หลังจบเกมฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศที่สนาม ลูซาอิล สเตเดียม เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา อาร์เจนตินา ก็เป็นฝ่ายสมหวังกับการคว้าดาวดวงที่ 3 มาประดับบนตราทีมชาติได้สำเร็จ หลังเอาชนะ ฝรั่งเศส ในการดวลเป้าไปได้
การคว้าแชมป์โลกของทัพฟ้าขาวครั้งนี้ สปอตไลต์ส่วนใหญ่จับไปที่ ลิโอเนล เมสซี่ ยอดแข้งแห่งยุค ที่ลบฝันร้ายจากปี 2014 และเป็นการปลดล็อกโทรฟีเพียงใบเดียวที่เจ้าตัวยังไม่เคยสัมผัสเป็นที่เรียบร้อย รวมถึง เอมิเลียโน มาร์ติเนซ ผู้รักษาประตูมาดกวน ที่เป็นฮีโร่ด้วยการช่วยทีมเก็บคลีนชีต 3 เกม และเซฟจุดโทษ 3 ครั้งในการดวลเป้าจาก 2 เกมที่ทีมต้องตัดสินด้วยการยิงลูกโทษ
แต่อีกหนึ่งคนสำคัญของทีมชาติอาร์เจนตินา คือดาวเตะวัย 21 ปี ที่ก้มหน้าก้มตาทำงานในแดนกลางอย่างมุ่งมั่น เพื่อให้รุ่นพี่ในทีมอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ และ อังเคล ดิ มาเรีย ได้สร้างสรรค์เกมรุกเต็มที่ จนคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของฟุตบอลโลกที่กาตาร์ครั้งนี้ และมีข่าวกับสโมสรดังทั่วยุโรป
ชื่อของเจ้าหนุ่มคนนั้น คือ เอ็นโซ เฟร์นานเดซ
แววดีตั้งแต่เด็ก
เอ็นโซ ก็เหมือนเด็กทั่วไปในแถบละตินอเมริกา ที่ครอบครัวไม่สุขสบายนัก และใช้เวลาอยู่กับการเล่นฟุตบอล โดยเขาเล่นกับอคาเดมีใน ซาน มาร์ติน หนึ่งในเมืองที่อยู่ในกรุงบูเอโนส ไอเรส เมืองหลวงของอาร์เจนตินา ซึ่งที่นั่น เขาฉายแววความฉลาดในการเล่นบอลตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 5 ขวบดี จนแมวมองของ ริเวอร์ เพลท สโมสรยักษ์ใหญ่ในแดนฟ้าขาวเห็นเข้า และดึงตัวมาอยู่กับทีมทันที
จนกระทั่งปี 2019 เอ็นโซ ในวัย 19 ปี ก็ถูกผลักดันขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่ของริเวอร์ เพลท ก่อนขึ้นมาเป็นตัวหลักให้สโมสรในปี 2021 และพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ในปีดังกล่าวด้วย
ผลงานของ เอ็นโซ ในลีกอาร์เจนตินา ทำให้เขามีข่าวกับทีมดังในอังกฤษอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ที่สุดแล้วเป็นทีมจอมปั้นอย่าง เบนฟิกา แห่งโปรตุเกส ที่จ่ายเงิน 12 ล้านยูโรโดยประมาณ พากองกลางดาวรุ่งมาเป็นสมาชิกของทีมได้
พรสวรรค์เตะตาทีมทั่วยุโรป
ทันทีที่ย้ายมาค้าแข้งในยุโรป เอ็นโซ ก็ฉายแววทันที และเพียงครึ่งปีแรกที่มาเล่นในแดนฝอยทอง เขาก็กลายเป็นตัวหลักของเบนฟิกา ด้วยผลงานการคุมแดนกลางที่โดดเด่น พร้อมทำ 3 ประตู 5 แอสซิสต์ จาก 24 เกมทุกรายการกับทาง ‘เหยี่ยวลิสบอน’ จนช่วยทีมรั้งจ่าฝูงลีกโปรตุเกสโดยที่ยังไม่แพ้ใคร (เล่นไปแล้ว 13 เกม) รวมถึงเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฐานะแชมป์กลุ่ม แม้จะมี ปารีส แซงต์-แชร์กแมง สโมสรดังจากฝรั่งเศสเป็นคู่แข่งในกลุ่มก็ตาม
และด้วยผลงานที่โดดเด่น ทำให้มิดฟิลด์วัย 21 ปี กลายเป็นหนึ่งใน 26 นักเตะที่ ลิโอเนล สกาโลนี กุนซือหนุ่มของทัพอัลบิเชเลสเต หนีบติดทีมไปล่าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ที่กาตาร์ด้วย และเป็นนักเตะที่อายุน้อยสุดอันดับ 2 ของทีมชุดนี้
แจ้งเกิดเต็มตัวในบอลโลก
ในตอนแรก เอ็นโซ ถูกมองเป็นเพียงตัวสำรองที่มาเก็บประสบการณ์ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ แต่จากผลงานที่ดีในฐานะตัวสำรองตลอด 2 เกมแรกในรอบแบ่งกลุ่ม โดยเฉพาะในเกมที่ชนะเม็กซิโก 2-0 ซึ่งเขายิงประตูที่ 2 ให้ทีม ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นตัวจริงตั้งแต่เกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ยาวไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ
มิดฟิลด์จากเบนฟิกา เป็น 1 ใน 3 ตัวหลักของแดนกลางทัพฟ้าขาวร่วมกับ โรดริโก เดอ ปอล และ อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ จนกลายเป็นกุญแจสำคัญให้ทีมมีแดนกลางที่แข็งแกร่ง และช่วยให้อาร์เจนตินาคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ได้อย่างยิ่งใหญ่ ซึ่ง whoscored เว็บไซต์สถิติฟุตบอลชื่อดัง ก็ให้คะแนนการเล่นของ เอ็นโซ ตลอดทัวร์นาเมนต์ไว้ถึง 7.06
ตลอดทัวร์นาเมนต์ ดาวเตะวัย 21 ปี มีสถิติผ่านบอลสำเร็จถึง 87.6 เปอร์เซ็นต์ และเข้าปะทะแย่งบอลสำเร็จมากที่สุดเป็นอันดับ 3 (22 ครั้ง) เป็นรองเพียง อัชราฟ ฮาคิมี (โมร็อกโก) และ มาเตโอ โควาซิช (โครเอเชีย)
ขณะที่เกมนัดชิงชนะเลิศกับฝรั่งเศส เอ็นโซ ก็เป็นนักเตะที่ได้สัมผัสบอลมากที่สุดในสนาม (118 ครั้ง) ผ่านบอลสำเร็จมากที่สุด (77 ครั้ง) รวมถึงเข้าปะทะแย่งบอลสำเร็จมากที่สุดอีกด้วย (10 ครั้ง) และฟอร์มอันโดดเด่นตลอดการแข่งขันที่กาตาร์ ทำให้กองกลางรายนี้ คว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์ไปครอง
มันสมองในแดนกลาง
เอ็นโซ เล่นตำแหน่งรับเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ หรือเป็นกองกลางที่ยืนหน้าแผงกองหลัง แต่มีจุดเด่นในเรื่องของการคุมจังหวะเกม การเชื่อมเกมจากหลังขึ้นหน้า การผ่านบอลที่แม่นยำทั้งสั้นและยาว รวมถึงการดักตัดบอลที่ยอดเยี่ยม ตามสไตล์การเล่นที่เรียกว่า Deep-lying playmaker รวมถึงมักไปอยู่ในจุดรับบอลที่ได้เปรียบเสมอ อีกทั้งเข้าแย่งบอลได้ดีทีเดียว
แต่นอกจากตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางแล้ว อดีตกองกลางริเวอร์ เพลท ยังสามารถขยับมาเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกเพื่อสร้างสรรค์เกมได้ด้วย จากจุดเด่นที่มีในเรื่องของการจ่ายบอลได้ทุกระยะ และด้วยสไตล์การเล่นของ เอ็นโซ ในตอนนี้ เขาจึงถูกเว็บไซต์สถิติฟุตบอลชื่อดังอย่าง Squawka เปรียบเทียบกับ โทนี่ โครส ยอดมิดฟิลด์เชิงสูงของเรอัล มาดริด ด้วย
จับตาสถานีต่อไป
ก่อนหน้านี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยมีข่าวกับ เอ็นโซ มาตั้งแต่สมัยที่นักเตะค้าแข้งกับ ริเวอร์ เพลท และตอนนี้ก็ยังเชื่อว่าพวกเขาให้ความสนใจในกองกลางดีกรีแชมป์โลกรายนี้อยู่
แต่ตอนนี้ ทัพปีศาจแดง น่าจะเจอคู่แข่งหลายทีมจากฟอร์มทั้งกับเบนฟิกา และกับทีมชาติอาร์เจนตินา โดยเขามีข่าวกับทั้ง ลิเวอร์พูล และสองสโมสรยักษ์ใหญ่ในสเปนอย่าง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลนา
อย่างไรก็ตาม ดีกรีของเบนฟิกา ขึ้นชื่อเรื่องความเคี่ยวในการขายนักเตะ และมีข่าวออกมาว่า ทีมดังแดนฝอยทองจะไม่ขายดาวเตะวัย 21 ปี ที่เพิ่งย้ายมาอยู่กับทีมในเดือนกรกฎาคมปีนี้ง่ายๆ เว้นแต่ว่าจะมีทีมยอมจ่ายค่าฉีกสัญญา 120 ล้านยูโรเท่านั้น เพราะ เอ็นโซ เอง มีสัญญาในถิ่นเอสตาดิโอ ดา ลุซ ถึงปี 2027 เลยทีเดียว
ท้ายที่สุดแล้ว สถานีต่อไปของ เอ็นโซ เฟร์นานเดซ จะเป็นที่ไหนนั้น คงต้องรอเวลาเป็นผู้ให้คำตอบเท่านั้น แต่เชื่อว่า ทีมที่ได้ตัวแข้งวัย 21 ปีไป จะกลายเป็นทีมที่มีแดนกลางที่แข็งแกร่งขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน
อ้างอิง
https://www.whoscored.com/Players/369430/Show/Enzo-Fern%C3%A1ndez
https://www.whoscored.com/Matches/1699239/Live/International-FIFA-World-Cup-2022-Argentina-France
https://www.transfermarkt.com/enzo-fernandez/profil/spieler/648195
https://twitter.com/squawka/status/1579849553120993281?lang=en
https://twitter.com/Squawka/status/1604842641081901056/photo/1
https://lifebogger.com/enzo-fernandez-childhood-biography-story-facts/
https://www.90min.com/posts/benfica-outline-conditions-enzo-fernandez-sale
Tags: Argentina, Enzo Fernandez, อาร์เจนตินา, Game On, Qatar, ฟุตบอลโลก 2022, WorldCup 2022