ในห้วงสัปดาห์นี้ระหว่างวันที่ 28-30 พฤษภาคม 2568 สภาผู้แทนราษฎรมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญเป็นพิเศษเพื่อพิจารณา ‘กฎหมายสำคัญ’ ของการบริหารราชการแผ่นดินอย่าง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ที่มีวงเงินจากภาษีของประชาชนสูงถึง 3.78 ล้านล้านบาท
ด้วยงบประมาณดังกล่าวทำให้ พ.ร.บ.ฉบับนี้กลายเป็น พ.ร.บ.งบประมาณแผ่นดินที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ภายใต้การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มีพรรคร่วมอื่นๆ เข้าบริหารงานด้วย
ทว่าสถานการณ์ปัจจุบัน การเมืองของประเทศตกอยู่ในสภาวะ ‘สงครามตัวแทน’ (Proxy War) ที่มีการสู้รบตบมือระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง แต่กรณีที่ร้อนแรงที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่อง ‘คดีฮั้วเลือก สว.’ ที่หลายฝ่ายมองว่า เป็นหนึ่งในสงครามระหว่าง ‘พรรคแดง’ และ ‘พรรคสีน้ำเงิน’ ที่เล่นกันรุนแรง ถึงขนาดที่มีกระแสข่าวว่า พรรคภูมิใจไทยจะไม่โหวตเห็นชอบใน พ.ร.บ.ดังกล่าว
ทำให้ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ต้องออกมาปฏิเสธถึงกระแสข่าวที่เกิดขึ้นในวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยกล่าวทำนองว่า กระแสข่าวที่เกิดขึ้นนั้นไม่ทราบว่าใครเป็นผู้พูด แต่ขอยืนยันว่า ไม่ใช่พรรคภูมิใจไทยอย่างแน่นอน เพราะทำงบประมาณในส่วนนี้ขึ้นเองทั้ง 4 กระทรวง ซึ่งมีงบประมาณกว่า 1 ล้านล้านบาท จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สนับสนุน
วันนี้ The Momentum จึงอยากชวนมาสำรวจงบประมาณรายจ่ายประจำรายกระทรวงที่ ‘เสี่ยหนู’ เอ่ยปากบอกด้วยตนเองว่า ได้จัดทำงบประมาณขึ้นมาเอง ว่างบประมาณที่พรรคภูมิใจได้มีหน้าตาเป็นอย่างไร มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นหรือน้อยลงจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีก่อนหน้าหรือไม่
โดยกระทรวงที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของพรรคภูมิใจไทยนั้นมีด้วยกันทั้งหมด 4 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงศึกษาธิการ, กระทรวงแรงงาน และกระทรวงกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
มาเริ่มที่กระทรวงภายใต้การดูแลของอนุทินอย่าง ‘กระทรวงมหาดไทย’ โดยในปีงบประมาณ 2569 ได้รับการจัดสรรอยู่ที่ 301,264,973,700 บาท ถือว่า ‘เพิ่มขึ้น’ จากปีก่อนหน้า ที่เคยได้รับอยู่ที่ 294,863,269,300 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 2.17% ขณะที่ ‘กระทรวงศึกษาธิการ’ ของพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ ได้รับการจัดสรรอยู่ที่ 355,108,477,500 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่เคยได้รับ 340,584,658,100 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 4.27% เป็น 2 กระทรวง ‘เกรดเอ’ ที่มีข้าราชการประจำเป็นจำนวนมาก
ขณะที่ ‘กระทรวงแรงงาน’ ของ พิพัฒน์ รัชกิจประการ ได้รับการจัดสรรอยู่ที่ 68,069,913,200 บาท จากที่ปีก่อนหน้าได้รับการจัดสรรที่ 67,772,307,800 บาท ถือว่าเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 297,605,400 บาท หรือคิดเป็น 0.44% และสำหรับกระทรวงสุดท้ายอย่าง ‘กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม’ ภายใต้การกำกับดูแลของ ศุภมาส อิศรภักดี ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ได้รับการจัดสรรอยู่ที่ 140,300,676,500 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่เคยได้รับ 132,294,156,000 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 6.05%
ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับสัดส่วนที่พรรคภูมิใจไทยได้รับทั้งหมด ในการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 จะพบว่า พรรคภูมิใจไทยมีงบประมาณในมือที่ดูแลถึง 864,744,040,900 บาท คิดเป็นประมาณ 22.87% ของงบประมาณทั้งหมด
จากความสำคัญของการพิจารณางบประมาณเพื่อการบริหารประเทศ อาจทำให้ ‘ความขัดแย้ง’ ระหว่าง 2 พรรคร่วมรัฐบาลจะต้องยุติชั่วคราวไปเสียก่อน เพื่อให้เรื่องของร่าง พ.ร.บ.ผ่านการพิจารณาในวาระที่ 1 ให้แล้วเสร็จ
หลังจากนั้นอนาคตระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลจะเป็นอย่างไร หรือนายกฯ จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่ ก็ต้องรอติดตามกันต่อไป
Tags: งบ69, Feature, งบประมาณ, พรรคภูมิใจไทย, รัฐสภา, ประชุมสภา, อนุทิน