วันนี้หันไปทางไหนก็เห็นแต่มัทฉะ คาเฟ่ก็พากันออกเมนูมัทฉะ ผู้คนต่างถือแก้วเครื่องดื่มสีเขียวเดินทั่วเมือง รวมถึงหลายคนก็เริ่มเรียนรู้ขนบธรรมเนียมการชงมัทฉะ เพื่อลิ้มรสชาติแบบต้นตำรับ

แม้เราจะคุ้นเคยกับชาเขียวสัญชาติญี่ปุ่นมานานหลายสิบปี แต่สำหรับ ‘มัทฉะ’ หลายคนอาจเกิดข้อสงสัยขึ้นว่า ทำไมถึงได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในปีนี้ และสิ่งนี้ต่างจากชาเขียวปกติอย่างไร เพราะเวลานี้มัทฉะไม่ใช่แค่เครื่องดื่มที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศญี่ปุ่นแล้วแพร่กระจายไปทั่วโลก แต่มัทฉะได้กลายเป็นวัฒนธรรมป็อปที่มาพร้อมกับเทรนด์ในด้านอื่นๆ ที่เป็นภาพแสดงไลฟ์สไตล์ของผู้คนในปีนี้

สิ่งที่น่าสนใจคือ ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วไลฟ์สไตล์แบบไหนที่สะท้อนออกมาจากมัทฉะ 1 แก้ว

ไม่ใช่ชาธรรมดา เพราะต้องรักษาคุณภาพทุกขั้นตอน

ความพิเศษของมัทฉะที่ต่างจากชาเขียวทั่วไปคือ เป็นผงชาเขียวคุณภาพสูงของประเทศญี่ปุ่น มาจากใบชาเขียวอ่อนที่ปลูกในร่มเงา เมื่อถึงช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนเก็บเกี่ยว ต้นชาจะถูกคลุมด้วยเสื่อฟางหรือผ้าบังแดดเพื่อลดการรับแสง กระบวนการนี้จะช่วยให้ใบชาดึงคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) ออกมาชดเชย ส่งผลใบชามีสีเขียวสวย และเพิ่มการผลิตแอลคาร์นิทีน (L-Carnitine) เป็นกรดอะมิโนที่ให้มัทฉะมีรสหวานตามธรรมชาติ มัทฉะจึงมีรสฝาดลดลง รวมไปถึงการเก็บเกี่ยวด้วยมือ เพื่อคงไว้ซึ่งคุณค่าทางโภชนาการและรสชาติที่ดี

นอกจากกระบวนการปลูกและแปรรูปให้ได้มาซึ่งผงมัทฉะแล้ว กรรมวิธีการชงมัทฉะสักถ้วยในญี่ปุ่นก็ไม่ได้ง่ายดายเลย เพราะสุดท้ายแล้วรสชาติของมัทฉะจะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคุณภาพของผงมัทฉะซึ่งมีหลายเกรด การร่อนชา การตีชา สัดส่วนหรือปริมาณ และอุณหภูมิของน้ำร้อน ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์ในการชงเพื่อให้นำเสนอรสชาติที่ได้มาตรฐาน เพื่อสัมผัสถึงคุณลักษณะพิเศษของชาชนิดนี้ให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ยังไม่นับรวมมารยาทหรือวิถีปฏิบัติของผู้ชงชาที่มีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมาก

อย่างไรก็ตาม ผงมัทฉะกับอุปกรณ์ชงในพิธีชงชาอันเก่าแก่ของญี่ปุ่น ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในบ้านของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ เพื่อชงดื่มเองในชีวิตประจำวัน และสำหรับคาเฟ่หรือร้านกาแฟก็ได้สร้างสรรค์มัทฉะออกมาหลากหลายเมนู ทั้งเบเกอรี ไอศครีม ต่างถูกนำไปผสมกับเครื่องดื่มอื่นๆ เพื่อเสริมรสชาติ 

โดยเมนูที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในช่วงนี้ คงหนีไม่พ้น ‘มัทฉะลาเต้’ เป็นการชงมัทฉะผสมกับนมสด ทำให้ได้รสชาตินุ่มละมุนของนมและเข้มข้นไปด้วยมัทฉะ ผสมกันอย่างกลมกล่อมในแก้วเดียว อีกทั้งดื่มง่ายเป็นมิตรกับทุกคน เพราะมัทฉะที่ได้คุณภาพจะมีรสชาติขมหรือฝาดเฝื่อนน้อยมาก เหมาะสำหรับคนที่ต้องการคาเฟอีน แต่ไม่ถนัดลิ้มรสขมของกาแฟ หรืออยากเติมคาเฟอีนสักเล็กน้อยให้ร่างกายตื่นตัว มัทฉะจึงตอบโจทย์เพราะมีคาเฟอีนในปริมาณที่น้อยกว่ากาแฟ

จุดชนวนปรากฏการณ์มัทฉะไปทั่วโลก

กระแสมัทฉะฟีเวอร์ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในประเทศไทยหรือในโซนเอเชียเท่านั้น เพราะตอนนี้ในฝั่งตะวันตกเองก็คลั่งไคล้มัทฉะไม่แพ้กัน โดยจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนทั่วโลกหันมาดื่มมัทฉะประการแรกเป็นด้านคุณประโยชน์ เพราะมัทฉะมีสารต้านอนุมูลอิสระ ทั้งยังกระตุ้นการเผาผลาญ ทว่าสิ่งที่น่าสนใจคือ ทำไมมัทฉะที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องดื่มเก่าแก่ของคนญี่ปุ่นจึงโด่งดังและเป็นกระแสไปทั่วโลก 

เชื่อว่าสิ่งที่ชาวเอเชียรับรู้ในวันนี้คือ กระแสวัฒนธรรมตะวันออกอย่างเคป็อป (K-Pop) หรืออนิเมะ (Anime) ที่เรานิยมชมชอบกันมาเนิ่นนานได้เข้าไปเป็นสื่อกระแสหลักทั่วโลกเรียบร้อยแล้ว และตัวจุดชนวนให้มัทฉะบูมไปทั่วโลกคืออนิเมะนั่นเอง ซึ่งอนิเมะได้นำเสนอภาพเครื่องดื่มชนิดนี้มาอย่างยาวนาน และค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในชีวิตของคนดู จนรู้สึกว่าต้องหามาชิมดูสักครั้ง

โดย มีมี ถิ เหงียน (Mimi Thi Nguyen) ศาสตราจารย์ด้านเพศศึกษา สตรีศึกษา และเอเชียอเมริกันศึกษา มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์บานา แชมเปญ (University of Illinois Urbana-Champaign) ประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่า การทำให้วัฒนธรรมเอเชียกลายเป็นสินค้ามักนำไปสู่ความหลากหลายในการบริโภค 

ทั้งนี้เหล่าคนดัง ศิลปินดารา และอินฟลูเอนเซอร์ก็มีอิทธิพลอย่างมาก ที่ทำให้มัทฉะได้รับความนิยมในแง่ของกระแสสังคมที่ทุกคนต้องลองดื่ม

ก่อนหน้านี้ในปี 2022 ภาพของ เซนเดย์อา (Zendaya) นักแสดงสาวชาวอเมริกัน ที่กำลังถือแก้วมัทฉะลาเต้ได้ถูกเผยแพร่ออกมา ทำให้คนอเมริกันแห่กันไปซื้อลองชิมรสชาติ แม้ในช่วงนั้นจะมีคนออกมาทำคลิปรีวิวว่า รสชาติมันไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย 

ถัดมาในปี 2024 ศิลปินสาวชาวอังกฤษที่เป็นดังไอคอนิกด้านความงามอย่าง ดูอา ลิปา (Dua Lipa) ก็ได้โพสต์ภาพเซลฟี่ของตัวเองคู่กับแก้วมัทฉะ และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มัทฉะกลายเป็นกระแสยาวมาจนถึงปีนี้

รวมไปถึง เฮลีย์ บีเบอร์ (Hailey Bieber) และคอร์ตนีย์ คาร์เดเชียน (Kourtney Kardashian) เหล่าเซเลบริตีที่มีอิทธิพลในโซเชียลที่ได้โพสต์ภาพแก้วมัทฉะ ยิ่งตอกย้ำว่ามัทฉะมันสุดแสนจะ Instagramable โซเชียลฯ ของอินฟลูเอนเซอร์จึงขาดรูปภาพของแก้วมัทฉะไปไม่ได้ ทำให้ยอดขายเพิ่มสูงขึ้น

“มัทฉะไม่ใช่แค่เครื่องดื่ม แต่เป็นสิ่งที่บ่งบอกไลฟ์สไตล์ ผู้คนสั่งมัทฉะลาเต้เพราะความสวยงามและรสชาติของมัน คนเห็นรูปมัทฉะลาเต้บนโซเชียลมีเดีย ก็รู้สึกอยากดื่มมัทฉะบ้าง” วาร์ดา (Warda) บาริสตาจากร้าน Black Street ในสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารออนไลน์ Artefact

อย่างไรก็ตาม ความนิยมชมชอบในมัทฉะของผู้คนทั่วโลก ไม่ได้ขยายกว้างกว่าแค่ซื้อดื่มตามกระแส แต่กลายเป็นสัญลักษณ์ของไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ การโพสต์ภาพมัทฉะลงโซเชียล หรือการเดินถือแก้วไปบนท้องถนน บ่งบอกถึงตัวตนของคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ และไม่ตกเทรนด์ ตัวอย่างเช่น เซนนาห์ ชอดรี (Zennah Chaudri) เทรนเนอร์ส่วนตัวจากลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่เธอจะสวมชุดออกกำลังกายแบรนด์ Lululemon ไปเล่นพิลาทิส แล้วปิดท้ายด้วยมัทฉะ 1 แก้ว ซึ่งเชื่อว่าในประเทศไทยเองหลายคนคงมีเพื่อนที่มีไลฟ์สไตล์แบบเดียวกันนี้

มัทฉะในฐานะวัฒนธรรมป็อป

หากลองทบทวนเล่นๆ ว่า อะไรบ้างที่เป็นเคยเป็นกระแสนิยมเป็นพักหนึ่งแล้วซาลงไป มีทั้งกาแฟอเมริกาโน่ที่ผ่านข้อถกเถียงมาว่า ไม่ต้องสั่งไม่หวาน เพราะชงแบบไม่ใส่น้ำตาลอยู่แล้ว หรืออย่างชานมไต้หวัน ที่ครั้งหนึ่งเราเคยเห็นร้านชานมไข่มุกเปิดทั่วทุกมุมถนน

ซึ่งเครื่องดื่มเหล่านี้มาพร้อมกับวัฒนธรรมย่อยอื่นๆ ตามมา ทั้งกาแฟที่ในทุกวันนี้มีมากมายหลายแบบให้เรียนรู้ลึกลงไปถึงการปลูก การคั่วเมล็ด วิธีการดื่ม และอื่นๆ

เช่นเดียวกับมัทฉะที่ในห้วงเวลานี้ได้ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในใจคนทั้งโลก จนกลายเป็นวัฒนธรรมป็อปไปเรียบร้อยแล้ว เพราะผู้ที่บริโภคมัทฉะไม่ใช่แค่ดื่มมัทฉะ แต่หลายคนได้เข้าไปสู่การเรียนรู้วัฒนธรรมชงชาแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ซึ่งหากเปิดโซเชียลฯ แล้วค้นหาการชงมัทฉะในทุกวันนี้ จะเห็นคลิปจากคนหลากหลายเชื้อชาติที่ชงมัทฉะกินเองที่บ้านด้วยอุปกรณ์ที่ครบครัน และนี่อาจเป็นจุดที่ทำให้คนทั่วโลกหันมาอินกับวัฒนธรรมอื่นๆ ของญี่ปุ่นมากยิ่งขึ้น รวมถึงในด้านภาษาที่ทำให้คนเริ่มศึกษาภาษาญี่ปุ่น 

ล่าสุด โลโค่ (LOCO) แรปเปอร์จากประเทศเกาหลีใต้ได้แต่งเพลง ‘Matcha High’ เล่าว่า ‘ตอนนี้ไลฟ์สไตล์ของฉันก็คือมัทฉะ’ และยังใส่ภาษาญี่ปุ่นลงไปในเพลงด้วย

สุดท้ายนี้หากถามว่า กระแสมัทฉะจะสิ้นสุดลงที่ตรงไหน คำตอบนี้ เอมีเลีย ทริลโล (Amelia Trillo) ผู้บริหาร Japan Centre ซูเปอร์มาร์เก็ตญี่ปุ่นในอังกฤษ ให้ความเห็นไว้ในปีที่แล้วว่า

“เทรนด์นี้จะดำเนินต่อไปอีก 2-3 ปี” ทริลโลกล่าว “แต่ฉันรู้สึกว่าในอนาคต เราจะหันมาดื่มชาชนิดอื่นที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น อย่างงาดำและโฮจิฉะที่กำลังได้รับความนิยมในรูปแบบของลาเต้”

แม้ว่าในอนาคตมัทฉะจะเสื่อมความนิยมลงไป แต่ในวันนี้มัทฉะคือภาพแทนชีวิตของคนใน 2025 และสะท้อนว่าเทรนด์ทางสังคมจะหมุนไปเรื่อยๆ รวมไปถึงไลฟ์สไตล์ของผู้คนด้วยเช่นกัน ซึ่งตอนนี้เราอาจเลือกดื่มมัทฉะ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่ในวันหนึ่งเราอาจลืมไปเลยก็ได้ว่ามัทฉะเป็นอย่างไร

อ้างอิง

https://www.theguardian.com/food/article/2024/jul/31/the-new-green-giant-how-matcha-took-over-the-world

https://matchatearapy.com/en/blogs/matcha-tearapy-blog/el-te-matcha-en-la-cultura-pop-por-que-esta-de-moda 

https://www.independent.co.uk/life-style/matcha-lattes-wellness-price-b2635082.html

https://teaenergy.co.jp/en/2024/10/18/why-matcha-sweets-are-popular-for-their-instagram-appeal/

https://theweek.com/culture-life/food-drink/matcha-tea

https://www.artefactmagazine.com/2025/02/21/why-are-we-all-so-obsessed-with-matcha/ 

https://ihsjournalism.online/8025/features/spill-the-matcha-a-cultural-wake-up-call/

Tags: , , , , , , ,