วันอังคารที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา ในการแข่งฟุตบอลกระชับมิตรที่สนามแฮมป์เดน พาร์ค (Hampden Park) ทีมชาติอังกฤษเอาชนะสก็อตแลนด์ได้ 3 ประตูต่อ 1 โดยอังกฤษได้ประตูจาก ฟิล โฟเดน (Phil Foden), จู๊ด เบลลิงแฮม (Jude Bellingham) และแฮร์รี เคน (Harry Kane) 

สกอร์ที่เกิดขึ้นก็ดูจะเป็นสกอร์ปกติที่เกิดขึ้นได้ในเกมการแข่งขัน ทั้งสามประตูที่อังกฤษยิงได้ และหนึ่งประตูที่เสียไป 

หากแต่หนึ่งประตูที่อังกฤษเสียไปนั้น ไม่ได้มาจากเกมรุกของสก็อตแลนด์ ทว่ามาจากความผิดพลาดของ แฮร์รี แมคไกวร์ (Harry Maguire) เซ็นเตอร์แบ็กของอังกฤษ ที่เพิ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมาได้เพียง 20 นาที และสกัดบอลพลาดจนเข้าประตูตัวเอง

การทำเข้าประตูตัวเองในการแข่งขันฟุตไม่ใช่เรื่องแปลก หากแต่เพราะชื่อของ ‘ผู้กระทำการ’ ดันเป็น ‘แฮร์รี แมคไกวร์’ 

มันจึงนำมาซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์ที่ ‘เกินเส้น’ อย่างที่แฟนบอลคุ้นเคย…

บุรุษผู้ถูก ‘มีม’ กลบ ‘ฝีเท้า’

แน่นอนว่าเมื่อจบเกม ความผิดพลาดของเขาถูกสื่อและชาวเน็ตหยิบยกขึ้นมาเป็นหัวข้อหลักในการพาดหัวหรือล้อเลียน สาเหตุเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แมคไกวร์สร้างความผิดพลาดง่ายๆ จนทำให้ทีมเสียประตู แต่นี่เป็นภาพที่แฟน ‘ปีศาจแดง’ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้นสังกัดของเขา ได้เห็นกันจนชินตา

ยังไม่นับเกมนัดก่อนหน้า ในวันเสาร์ 9 กันยายน ที่อังกฤษปะทะกับยูเครน ในการแข่งขันรอบคัดเลือกยูโร 2024 มีชาวเน็ตแคปภาพจังหวะป้องกันของแนวรับทีมชาติอังกฤษ ที่ปรากฏภาพแมคไกวร์ที่ไปประกบมาร์ค เกฮี (Mark Guehi) คู่เซ็นเตอร์ แทนที่จะเป็นฝ่ายตรงข้าม ทำให้พื้นที่หน้าประตูเปิดกว้าง และนำไปสู่ประตูขึ้นนำของยูเครน ในนาทีที่ 26 จนภาพดังกล่าวกลายเป็นไวรัล

‘ส่งบอลพลาดง่ายๆ’ ‘สกัดเพื่อนร่วมทีมตัวเอง’ ‘ทำบอลเข้าประตูตัวเอง’ ดูเหมือนว่าสิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นภาพจำของแฟนบอลที่มีต่อแมคไกวร์มากกว่าฝีเท้าไปเสียแล้ว ทั้งที่เขาเคยเป็นนักเตะยอดเยี่ยมของ ‘จิ้งจอกสยาม’ เลสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาล 2017-2018 และได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมปีศาจแดงตั้งแต่ยุคของกุนซือ โอเล กุนนาร์ โซลชา ในปี 2020 (ก่อนโดนริบปลอกแขนในฤดูกาลล่าสุด เพราะกุนซือ เอริค เทน ฮาค ต้องการ ‘ความเปลี่ยนแปลง’)

นอกจากนี้ แมคไกวร์ยังมีบทบาทสำคัญในความสำเร็จของปีศาจแดงในศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019–2020 ที่พวกเขาจบในอันดับ 3 ซึ่งสูงสุดเป็นลำดับสองนับตั้งแต่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อำลาทีมไป โดยแมคไกวร์ลงเล่นทุกนาทีในลีกทั้ง 38 เกม และกลายเป็นผู้เล่นเอาต์ฟิลด์คนแรกของสโมสรที่ทำได้นับตั้งแต่ปี 1995

แต่อย่างที่กล่าวไปข้างต้น เมื่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยบวกกับโลกอินเทอร์เน็ต จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้แมคไกวร์ต้องกลายเป็น ‘มีม’ ของชาวเน็ตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกครั้งที่เขากระทำการ ‘Human Error’ ในสนามขึ้นมา

การปกป้องจากผู้นำ

หลังจบเกมที่แมค์ไกวร์ทำบอลเข้าประตูตัวเอง แกเร็ธ เซาธ์เกต (Gareth Southgate) กุนซือทีมชาติอังกฤษ ออกมาปกป้องลูกทีมวัย 30 ปีโดยกล่าวว่า คำวิจารณ์ที่แมคไกวร์ต้องเผชิญนั้นเป็นเรื่อง ‘น่าขัน’ 

“ผมไม่เคยรู้จักนักเตะคนไหนที่ถูกปฏิบัติแบบเขาเลย เขาเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริงสำหรับพวกเรา เป็นส่วนสำคัญของทีมชาติอังกฤษชุดที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเป็นอันดับสองในทศวรรษนี้ ผมได้พูดคุยกับผู้เล่นซีเนียร์ที่สำคัญในทีมแล้ว แน่นอนว่าเขาเป็นหนึ่งในนั้น

ทุกครั้งที่ลงสนาม สภาพจิตใจที่เขาแสดงออกมาช่างน่าเหลือเชื่อ เขาเป็นผู้เล่นระดับท็อป เราทุกคนอยู่เคียงข้างเขา และแฟนบอลอังกฤษก็สนับสนุนเขา 

“จากมุมมองของแฟนบอลสกอตแลนด์ ผมเข้าใจได้ และไม่มีข้อตำหนิใดๆ กับสิ่งที่พวกเขาทำ” เซาธ์เกตกล่าวเสริม “แต่นี่เป็นผลพวงมาจากการปฏิบัติต่อเขาอย่างไร้สาระเป็นเวลานาน มันเป็นเรื่องน่าขัน ไม่ใช่โดยแฟนบอลชาวสก็อต แต่โดยนักวิจารณ์ กูรู หรืออะไรก็ตาม 

“ผมคิดว่าแฟนๆ ของเรารับรู้แล้วว่า ‘โอเค อาจมีแรงปะทุเล็กน้อยจากกองเชียร์ของเรา แต่เราจะไม่ให้คนอื่นเข้ามาวุ่นวายกับเขา’”

แน่นอนว่าการออกโรงปกป้องลูกทีม เป็นสิ่งที่ผู้จัดการทีม หรือในแง่หนึ่งก็คือ ‘หัวหน้า’ ควรทำ ฟอร์มในสนามก็เรื่องหนึ่ง แต่การไม่วิจารณ์ความผิดพลาดลูกทีมออกสื่อก็นับเป็นวุฒิภาวะที่ผู้นำควรมี เพราะความผิดพลาดในสนามนั้นสามารถนำมาปรับปรุง แก้ไข กันในการฝึกซ้อมได้ มากกว่าการนำออกมาพูดออกสื่อ ซึ่งมีแต่จะเป็นการจุดประกายความขัดแย้งอันไม่สิ้นสุด

การวิจารณ์สมาชิกที่ทำผิดพลาดออกสื่อ มีแต่จะทำให้บรรยากาศของทีมแย่ลง และส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างผู้จัดการทีมกับผู้เล่น ดังที่มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วบ่อยๆ อย่างกรณีล่าสุดของทีมปีศาจแดง ที่จาดอน ซานโช (Jadon Sancho) ปีกตัวรุก ออกมาตอบโต้กุนซือเอริค เทน ฮาค (Eric Ten Hag) ประเด็นเรื่องการฝึกซ้อมผ่านสื่อโซเชียล

เสียงสนับสนุนจากเพื่อนร่วมชาติ

ไม่ใช่แค่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทีมชุดปัจจุบันของอังกฤษอย่างกุนซือเซาธ์เกต แต่ คริส วัดเดิล (Chris Waddle) อดีตปีก และ ไมเคิล โอเวน (Michael Owen) อดีตศูนย์หน้าโกลเดนบอยของทีมชาติอังกฤษ ก็เห็นพ้องกันว่า แมคไกวร์กำลังตกเป็น ‘เป้า’ อย่างไม่ยุติธรรม

“อย่าทำให้อังกฤษถูกเยาะเย้ยอยู่ตลอดเวลา” วัดเดิล กล่าวกับรายการ BBC Radio 5 Live “ให้เครดิตเขาบ้างเถอะ ผมไม่เห็นเขาเสียบอลในเกมเลย สิ่งเดียวที่เขาพลาดคือทำเข้าประตูตัวเอง

“มันคงจะดีไม่น้อยหากเขาได้ลองไปเล่นฟุตบอลในต่างประเทศสักหนึ่งปี จากนั้นเมื่อเขากลับมาอังกฤษ เขาคงจะได้รับคำวิจารณ์แค่ครึ่งหนึ่ง จากสิ่งที่เขาได้รับในตอนนี้ และคำวิจารณ์ที่เขาได้รับตอนนี้มันไร้สาระมาก”

ขณะที่โอเวนโพสต์ในแอปพลิเคชัน X ว่า “ผมสงสัยมานานแล้วว่าทำไมแฮร์รี่ แมคไกวร์ ถึงถูกดูหมิ่นมากมายขนาดนี้ และผมดีใจที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต ออกมาพูด

“ผมไม่รู้จักเขา (แมคไกวร์) เป็นการส่วนตัวมากนัก แต่เขาเป็นผู้เล่นที่ดีมากและก็ดูเป็นคนดี เขาไม่เคยทำให้ทีมชาติผิดหวัง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะถูกเยาะเย้ยอยู่ตลอดเวลา”

นอกจากนี้ เนดุม โอนูโอฮา (Nedum Onuoha) อดีตปราการหลังของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ระบุว่า แมคไกวร์เป็น ‘กองหลังอังกฤษที่ถูกใส่ร้ายป้ายสีมากที่สุด’ ด้วย

ทั้งนี้ ในเกมที่อังกฤษชนะสก็อตแลนด์ แฮร์รี แมคไกวร์ เดินออกสนามด้วยการสวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติอังกฤษต่อจาก แฮร์รี เคน ดาวยิงคนสำคัญที่ทำประตูที่ 3 ปิดกล่องในอังกฤษ และเป็นกัปตันคนปัจจุบัน ซึ่งถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 84

การมอบปลอกแขนกัปตันให้แมคไกวร์ ทั้งที่เขาไม่ได้เป็นรองกัปตัน (รองกัปตันคือจอร์แดน เฮนเดอร์สัน) ด้วยซ้ำ แสดงให้เห็นถึงการให้เกียรติแมคไกวร์ และการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมทีม ที่มองเห็นว่าแม้จะมีความผิดพลาด แต่เขาก็ยังเป็นซีเนียร์ และเป็นคนที่นักเตะในทีมให้การเคารพ

เหมือนที่กุนซือเซาธ์เกตชื่นชมคาแรกเตอร์ที่แข็งแกร่งของแมคไกวร์หลังจบเกมที่เขาออกจากสนามไปพูดกับสื่อที่มารอสัมภาษณ์เช่นปกติ

“เขาเป็นคนแบบนั้นแหละ เขาออกไปเผชิญหน้ากับทุกสิ่งเหมือนเช่นเคย นับเป็นเครดิตที่ยอดเยี่ยมสำหรับคาแรกเตอร์ของเขานะ”

โลกโซเชียลมีเดีย สารกระตุ้นความเกลียดชัง

โซอี้ ฮอดจ์ส (Zoe Hodges) แฟนบอลปีศาจแดงคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับ BBC Newsbeat ว่าเธอรู้สึก ‘เสียใจ’ กับแมคไกวร์ โดยระบุว่า แมคไกวร์ถูกละเมิดและถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่จำเป็นอย่างมากในโลกออนไลน์ รวมถึงเหล่า ‘กูรู’ทั้งหลาย

ในฐานะนักเตะ เขาต้องดิ้นรนอย่างมาก และมันไม่ใช่เรื่องดีเลยที่ต้องเห็นเรื่องพวกนี้ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง เขาห่างหายจากสโมสรและทีมชาติมาระยะหนึ่งแล้ว และฉันเข้าใจเขานะ

แน่นอนว่าคำวิจารณ์และการล้อเลียนมากมายไม่ได้ส่งผลต่อตัวแมคไกวร์เพียงคนเดียว แต่มันหมายถึงคนรอบข้างที่เขารักด้วย คนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ได้ดีที่สุดไม่ใช่ใคร แต่เป็น โซอี้ แมคไกวร์ (Zoe Maguire) แม่ของแฮร์รี แมคไกวร์ ที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อในอังกฤษว่าสิ่งที่ลูกชายของเธอต้องเจอเป็นเรื่องที่ ‘ยอมรับไม่ได้โดยสิ้นเชิง’

โซอี้กล่าวว่า ความคิดเห็นเชิงลบต่างๆ ที่มุ่งเป้าไปยังลูกชายของเธอเป็นสิ่งที่น่าอับอาย ทั้งการที่เขาถูกแหนบอลโห่ใส่ระหว่างเกมที่อังกฤษชนะสก็อตแลนด์ 3 ต่อ 1 รวมถึงการวิจารณ์และการล้อเลียนหลังเกม มากไปกว่านั้น เขายังตกเป็นเป้าของแฟนบอลมาตั้งแต่การทัวร์พรีซีซันที่สหรัฐอเมริกาของทีมปีศาจแดงก่อนเริ่มฤดูกาลแล้วด้วยซ้ำ

“ในฐานะแม่ที่ได้เห็นข้อความเชิงลบและไม่เหมาะสมที่ลูกชายของฉันได้รับจากแฟนฟุตบอล กูรู และสื่อบางคนนั้นช่างน่าอับอาย และเป็นที่ยอมรับไม่ได้โดยสิ้นเชิง ไม่ว่ากับใครก็ตาม 

“ฉันอยู่ที่บนอัฒจันทร์ (สนามแฮมป์เด็น นัดที่อังกฤษชนะสก็อตแลนด์) ตามปกติ สิ่งที่เกิดขึ้นวันนั้นเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ ฉันเข้าใจว่าในโลกฟุตบอลมีทั้งขึ้นและลง ทั้งเชิงบวกและเชิงลบ แต่สิ่งที่แฮร์รีได้รับนั้นไปไกลกว่าคำว่า ‘ฟุตบอล’ สำหรับฉัน การเห็นสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่นั้นไม่โอเคเสียเลย ฉันไม่อยากอยากเห็นพ่อแม่หรือนักเตะคนอื่นต้องพบเจอเรื่องแบบนี้ในอนาคต 

“แฮร์รีมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่และทำงานได้ดี เขามีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งและสามารถรับมือกับมันได้อย่างที่คนอื่นอาจไม่สามารถทำได้ ฉันหวังว่าการล่วงละเมิดแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นกับใครก็ตาม”

หากแมคไกวร์เกิดไวกว่านี้ และเป็นนักเตะอาชีพในยุคที่เทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้า โลกยังไม่รู้จักโซเชียลมีเดีย ความผิดพลาดของเขาอาจเป็นเรื่องปกติเหมือนที่ทุกคนพึงมี หากแต่เมื่อมันเกิดขึ้นในยุคที่ทุกคนมีสื่ออยู่ในมือ และพร้อมจะพูดหรือแสดงความคิดเห็นแย่ๆ บนโลกโซเชียลที่แพร่ไปได้ไม่รู้จบในไม่กี่วินาที เรื่องราวทั้งหมดจึงต่างออกไป

แน่นอนว่าความผิดพลาดในสนามเกิดขึ้นได้ แต่หากลองตรองดูดีๆ สมควรหรือไม่ที่คนคนหนึ่งต้องเผชิญพายุของความเกลียดชังและการล้อเลียนโดยที่ล้ำเส้นไปมากกว่าแค่เรื่องของ ‘ฟอร์มการเล่น’

สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นเท่านั้น แต่มันยังส่งผลต่อเรื่องของจิตใจได้เช่นกัน

ลองคิดง่ายๆ จะมีใครอยากกลายเป็น ‘ตัวตลก’ ในสายตาของคนทั้งโลกบ้าง?

อ้างอิง

https://www.bbc.com/sport/football/66793217

https://www.skysports.com/football/scotland-vs-england/report/478927

https://www.theguardian.com/football/2023/sep/14/harry-maguire-mother-hits-out-at-defenders-critics

https://www.footballtransfers.com/en/transfer-news/uk-premier-league/2021-11-man-utd-news-how-many-errors-leading-goals-has-harry-maguire-made

Tags: , , , ,