เชื่อว่ามีหลายบ้านที่พ่อแม่เปรียบเทียบเรากับญาติหรือลูกคนข้างบ้านว่า ‘ลูกป้าคนนั้นเรียนเก่ง สอบติดหมอ’ หรือ ‘ลูกลุงคนนี้ทำงานในบริษัทใหญ่ ได้เงินเดือนสูง’ ซึ่งโดยทั่วไปมักจะถูกเปรียบเทียบกับคนที่วัยไล่เลี่ยกันที่ฉลาดกว่า มีความสามารถโดดเด่น หรือกระทั่งกิริยามารยาทดีกว่า
แต่หลายครอบครัวก็เปรียบเทียบลูกกับคนไม่รู้จักด้วย อย่างการเปรียบเทียบกับเด็กๆ ในรายการทีวี ที่มีต้นทุนชีวิตน้อยกว่า พื้นฐานครอบครัวยากจนและมีหนี้สิน เด็กๆ จึงต้องเดินทางมาโชว์ความสามารถออกรายการ เพื่อคว้าเงินรางวัลไปจุนเจือครอบครัว ซึ่งเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ของเด็กแต่ละคนที่แสนลำบากยากเข็ญก็ทำเอาคนดูที่เป็นพ่อเป็นแม่เสียน้ำตาไปตามๆ กัน และอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบลูกหลานของตัวเองกับเด็กๆ ที่สู้ชีวิต โดยประโยคคลาสสิกคงเป็น ‘ดูสิ เขารู้จักช่วยพ่อแม่ทำงานหาเงิน’ หรือคีย์เวิร์ดสำคัญคือคำว่า ‘ขยัน’ และ ‘กตัญญู’
แต่ไม่ว่าจะเปรียบเทียบกับใคร คำถามที่ลูกอดสงสัยไม่ได้คือ ทำไมพ่อแม่ถึงชอบเปรียบเทียบ โดยในประเด็นนี้มีข้อมูลจากมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก ซึ่งเป็นองค์กรที่ช่วยให้สังคมตระหนัก และรับรู้สภาพความเป็นจริงของปัญหาการละเมิดสิทธิเด็ก ระบุว่า การพูดเปรียบเทียบบุตรหลานเป็นเครื่องมือหนึ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครองนำมาใช้เมื่อต้องการให้บุตรหลานทำหรือเป็นอย่างที่ตนต้องการ ซึ่งมีเหตุผลมาจากความคาดหวังในตัวลูก ความปรารถนาดีอยากให้ลูกประพฤติตัวตามแบบอย่างที่ดี และความรู้สึกโกรธ หงุดหงิดที่ลูกไม่ได้ดั่งใจ
ทั้งนี้ผลเสียของการเปรียบเทียบทำให้ลูกไม่มั่นใจ มองไม่เห็นคุณค่าในตนเอง เกิดการตั้งคำถามกับตัวเองจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต และอาจแสดงพฤติกรรมต่อต้าน ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว
ในกรณีที่พ่อแม่มักเปรียบเทียบลูกกับคนรู้จักหรือคนใกล้ตัว คนกลุ่มนี้มักจะมีฐานะทางการเงินที่ใกล้เคียงหรือสูงกว่าครอบครัวของเรา และด้วยความที่ต้นทุนชีวิตเท่ากัน ทำให้บางครั้งลูกก็รู้สึกแย่จนตั้งคำถามขึ้นในใจว่า ‘ทำไมเราไม่เก่งเท่าเขา’ ซึ่งเป็นสัญญาณของการเริ่มสูญเสียความเชื่อมั่นในตนเอง
แต่สำหรับลูกหลายคนที่ถูกเปรียบเทียบกับเด็กๆ ในทีวีบ่อยครั้ง บางคนก็ไม่กล้าโต้แย้งพ่อแม่ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า เด็กๆ เหล่านั้นก็ขยันขันแข็งมากกว่าเราจริงๆ ทั้งยังเก่งเกินวัย เพราะความขัดสนบีบบังคับให้เด็กๆ ในรายการต้องรีบโต และอาจต้องใช้แรงงานเกินกว่าเด็กเพื่อทำงานหาเงิน ไม่ว่าจะเอาไปจ่ายค่าเทอม หรือช่วยพ่อแม่ปลดหนี้ เราจึงเกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ แล้วเมื่อพ่อแม่นำเราไปเปรียบเทียบกับเด็กกลุ่มนี้ เราจึงมักปล่อยผ่าน ไม่ตั้งคำถามกับตัวเอง แต่หันมาตั้งคำถามกับสังคม กระทั่งสวัสดิการของภาครัฐเสียมากกว่า
อย่างไรก็ตามแม้ลูกหลายคนจะไม่เก็บคำเปรียบเทียบกับเด็กๆ ในรายการทีวีมาใส่ใจ แต่หากพ่อแม่พูดเปรียบเทียบบ่อยๆ เกือบทุกครั้งที่เปิดทีวี ก็ถือว่าเป็นการทำลายบรรยากาศดีๆ ในบ้าน ทำให้ลูกรู้สึกเบื่อหน่าย และอาจสะสมจนทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวแย่ลงได้
ดังนั้นพ่อแม่ผู้ปกครองควรเรียนรู้ที่จะกล่าวชื่นชมเด็กคนอื่น โดยไม่เปรียบเทียบและบั่นทอนจิตใจลูกหลานตนเอง และหันมาเอ่ยปากชื่นชมในสิ่งที่ลูกหลานของเราทำสำเร็จบ้าง เพื่อความสัมพันธ์อันดีในครอบครัว
อ้างอิง
– https://www.thaihealth.or.th/ช่างเปรียบเทียบ-มีผลเส-2/
– https://www.thaichildrights.org/articles/article-tip/เคยบ้างไหม-ที่พูดเปรีย/
– https://vt.tiktok.com/ZSMV7kbgG/
Tags: ครอบครัว, family, Family Tips, ลูก, เปรียบเทียบลูก, รายการเรียกน้ำตา