วันวาเลนไทน์ถือเป็นวันแห่งความรักที่หลายคนเฝ้ารอ เป็นวันที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งการแสดงความรู้สึกดีๆ ผ่านดอกไม้ ช็อกโกแลต และบทเพลงแสนโรแมนติก แต่เคยสังเกตไหมว่า เพลงบางเพลงอาจไม่ได้เล่าเรื่องราวความรักที่สวยงามอย่างที่คิด แม้ว่าชื่อเพลง ทำนองหวานๆ และบางถ้อยคำที่ฟังดูโรแมนติก อาจทำให้เราเผลอเข้าใจผิดว่า มันคือเพลงรัก
เพลงบางเพลงที่ดูเหมือนเป็นเพลงรัก อาจซ่อนเรื่องราวของความเจ็บปวด การจากลา หรือความสัมพันธ์ที่ไม่สมหวังไว้ลึกๆ แต่ด้วยทำนองและการนำเสนอที่ฟังดูหวานซึ้ง เพลงเหล่านี้จึงถูกใช้ผิดบริบท เช่น การเปิดในงานแต่งงานหรือในโอกาสพิเศษของคู่รักโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือแม้แต่วันวาเลนไทน์เองก็เช่นกัน
(Not) a Valentine Playlist จึงเกิดขึ้น เพื่อรวบรวมเพลงที่ฟังดูเหมือนรัก แต่กลับไม่ใช่เพลงรักในความหมายที่อินเลิฟ สุขสม จนมองภาพบรรยากาศต่างๆ อบอวลแต่งแต้มไปด้วยสีชมพู แต่บทเพลงเหล่านี้จะชวนให้คุณมองวันวาเลนไทน์ในมุมใหม่ ทั้งเศร้า อารมณ์เหงา หรือแม้แต่รู้สึกถึงความซับซ้อนของความสัมพันธ์ เพราะบางครั้งความรักก็ไม่ได้มีแต่ความหวานชื่นเสมอไป มาดูกันว่า เพลง (เหมือน) รัก เพลงไหนที่ช่วยอธิบายความสัมพันธ์อันซับซ้อน ไม่สมหวัง การคิดถึง หรือแม้แต่เพลงที่คุณเคยคิดว่าเป็นเพลงรัก ที่เมื่อมารู้ความหมายจริงๆ แล้วอาจทำให้หลายคนต้องชะงักกันบ้าง
I Love You So – The Walters
เมื่อได้ยินชื่อเพลง I Love You So ของ The Walters หลายคนอาจเผลอนึกไปว่า เป็นเพลงรักแสนหวานที่ถ่ายทอดความรู้สึกของคนที่ตกหลุมรักจนหัวปักหัวปำ แต่ถ้าลองตั้งใจฟังเนื้อเพลงให้ดี คุณจะพบว่า เพลงนี้ไม่ได้เล่าเรื่องของความรักที่สมหวังหรือสวยงามเลยแม้แต่น้อย
“I just need someone in my life to give it structure
To handle all the selfish ways I’d spend my time without her
You’re everything I want but I can’t deal with all your lovers
Saying I’m the one but it’s your actions that speak louder”
ฉันเพียงต้องการใครบางคนให้เข้ามาเติมเต็มชีวิตของฉัน
ห้ามไม่ให้ฉันใช้เวลาอย่างเห็นแก่ตัว หลังจากเขาเดินจากฉันไป
เธอคือทุกอย่างของฉัน แต่ทุกอย่างสำหรับเธอกลับเป็นพวกเขา ไม่ใช่ฉัน
พร่ำบอกว่าฉันเป็นคนคนนั้น แต่สิ่งที่เธอทำก็ได้บ่งบอกทุกอย่างแล้วละ
เพลงเปิดมาด้วยการโหยหาความรัก เขาต้องการใครสักคนที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตและช่วยประคองหัวใจที่ว่างเปล่า แต่เมื่อได้พบกับใครคนนั้น กลับพบว่าความสัมพันธ์นี้เต็มไปด้วยรอยร้าวและการกระทำที่ไม่จริงใจ แม้เขาจะรักอีกฝ่ายสุดหัวใจ แต่กลับต้องทนอยู่กับความเจ็บปวดจากคำโกหกและการกระทำที่สวนทางกับคำพูด
“But I love you so, I love you so”
แต่ฉันรักเธอมาก ฉันรักเธอมากเหลือเกิน
ท่อนฮุกของเพลงนี้ย้ำซ้ำๆ เพียงคำว่า ‘I love you so’ จนหลายคนอาจเข้าใจว่า เป็นการบอกรักที่อ่อนโยน แต่แท้จริงแล้วคำว่า ‘ฉันรักเธอมากเหลือเกิน’ ในที่นี้ไม่ใช่คำพูดที่เต็มไปด้วยความสุข หากแต่เป็นเสียงสะท้อนของคนที่ติดอยู่ในวังวนของความสัมพันธ์อัน Toxic ที่ไม่อาจหลุดพ้น คำว่า ‘รัก’ จึงกลายเป็นเหมือนพันธนาการที่เขาไม่สามารถปลดล็อกได้
“I’m gonna pack my things and leave you behind
This feeling’s old and I know that I’ve made up my mind”
ฉันจะเก็บของทุกอย่างและทิ้งคุณไว้ข้างหลัง
ความรู้สึกนี้ได้เก่าลง และฉันตั้งสติได้แล้ว
ทว่าความเจ็บปวดที่สะสมก็ผลักดันให้เขาต้องตัดสินใจเดินออกจากความสัมพันธ์นี้ แม้ในใจยังคงรัก แต่เขารู้แล้วว่าการอยู่ต่อไปมีแต่จะทำร้ายตัวเอง
“I love you so, please let me go”
ฉันรักเธอมากเหลือนเกิน แต่ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะ
เสียงสะท้อนของคนที่ยังรักหมดหัวใจ แต่เลือกจะรักตัวเองให้มากพอที่จะจากไป
Agora Hills – Doja Cat
Agora Hills เพลงแรปจังหวะสนุก ผสมผสานด้วยเสียงร้องอ่อนนุ่มของแรปเปอร์หญิงแห่งยุคอย่าง ‘Doja Cat’ ถือเป็นหนึ่งในเพลงที่คนชอบหยิบไปใช้บอกรักอยู่บ่อยครั้ง เพราะทำนองที่น่ารัก ฟังง่าย ทว่าดนตรีไพเราะชวนฝัน อาจจะกลายเป็นฝันร้ายทันที และอาจจะทำให้เพลงนี้โดนย้ายออกจากเพลย์ลิสต์วาเลนไทน์เลยก็ได้ เพราะเมื่อแปลความหมายและเนื้อเพลงทั้งหมด โดยเฉพาะท่อนแรปที่ร้อนแรง เร้าใจ และเย้ายวนอย่างละเอียด ก็จะพบว่าแท้จริงแล้วจุดขายจริงๆ ของเพลงไม่ใช่ความน่ารักอย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ
Kissin’ and hope they caught us (Ah)
Whether they like or not (Not)
I wanna show you off (Off)
I wanna show you off (Off)
จูบกันและหวังว่าใครต่อใครจะมาเห็นเรา
ไม่ว่าพวกเขาจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม (ไม่ชอบ)
ฉันอยากจะอวดคุณต่อใครๆ
ฉันอยากจะอวดคุณต่อใครๆ
ท่อนฮุกที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ต้องการจะแสดงให้ใครต่อใครได้เห็นถึงความรักที่เธอมีต่อชายคนหนึ่งอย่างเปิดเผย จนหวังว่าจะมีใครมาเห็นขณะที่เธอกำลังจูบเขาอยู่ ไม่ว่าคนพวกนั้นจะชอบใจในสิ่งที่เธอทำร่วมกับคนรักหรือไม่ก็ตาม จึงไม่แปลกมากนักที่เพลงนี้จะกลายเป็นเพลงที่คนส่วนใหญ่นำไปใช้เวลาลงรูปอวดแฟนในโซเชียลฯ เพื่อบอกใครๆ ว่าหัวใจของพวกเขาและเธอมีเจ้าของแล้ว
ทั้งนี้ Agora Hills เป็นการเล่นคำมาจากคำว่า ‘Agoura Hills’ หรือย่านชานเมืองเล็กๆ ในเมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสถานที่ที่นักร้องสาวเติบโตขึ้น จนดูเหมือนว่า การถอดแค่อักษรตัว U ออกจากคำดังกล่าว อาจจะไม่ได้มีความพิเศษอะไรมากมาย แต่อันที่จริงแล้วคำว่า ‘Agora’ ในทางวิทยาศาสตร์นั้นหมายถึง คำว่า ‘Agoraphilia’ ซึ่งแปลว่า คนที่มีความรักต่อชีวิตที่เปิดเผย ชีวิตที่เต็มไปด้วยผู้คนและการทำกิจกรรม ที่เมื่อนำคำนี้มาแปลในบริบททางเพศ มันจะหมายถึง ‘Agoraphile’ หรือผู้ที่มีรสนิยมชื่นชอบการมีเพศสัมพันธ์ในพื้นที่สาธารณะหรือชอบจินตนาการถึงการทำกิจธุระเอาต์ดอร์อย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งถือเป็นใจความหลักของเพลงนี้
“That’s true that I like PDA, take it to a seedy place
Suck a little d*ck in the bathroom”
มันเป็นเรื่องจริงที่ฉันชอบแสดงความรักในที่สาธารณะ
แม้จะเป็นสถานที่ที่ดูเลอะเทอะ ดูโทรมไปหน่อย
แสดงความรักอย่างดูดดื่มในห้องน้ำ
ท่อนแรปที่พูดถึงความชื่นชอบของฝ่ายหญิง ในการพลอดรักอย่างดูดดื่มกับหวานใจต่อหน้าธารกำนัล แม้จะต้องทำในสถานที่โสมม และเป็นการกระทำที่ควรทำในพื้นที่ส่วนตัว
อย่างไรก็ตามอีกหนึ่งความหมายที่สอดแทรกในเพลงนี้ ที่เมื่อพิจารณาดูก็จะรู้สึกว่า เป็นนัยบางอย่างที่กำลังบอกว่า ความสัมพันธ์นี้มีอะไรไม่ชอบมาพากล
“Baby, you’re literally capping to me right now.
Like why are you capping me?
You just cap so hard, it’s- I don’t know what to do”
ที่รัก คุณกำลังปิดบังอะไรกับฉันอยู่ตอนนี้
ทำไมคุณถึงปกปิดฉันล่ะ?
คุณกำลังเก็บงำมากเกินไปแล้ว ฉันไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดี
Interlude ท่อนหนึ่งของเพลงนี้ กำลังถ่ายทอดช่วงหนึ่งของความสัมพันธ์ที่ฝ่ายหญิงเริ่มตั้งคำถามว่า ทำไมความสัมพันธ์ของพวกเขาต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ และมีแค่เธอคนเดียวที่อยากป่าวประกาศความรักครั้งนี้ให้โลกรู้ จนดูราวกับว่าฝ่ายชายกำลังพยายามปิดบังความสัมพันธ์ครั้งนี้
ท้ายที่สุดเมื่อพิจารณาภาพรวมของเพลง Agora Hills ดีๆ แล้วก็ทำให้เห็นว่า การเดินทางของความสัมพันธ์ในเพลงนี้ ดูเหมือนจะมีแค่ฝ่ายหญิงที่พยายามอยู่ตลอดเวลา เพื่อบอกคนทั้งโลกถึงความรักที่เธอมีต่อผู้ชายคนหนึ่ง ในขณะที่ฝ่ายชายไม่ได้ตอบแทนความรักที่ฝ่ายหญิงทุ่มเทให้ ด้วยการเปิดตัวเธอต่อสายตาใครต่อใคร ซึ่งเหตุผลนี้เอง ทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่าจริงๆ แล้ว เพลงนี้มันควรจะเป็นเพลง (เหมือน) รักเสียมากกว่าเป็นเพลงรักเสียอีก
LOVE SCENARIO – iKON
ก่อนจะเข้าประเด็น เราอยากชวนผู้อ่านลองร้องเนื้อเพลงท่อนนี้ดูก่อน ‘ซารางึน แฮดดา อูรีกา มันนา ชีอูจี มดฮัล ชู ออกี ทแวดดา’ จากนั้นลองคิดดูว่าเคยได้ยินเนื้อเพลงนี้หรือไม่
หากผู้อ่านสามารถจับจังหวะและร้องมันออกมาได้ เชื่อว่าต้องรู้สึกคุ้นๆ กับเพลงนี้แน่ๆ สำหรับเพลง K-Pop ทำนองสดใสอย่าง LOVE SCENARIO จากวง iKON เพลงที่ได้ยินทีไรก็ชวนให้รู้สึกเหมือนตัวเองหลุดเข้าไปในซีรีส์เกาหลีแนว Rom-com ทุกที
LOVE SCENARIO เป็นหนึ่งในแผ่นเสียงฮิตติดชาร์ต TikTok ที่นอกจากจะนำไปใส่ประกอบคลิปน่ารักๆ ของคู่รักอยู่บ่อยครั้ง มันยังถูกนำไปใช้ในหลายๆ สถานการณ์ตั้งแต่คลิปทำอาหารสั้นๆ คลิปแกะกล่องสินค้าใหม่ ไปจนถึงคลิปรีวิวคาเฟ่เก๋ๆ จนอาจจะเรียกได้ว่า เป็นเพลงสามัญประจำ Tiktok เลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะนำเพลงนี้ไปใช้กับคลิปไหน มันก็ทำให้คลิปเหล่านั้นดูสดใสขึ้นทันตา
ทว่าทำนองหวานๆ และเสียงร้องสุดไพเราะของทั้ง 6 เมมเบอร์ อาจจะกำลังทำให้เราเคลิ้ม จนลืมความจริงที่ว่า เนื้อเพลงและความหมายของเพลง LOVE SCENARIO มันลึกซึ้งมากกว่าการที่ใครหลายๆ คนมองว่า มันเป็นเพียงแค่เพลงรักใสๆ
“지우지 못할 추억이 됐다
볼만한 멜로드라마
괜찮은 결말
그거면 됐다 널 사랑했다”
เป็นความทรงจำที่ลบออกไปไม่ได้
มันเหมือนละครน้ำเน่าเรื่องหนึ่ง
ที่จบได้ด้วยดี
เท่านั้นแหละที่ผมพอใจ ผมเคยรักคุณ
ท่อนฮุกท่อนนี้ให้นิยามความสัมพันธ์ของคน 2 คนไม่ต่างอะไรกับการดูละครน้ำเน่าซ้ำๆ ที่ไม่ว่าจะเปิดดูกี่ร้อยกี่พันครั้งก็มีแต่ความสุข แต่ท้ายที่สุดมันก็ต้องจบลง เฉกเช่นความสัมพันธ์ในอดีตที่ครั้งหนึ่งมันสวยงาม น่าประทับใจ แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่เพียงคิดถึงและยินดีที่ได้สัมผัสกับมัน ดังนั้น แค่คำแปลและความหมายของเพลงนี้ ก็พอจะเป็นเหตุผลที่ดีพอให้คิดอีกรอบก่อนจะหยิบเพลง (เหมือน) รักเพลงนี้ไปใช้ตอนอยากบอกรักใครผ่านเพลงแล้วแหละ
Heartbreak Anniversary – GIVĒON
หากผู้อ่านไถ TikTok บ่อยๆ เชื่อเหลือเกินว่าต้องมีอย่างน้อย 1 ครั้งที่เพลงอาร์แอนด์บี มู้ดดี อย่าง Heartbreak Anniversary ของศิลปิน GIVĒON โผล่ขึ้นมาหน้าฟีด ซึ่งเพลงทำนองนุ่มนวลชวนเคลิ้มเพลงนี้ มักถูกนำไปใส่ประกอบรูปหรือคลิปวิดีโอที่ถ่ายคู่กับหวานใจอยู่บ่อยๆ แต่ก่อนอื่นอยากจะชวนให้เหล่าคนคลั่งรักทั้งหลายใจเย็นกันสักนิด และลองมาพิจารณาเนื้อเพลงและความหมายก่อนจะนำไปใช้กับภาพน่ารักๆ เพราะแค่ชื่อเพลงก็บอกตรงตัวอยู่แล้วว่า ‘ครบรอบวันอกหัก’
แรงบันดาลใจของ GIVĒON ในการทำเพลง Heartbreak Anniversary มาจากความสัมพันธ์ของเขาที่จบลงอย่างน่าเศร้า จนเขารู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่วันครบรอบวันอกหักของเขาวนมาถึง และเมื่อการอกหักเป็นเหมือนภาษาสากลที่ใครหลายคนต้องเคยสัมผัส และเคยจมปลักอยู่กับความรู้สึกเศร้าที่ยากจะมูฟออนมาสักครั้งหนึ่งในชีวิต จึงไม่ยากนักหากเราจะรู้สึกเชื่อมต่อกับเพลงนี้ได้โดยง่าย แต่ด้วยวิธีการถ่ายทอดความเศร้าของ GIVĒON ผ่านทำนองสบายๆ ที่จะฟังเอาเศร้าก็ได้ จะฟังเอามันก็ดี บวกกับเสียงร้องที่นุ่มละมุนและการขึ้นต้นท่อนฮุกว่า
“Don’t wanna let you out my head
Just like the day that I met you, the day I thought forever”
ไม่อยากจะให้เธอออกจากความทรงจำของฉันไปเลย
เหมือนดั่งวันวานที่ฉันได้พบเธอ วันที่คิดว่าความรักครั้งนี้จะอยู่กับฉันตลอดไป
ท่อนฮุกที่ดูเหมือนจะเป็นการบอกกับผู้หญิงคนหนึ่งว่า อยากให้เธออยู่ด้วยตลอดไป ไม่อยากให้จากไปไหน และอยากให้ทุกอย่างคงเหมือนวันแรกที่ทั้งสองได้พบกัน จึงไม่แปลกนักที่อาจจะทำให้คนฟังอย่างเราลืมไปว่า จริงๆ แล้วเพลงนี้ไม่ใช่เพลงรักสมหวัง แต่เป็นเพลงเศร้าเคล้าน้ำตา เพราะในความเป็นจริงเพลงท่อนนี้กำลังพูดถึง ผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินออกไปจากชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งไปตั้งนานแล้ว เพียงแต่เขายังไม่สามารถก้าวข้ามความรู้สึกคิดถึงเธอได้ และทำได้แค่เพียงพูดว่า ไม่อยากให้เธอจากไป ก่อนจะหวนนึกถึงครั้งแรกที่ได้เจอกัน ซึ่งเขาคิดว่ามันจะเป็นรักนิรันดร์ จนสุดท้ายเขาได้แต่ตั้งคำถามในท่อนหนึ่งของเพลง (เหมือนรัก) เพลงนี้ว่า
“Why you walk out my life? (My life)”
ทำไมเธอถึงต้องเดินจากฉันไปด้วย (ชีวิตของฉัน)
Too Sweet – Hozier
แค่ฟังชื่อเพลง Too Sweet ของ Hozier หลายคนอาจคิดว่าเป็นบทเพลงรักโรแมนติกหวานซึ้ง แต่ใครจะรู้ว่าภายใต้ทำนองละมุนและคำพูดอ่อนโยน เพลงนี้กลับซ่อนความหมายที่ขมเข้มยิ่งกว่าวิสกี้เพียว
เพลงนี้เล่าถึงความสัมพันธ์ของคน 2 คนที่แตกต่างกันสุดขั้ว โดยฝ่ายหนึ่งใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ตรงไปตรงมา ดื่มวิสกี้เพียว กาแฟดำ และมองโลกในแบบของตัวเอง ขณะที่อีกฝ่ายเต็มไปด้วยความพิถีพิถัน ใส่ใจในทุกเรื่องตั้งแต่การกินไปจนถึงการดูแลสุขภาพ ความ ‘หวาน’ และสมบูรณ์แบบของอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะเป็นข้อดี กลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่เข้ากับชีวิตของเขาเลย
“I think I’ll take my whiskey neat
My coffee black and my bed at 3
You’re too sweet for me”
ฉันชอบดื่มวิสกี้แบบไม่ต้องผสมอะไรเลย
ชอบกาแฟดำไม่มีน้ำตาล และเข้านอนตอนตีสาม
คุณอ่อนหวานและใสซื่อเกินไปสำหรับฉัน
ท่อนฮิตติดหูนี้จึงไม่ใช่คำชม แต่คือการพูดถึงความแตกต่างที่ไม่อาจเติมเต็มกันได้ แม้จะได้รับความรักและความใส่ใจอย่างสมบูรณ์แบบจากอีกฝ่าย แต่เขากลับรู้สึกว่าต้องเปลี่ยนตัวเอง เพื่อให้เข้ากับสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตน สุดท้ายแล้วเขาเลยเลือกที่จะซื่อสัตย์ต่อตัวเองและบอกลาความรักนี้ด้วยถ้อยคำที่นุ่มนวล
“If you can sit in a barrel, maybe I’ll wait until that day”
ถ้าหากคุณปรับตัวเข้ากับไลฟ์สไตล์ของฉันได้ บางทีฉันอาจจะอดทนรอจนกระทั่งถึงวันนั้น
Love Yourself – Justin Bieber
เมื่อมานั่งคิดทบทวนดีๆ ก็พึ่งจะนึกได้ว่า ตอนนี้ก็ผ่านมาแล้วหนึ่งทศวรรษที่เพลงฮิตอย่าง Love Yourself ของนักร้องหนุ่ม Justin Bieber ผ่านเข้ามาที่หู ก่อนจะลงเข้าสู่หัวใจคนฟังเป็นครั้งแรก แต่ด้วยทำนองที่ฟังง่ายและเสียงร้องที่หวานซึ้งกินใจ ทำให้เพลงนี้ดูไม่เก่าเลยแม้ว่าจะผ่านเวลามานานหลายปี
แต่สิ่งที่น่าแปลกของเพลงนี้คือ นับตั้งแต่วินาทีแรกที่เพลงนี้ถูกปล่อยออกมา มันกลายเป็นเพลงรักหวานซึ้ง ที่เชื่อว่าบางคนต้องเคยนำไปส่งหาหวานใจ หรือวงดนตรีงานแต่งสักวงต้องเคยนำไปเล่นบรรเลงระหว่างที่บ่าวสาวกำลังเต้นรำอยู่บนเวที ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว เพลงนี้ห่างไกลกับการเป็นเพลงรักไปโข และไม่มีทางที่จะเป็นเพลงอะไรไปได้นอกจาก ‘เพลงเตือนสติคนรักเก่า’ เลย
“For all the times that you rained on my parade
And all the clubs you get in using my name
You think you broke my heart, oh girl, for goodness’ sake
You think I’m cryin’ on my own, well, I ain’t
And I didn’t wanna write a song
Cause I didn’t want anyone thinking I still care
I don’t, but you still hit my phone up”
ทุกครั้งที่คุณทำลายวันดีๆ ของฉัน
และใช้ชื่อของฉันเพื่อผลประโยชน์ทางสังคม
คุณคิดว่าได้ทำให้ฉันรู้สึกเสียใจ โอ้ ที่รัก ให้ตายสิ
คุณคิดว่าฉันกำลังร้องไห้กับตัวเองหรือ เปล่าเลย
และจริงๆ ฉันไม่อยากจะแต่งบทเพลงแสดงอารมณ์นักหรอก
เพราะฉันไม่ต้องการให้คนอื่นคิดว่าฉันยังมีความรู้สึกต่อคุณอยู่
ฉันไม่สนใจอะไรในตัวคุณแล้ว แต่คุณก็ยังคงโทรหาฉัน
เชื่อว่าในชีวิตคนบางคนต้องเคยมีสักครั้งหนึ่งที่คุณเคยวิงวอน ขอร้อง จนแทบจะกราบกราน หลังความสัมพันธ์ยุติลง เพื่อขอให้ได้กลับไปเริ่มต้นใหม่กับคนเดิมอีกครั้ง แต่เชื่อหรือไม่ว่า ไม่ว่าคุณจะรู้สึกว่า ความสัมพันธ์นั้นมันมีความสุขมากแค่ไหน หรือตัวคุณเองตอนที่อยู่ในความสัมพันธ์นั้นเป็นช่วงเวลาที่ดีมากเพียงใด แต่นั่นก็เป็นเพียงภาพในหัวและความคิดของคุณที่มีต่อความรักครั้งนั้นแค่ฝ่ายเดียว เพราะมันก็เป็นไปได้เช่นกัน ที่หลังเลิกราอีกฝ่ายจะเริ่มทบทวนและเข้าใจได้ว่า รักที่ผ่านมาเป็นแค่เส้นทางแย่ๆ ในชีวิตที่ไม่น่ากลับไปเดินซ้ำ และคุณก็เป็นแค่คนคนหนึ่งที่อีกฝ่ายไม่อยากจดจำ ซึ่งก็เหมือนเนื้อเพลงข้างต้นที่พยายามถ่ายทอดให้เราเห็นความรู้สึกหลังการเลิกรา ที่ฝ่ายหนึ่งเริ่มคิดได้ว่า ความรักที่ผ่านมาเต็มไปด้วยเหตุการณ์ไม่ดี จนไม่อยากกลับไปหวนนึกถึง แต่มันก็อดไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายยังตอแยไม่เลิกด้วยความหวังว่า จะขอกลับมาสร้างสัมพันธ์อีกครั้ง
ทำให้ท่อนถัดไปอย่างท่อนฮุกของเพลง กำลังทำหน้าที่เป็นเครื่องดึงสติคนที่ยังอาลัยอาวรณ์รักที่จบไป และย้ำเตือนให้เข้าใจว่า เรื่องระหว่างเรามันจบลงแล้ว
“Cause if you like the way you look that much
Oh baby, you should go and love yourself
And if you think that I’m still holdin’ on to somethin’
You should go and love yourself”
เพราะถ้าชอบในสิ่งที่คุณเป็นขนาดนั้น
โอ้ ที่รัก คุณก็ควรไปรักตนเองก่อนจะดีกว่า
และถ้าคุณคิดว่าฉันยังคงมีความรู้สึกหลงเหลือให้กับคุณ
คุณก็ควรไปซะ ไปรักตนเองจะดีกว่า
หากให้คิดถึงสิ่งที่แย่กว่าการไม่ถูกรักจากลูกชายหรือลูกสาวของใคร ก็คงหนีไม่พ้นวินาทีที่เราลืมการรักตัวเอง ซึ่งเนื้อเพลงท่อนฮุกนี้ก็เป็นเหมือนเครื่องเตือนสติชั้นดี เพราะมันกำลังบอกอีกฝ่ายในความสัมพันธ์ว่า ถ้าคุณชอบสิ่งที่คุณเป็นไม่ว่าจะตอนที่อยู่ในความสัมพันธ์ครั้งนั้น หรือตอนไหนๆ คุณก็ควรจะเริ่มรักตัวเองเป็นอันดับแรกเสียก่อน ซึ่งมันอาจหมายความว่า สิ่งที่คุณรักในตัวเอง อาจไม่ใช่สิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามในความสัมพันธ์จะรักไปด้วย มันจึงง่ายที่สุดหากคุณจะรักและนึกถึงตัวเองให้เป็น ไม่ใช่รอให้ลูกชายหรือลูกสาวของใครที่ไหนมามอบความรักให้ ก่อนที่ท่อนเกือบสุดท้ายของเพลงจะตอกฝาโลงความสัมพันธ์ครั้งเก่า และฝังกลบคนช่างเพ้อที่ยังคนโหยหาการได้รับรักครั้งใหม่กับคนเก่าอีกครั้งว่า
I fell in love, now I feel nothin’ at all
ฉันเคยหลงรักคุณนะ แต่ตอนนี้ฉันไม่เหลือความรู้สึกอะไรกับคุณอีกแล้ว
The Way I Loved You – Taylor Swift
ด้วยชื่อเพลงที่โรแมนติก บวกกับท่วงทำนองแสนกินใจและเนื้อร้องที่ลึกซึ้ง The Way I Loved You ของ Taylor Swift อาจฟังดูเหมือนเป็นเพลงบอกรัก แต่แท้จริงแล้วเพลงนี้กลับถ่ายทอดเรื่องราวความรักที่ขัดแย้งในตัวเอง ระหว่างความสัมพันธ์ที่ ‘สมบูรณ์แบบแต่จืดชืด’ กับความรักที่ ‘เร่าร้อนแต่ไม่สมบูรณ์’
“He is sensible and so incredible
And all my single friends are jealous
He says everything I need to hear and it’s like
I couldn’t ask for anything better”
เขาทั้งเก่งและน่าทึ่งมาก
เพื่อนๆ ต่างพากันอิจฉาฉันทุกคน
เขาพูดทุกอย่างที่ฉันอยากได้ยิน
จนเหมือนกับว่าฉันไม่ต้องขออะไรไปมากกว่านี้แล้ว
ในความสัมพันธ์ปัจจุบัน ‘เขา’ ดูเหมือนเป็นคนรักในฝันที่ใครหลายคนใฝ่หา ทุกอย่างในตัวเขาดูลงตัว ไร้ที่ติ แต่ในใจของเธอกลับว่างเปล่า เหมือนหัวใจหยุดเต้น เพราะความสมบูรณ์แบบนี้ขาดแรงกระเพื่อม
“But I miss screaming and fighting and kissing in the rain
And it’s 2 am and I’m cursing your name
You’re so in love that you act insane
And that’s the way I loved you”
แต่ฉันกลับคิดถึงเสียงกรีดร้องเวลาละเทาะกัน และการจุมพิตกลางสายฝนของเราในตอนนั้น
ตอนนี้ตี 2 แล้ว ฉันก็ยังคงสบถชื่อของคุณอยู่
คุณรักฉันมากจนขาดสติ
แต่นั่นมันทำให้ฉันรักคุณ
และนั่นทำให้เธออดไม่ได้ที่จะโหยหาความรักครั้งเก่าที่วุ่นวาย และเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เหมือนพายุพัดกระหน่ำ ทั้งการทะเลาะเบาะแว้ง การหัวเราะไปพร้อมกับน้ำตา และความเร่าร้อนที่ทำให้เธอรู้สึกมีชีวิตชีวา ทว่าเธอไม่ได้บอกว่า อยากกลับไปหาความรักครั้งเก่า แต่แค่โหยหา ‘ความรู้สึก’ ที่ครั้งหนึ่งเคยเติมเต็มหัวใจของเธอ
“I never knew I could feel that much
And that’s the way I loved you”
ฉันไม่เคยคิดเลย ว่าจะรู้สึกอะไรมากมายขนาดนี้
แต่นั่นก็คือความรักในแบบที่ฉันเคยรักคุณ
ที่มา
https://www.educatepark.com/songs-translation/agora-hills-doja-cat-thaisub/
https://www.educatepark.com/songs-translation/love-yourself-justin-bieber-thaisub/
https://www.educatepark.com/songs-translation/heartbreak-anniversary-giveon-thaisub/
https://www.educatepark.com/แปลเพลง/แปลเพลง-love-scenario-ikon-love-scenario-ikon/
https://www.elitedaily.com/entertainment/giveon-heartbreak-anniversary-lyrics-meaning
https://neonmusic.co.uk/doja-cats-agora-hills-lyrics-a-deep-dive-into-the-meaning-behind-the-song
https://blog.kinkly.com/definition/agoraphilia/
Tags: ความรัก, Feature, เพลง, valentine, วาเลนไทน์, วันวาเลนไทน์, เพลงรัก