามืดตามัวฟังเพลงที่ชอบ ดูหนังที่อยากดูต่อไป ไม่จำเป็นต้องสนว่าคนเบื้องหลังผลงานเป็นใคร

เพราะความเจ็บปวดของผู้หญิง คงไม่ควรค่าแก่การใส่ใจมากพอ

อ้างอิง

https://www.latimes.com/entertainment-arts/story/2025-05-14/halle-bailey-ddg-temporary-restraining-order-son-halo 

https://www.usatoday.com/story/entertainment/celebrities/2025/05/13/halle-bailey-restraining-order-ddg/83612415007/ 

https://x.com/555ycb/status/1922451903352340576 

https://people.com/chris-brown-legal-issues-controversies-timeline-8778724 

https://www.reuters.com/world/singer-chris-brown-arrested-uk-over-alleged-2023-assault-2025-05-15/ 

https://www.nytimes.com/2022/10/04/movies/angelina-jolie-brad-pitt-lawsuit.html 

https://people.com/shiloh-jolie-decided-to-change-name-after-painful-events-8681187 

https://www.yahoo.com/entertainment/brad-pitts-net-worth-proves-201002034.html 

Tags: , , , , ,