เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา กรุงเทพมหานคร (กทม.) ออกร่างกฎหมายการควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. 2567 ซึ่งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงและเข้มงวดมากขึ้นในการดูแลสัตว์เลี้ยง โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 มกราคม 2569
ร่างกฎหมายฉบับใหม่นี้มีการเพิ่มเติมในส่วนของการควบคุมจำนวนสัตว์เลี้ยงในพื้นที่ การฝังไมโครชิป และจดทะเบียนสุนัขและแมวเพิ่มเข้ามา
The Momentum จึงสรุปข้อนโยบายและดูถึงโครงการของ กทม.ที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงและแผนดำเนินงานในอนาคต เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรับมือกฎหมายที่จะถูกบังคับใช้จริงในปี 2569
กฎหมายการควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. 2567
ก่อนหน้าที่ กทม.ใช้ข้อบัญญัติฉบับ พ.ศ. 2548 ในการควบคุมสัตว์เลี้ยงในพื้นที่ กทม.โดยข้อบัญญัติเดิมระบุไว้ว่า ห้ามเลี้ยงสุนัขในที่สาธารณะหรือที่ของบุคคลอื่น โดยไม่ได้รับความยินยอม ควบคุมดูแลสุนัข ไม่ให้ก่อเหตุเดือดร้อนรำคาญ แต่ในข้อบัญญัติใหม่ปี 2567 มีการเพิ่มกฎเกณฑ์ในการเลี้ยงเข้ามาดังต่อไปนี้
1. การควบคุมการเลี้ยงสุนัขและแมว โดยกำหนดพื้นที่และจำนวนในการเลี้ยง
2. การนำสุนัขหรือแมวออกนอกสถานที่เลี้ยง จำเป็นต้องมีใบจดทะเบียนสัตว์เลี้ยงและใส่สายจูง กรง กระเป๋า หรืออุปกรณ์อื่นๆ ตามความเหมาะสม
3. การจดทะเบียนสุนัขและแมวที่ประชาชนที่กำลังเลี้ยงสัตว์ในปัจจุบัน ต้องพาสัตว์เลี้ยง สุนัขและแมวไปฝังไมโครชิปและจดทะเบียนกับทาง กทม.
โดยหากฝ่าฝืนจะมีโทษตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 คือปรับไม่เกิน 2.5 หมื่นบาท
กฎใหม่คนรักสัตว์ เลี้ยงหมา-แมวต้องมีพื้นที่พอ
ในข้อแรก การควบคุมการเลี้ยงสุนัขและแมว โดยกำหนดพื้นที่และจำนวนในการเลี้ยง มีการระบุเอาไว้ว่า
ประชาชนที่เลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ห้องเช่าหรืออาคารชุด
– เกิน 20 ตารางเมตร แต่ไม่เกิน 80 ตารางเมตร (ห้องสตูดิโอเล็ก-ทาวน์เฮาส์ขนาดเล็ก) สามารถเลี้ยงได้ 1 ตัว
– ตั้งแต่ 80 ตารางเมตรขึ้นไป (ทาวน์โฮมหรือบ้านเดี่ยว) สามารถเลี้ยงรวมกันได้ไม่เกิน 2 ตัว
ประชาชนที่เลี้ยงสัตว์ในที่ดินส่วนตัวหรือบ้านเดี่ยว
– ไม่เกิน 20 ตารางวา (อาคารขนาดเล็กหรือเทียบเท่าคอนโดฯ 3 ห้องนอน) สามารถเลี้ยงรวมกันได้ไม่เกิน 2 ตัว
– ตั้งแต่ 20 ตารางวา แต่ไม่เกิน 50 ตารางวา (ทาวน์โฮมขนาดเล็ก-บ้านเดี่ยวขนาดกลาง) สามารถเลี้ยงรวมกันได้ไม่เกิน 3 ตัว
– ตั้งแต่ 50 ตารางวา แต่ไม่เกิน 100 ตารางวา (บ้านเดี่ยวแบบมีพื้นที่สนามกว้าง) สามารถเลี้ยงรวมกันได้ ไม่เกิน 4 ตัว
– ตั้งแต่ 100 ตารางวา (บ้านเดี่ยวขนาดใหญ่) สามารถเลี้ยงรวมกันได้ไม่เกิน 6 ตัว
ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้ที่มีจำนวนสุนัขและแมวเกินกำหนดก่อนการบังคับใช้ร่างกฎหมาย ยังคงสามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในจำนวนเท่าเดิมต่อไปได้ เพียงนำสัตว์เลี้ยงทั้งหมดไปฝังไมโครชิปและจดทะเบียนสุนัขและแมวกับทาง กทม.ภายในช่วงเวลาที่กำหนด ก่อนวันที่ 9 เมษายน 2569 ซึ่งจะครบกำหนดแจ้งเลี้ยงเกินจำนวนในสำนักงานเขต กทม. (หลังวันที่บังคับใช้กฎหมาย 90 วัน)
ฝังไมโครชิปให้สัตว์เลี้ยงดีอย่างไร ทำไมถึงจำเป็น
การฝังไมโครชิป คือชิปเล็กๆ ที่ฝังเอาไว้กับสัตว์เลี้ยงที่มีอายุ 3 เดือนขึ้นไป โดยใช้การฉีดฝังบริเวณใต้ผิวหนัง ไม่ต้องใช้ยาสลบ โดยข้อมูลจะปรากฏขึ้นเมื่อถูกอุปกรณ์สแกนไมโครชิปสแกนไปยังผิวหนัง เป็นตัวเลข 15 หลักที่จะอยู่ในฐานข้อมูลของทะเบียนสุนัขและแมวใน กทม. เปรียบเสมือนบัตรประชาชนที่ติดอยู่กับสัตว์เลี้ยงของเราไปตลอดชีวิต ซึ่งข้อมูลภายในไมโครชิปจะใช้เพื่อการระบุตัวตนสัตว์เลี้ยง เช่น เจ้าของสัตว์เลี้ยง หรือเบอร์ติดต่อเจ้าของสัตว์เลี้ยงในกรณีเกิดเหตุใดๆ กับสัตว์เลี้ยง
ข้อดีของการฝังไมโครชิปคือ จะช่วยยืนยันความเป็นเจ้าของกับสัตว์เลี้ยงตัวนั้นๆ และเพิ่มโอกาสในการหาสัตว์เลี้ยงที่สูญหาย หรือป้องกันการทอดทิ้งสัตว์เลี้ยง ทั้งนี้ยังเป็นตัวช่วยสำคัญของหน่วยงานรัฐที่จะมีข้อมูลสถิติของสัตว์จรจัดและสัตว์ที่มีเจ้าของแม่นยำมากขึ้น เพื่อนำไปสู่การวางแผนทำหมันและฉีดวัคซีนต่อไป
ทั้งนี้ กทม.มีคลินิกที่เปิดให้บริการให้ประชาชนสามารถพาสัตว์เลี้ยงเข้ามาฝังไมโครชิปและจดทะเบียนได้ฟรีทั้งหมด 8 แห่งดังต่อไปนี้
1. กลุ่มควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า ถนนมิตรไมตรี เขตดินแดง โทร. 0 2248 7417
2. คลินิกสัตวแพทย์ กทม.1 สี่พระยา เขตบางรัก โทร. 0 2236 4055 ต่อ 213
3. คลินิกสัตวแพทย์ กทม.2 มีนบุรี เขตมีนบุรี โทร. 0 2914 5822
4. คลินิกสัตวแพทย์ กทม.3 วัดธาตุทอง เขตวัฒนา โทร. 0 2391 6082
5. คลินิกสัตวแพทย์ กทม.4 บางเขน เขตจตุจักร โทร. 0 2579 1342
6. คลินิกสัตวแพทย์ กทม.5 วัดหงส์รัตนาราม เขตบางกอกใหญ่ โทร. 0 2472 5895 ต่อ 109
7. คลินิกสัตวแพทย์ กทม.6 ช่วง นุชเนตร เขตจอมทอง โทร. 0 2476 6493 ต่อ 1104
8. คลินิกสัตวแพทย์ กทม.7 เขตบางกอกน้อย โทร. 0 2411 2432
พร้อมทั้งยังมีบริการหน่วยบริการทางสัตวแพทย์ ติดตามข่าวสารได้ทาง Facebook กลุ่มควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า, สำนักงานสัตวแพทย์สาธารณสุข และสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร
โดยเจ้าของสัตว์เลี้ยงจะต้องเตรียมเอกสารเพื่อจดทะเบียนสุนัขและแมว ดังต่อไปนี้
1. บัตรประชาชนของเจ้าของ
2. ทะเบียนบ้านที่สัตว์อาศัยอยู่ พร้อมแนบเอกสารอันได้แก่
– ทะเบียนบ้าน ที่สัตว์เลี้ยงจะอาศัยอยู่
– หนังสือยินยอมจากผู้ให้เช่า ในกรณีเป็นผู้เช่า
– หนังสือรับรองการผ่าตัดทำหมันจากสัตวแพทย์ (ถ้ามี)
– หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี)
หรือสามารถไปฝังไมโครชิปกับคลินิกเอกชนที่สะดวกได้เช่นกัน แต่จะต้องอยู่ในรูปแบบไมโครชิปที่ กทม.รองรับซึ่งจะประกอบด้วยเลข 15 หลักและ ICAR รับรอง
ทำไมต้องจำกัดการเลี้ยงและลงทะเบียนสุนัขและแมว
น.สพ.ศิษฏพล เอี่ยมวิสูตร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสัตวแพทย์สาธารณสุข กทม. กล่าวว่า ที่ผ่านมา กทม.วางแผนในการออกนโยบายสัตว์เลี้ยงแบบต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยต้นน้ำคือ การออกข้อบังคับกฎหมายสร้างจิตสำนึกในการเลี้ยงสัตว์ ส่วนกลางน้ำคือ โครงการที่ดำเนินไปแล้วอย่างการเร่งผ่าตัดทำหมัน โดยมีโครงการทำหมันที่ทำมา 20 ปีแล้ว
“สังเกตได้ว่า จะมีเครือข่ายภาคเอกชนที่ร่วมกันทำมาโดยตลอด ทำให้สุนัขจรจัดลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด และการจดทะเบียนสุนัขโดยกรุงเทพมหานคร มีข้อมูลทางสถิติที่ระบุว่า ปัจจุบันมีสุนัขในเขต กทม.จดทะเบียนสุนัข 99,426 ตัว และคลินิกเอกชนจดทะเบียนกับ กทม. 12,007 ตัว รวมเป็น 111,433 ตัว” พร้อมแก้ปัญหาร้องเรียนในชุมชนเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงจรจัด
และท้ายสุดคือ ปลายน้ำในเรื่องการดูแลศูนย์พักพิงสัตว์ พิษสุนัขบ้า คัดกรองพฤติกรรม หาบ้านใหม่ การออกร่างกฎหมายฉบับ พ.ศ. 2567 ขึ้นมา เพื่อสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อยแก่บ้านเมืองและสร้างความรับผิดชอบในการเลี้ยงสัตว์ รวมถึงอาจเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาสุนัขจรจัดในกรุงเทพฯ
Tags: กรุงเทพมหานคร, รับรัก ไม่รับเลี้ยง, กฎหมาย, ไมโครชิปสัตว์, หมา, ฝังไมโครชิป, สุนัข, สัตว์เลี้ยง, สุนัขจรจัด, ไมโครชิป, หมาจร, Untitled Dog