ปฏิเสธไม่ได้ว่า กรณีปลาหมอคางดำระบาดเป็นหายนะทางระบบนิเวศที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี และเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้สาธารณชนกลับมาตื่นตัวเรื่องผลกระทบที่สายพันธุ์ต่างถิ่นมีต่อสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิต และความมั่นคงทางอาชีพของคนไทยมากขึ้น

นอกจากปลาหมอคางดำที่กำลังระบาดเกินควบคุมในน่านน้ำฝั่งอ่าวไทยแล้ว เมื่อเร็วๆ นี้ยังมีประเด็นของอิกัวนาเขียวในภาคกลางและกุ้งเครย์ฟิชในภาคเหนือ ที่ชาวบ้านเริ่มพบเห็นกันจนชินตา ทั้งหมดที่ยกตัวอย่างไว้ข้างต้นคือ สายพันธุ์ที่รู้จักกันแพร่หลายในฐานะเอเลียนสปีชีส์

ทว่ายังมีสายพันธุ์สิ่งมีชีวิตอีกจำนวนไม่น้อย ที่ไม่เคยได้รับการเปิดตัวสู่สังคมในฐานะสายพันธุ์รุกราน เนื่องจากถูกนำเข้ามาในยุคที่สังคมยังไม่คุ้นเคยกับแนวคิดเอเลียนสปีชีส์ อะไรออกดอกงาม อะไรกินอร่อย ก็นำเข้ามาไว้ก่อน และพอถึงจุดหนึ่ง สังคมก็เริ่มคุ้นชินกับการมีอยู่ของสายพันธุ์เหล่านี้จนหลงลืมไปว่า เดิมทีมาจากต่างถิ่นเช่นกัน

1. เฟื่องฟ้า (Bougainvillea หรือ Paperflower)

ถิ่นกำเนิด: ประเทศบราซิล

ปีที่นำเข้า: 2423

สถานะ: ต่างถิ่นมีประวัติรุกรานในประเทศอื่น

แม้จะเป็นดอกไม้ที่พบเห็นได้บ่อย แต่เรากลับไม่เคยเห็นชื่อดอกเฟื่องฟ้าในวรรณคดีไทย นั่นเป็นเพราะว่าไม้ดอกชนิดนี้ค้นพบครั้งแรกที่ประเทศบราซิลเมื่อราวคริสต์ศตวรรษที่ 18 ก่อนนำส่งไปปลูกเป็นต้นไม้สวยงามตามสถานที่ต่างๆ ทั่วโลกในภายหลัง รวมถึงประเทศไทยที่มีการนำพันธุ์เข้ามาจากสิงคโปร์ครั้งแรกเมื่อปี 2423 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 ปรากฏว่าเจริญเติบโตได้ดีในประเทศไทยอย่างมาก ด้วยสภาพภูมิอากาศที่มีส่วนคล้ายคลึงกับแหล่งกำเนิด

คนไทยนิยมปลูกเฟื่องฟ้าไว้ประดับตกแต่งบริเวณบ้าน เนื่องจากสามารถตัดแต่งหรือดัดให้เป็นรูปร่างต่างๆ ได้ง่าย แม้จะไม่ได้ถูกจัดเป็นพืชรุกรานในประเทศไทย แต่ด้วยความแข็งแรง ทนทาน ปลูกง่าย โตไว ระบบรากแผ่ออกกว้าง แถมยังบานได้ตลอดปี เฟื่องฟ้าจึงมีประวัติในฐานะพืชต่างถิ่นรุกรานในบางพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นฮอนดูรัส ตรินิแดดและโตเบโก และรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

2. หอยเชอรี่ (Golden Apple Snail)

ถิ่นกำเนิด: ทวีปอเมริกาใต้

ปีที่นำเข้า: 2525-2526

สถานะ: ต่างถิ่นรุกราน 

หอยต่างถิ่นชนิดนี้ถูกนำเข้ามาผ่านทางญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ เพื่อเพาะเลี้ยงไว้ขายเป็นหอยสวยงามในตู้ปลา อีกทั้งยังมีแนวคิดจะส่งออกไปขายเป็นอาหารด้วย แต่เนื่องจากหอยเจริญเติบโตและสืบพันธุ์ได้รวดเร็วมาก จึงแพร่กระจายไปสู่แหล่งน้ำและนาข้าวในท้องที่รอบๆ กรุงเทพฯ สร้างความเสียหายแก่ต้นข้าวและพืชน้ำเศรษฐกิจต่างๆ เป็นมูลค่ามหาศาล นับเป็นวิกฤตการณ์ปลาหมอคางดำแห่งยุคนายกฯ เปรม ติณสูลานนท์ เลยทีเดียว

การระบาดครั้งนั้นทำให้ปัจจุบันเราพบหอยเชอรี่ได้ทั่วไทย และหลังจากเวลาล่วงเลยมาถึง 40 ปี คนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่งที่เกิดไม่ทันเหตุการณ์นี้ก็พากันเข้าใจไปว่า หอยเชอรี่เป็นหอยพื้นถิ่นของไทยเช่นเดียวกับหอยโข่ง

3. ยุงลายบ้าน (Tiger Mosquito)

ถิ่นกำเนิด: ทวีปแอฟริกา

ปีที่ระบาดเข้ามา: 2450-2453

สถานะ: ต่างถิ่นรุกราน

ยุงลายบ้านนับเป็นพาหะหลักของโรคไข้เลือดออก ที่คุกคามหลายพื้นที่ในเอเชียมาตลอดประวัติศาสตร์ยุคสมัยใหม่ หากเป็นยุงลายสวนอาจยังพอนับได้ว่า เป็นแมลงดูดเลือดที่อยู่คู่ประเทศไทยและเอเชียมาหลายศตวรรษ แต่หากเป็นยุงลายบ้าน เพิ่งเริ่มมีรายงานสำรวจพบยุงลายบ้านครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 5 หรือเมื่อปี 2450-2453 บริเวณจังหวัดปทุมธานี แล้วภายใน 15 ปี ยุงลายก็เริ่มแพร่ระบาดไปทั่วกรุงเทพฯ 

ถัดมาอีก 15 ปีหลังจากนั้น ในช่วงราวปี 2480 ก็เริ่มมียุงลายให้เห็นตามชุมทางและหมู่บ้านใกล้ๆ ทางรถไฟสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ในขณะที่ชุมชนที่โดดเดีjยวและห่างไกลจะไม่มียุงชนิดนี้ปรากฏให้เห็น และจากนั้นในปี 2501 ก็มีการตรวจพบโรคไข้เลือดออกจากเชื้อไวรัสเดงกีเป็นครั้งแรก

4. ดอกรัก (Crown Flower)

ถิ่นกำเนิด: ภูมิภาคเอเชียกลาง อินเดีย และจีน

ปีที่นำเข้า: ไม่ปรากฏหลักฐาน

สถานะ: ต่างถิ่นรุกราน

แม้อยู่คู่กับวัฒนธรรมไทยมานานจนถูกนำไปใช้เป็นดอกไม้พื้นฐานสำหรับร้อยมาลัย แต่ดอกรักถูกจัดเป็นพืชต่างถิ่นรุกรานที่มีระดับการระบาดมากในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนะนำให้มีการควบคุมและกระทั่งกำจัดต้นรักที่พบว่า โตอยู่ในพื้นที่ที่ไม่รัดกุม เสี่ยงต่อการแพร่ขยายสู่ภายนอก

ต้นรักสามารถขยายพันธุ์ได้เองตามธรรมชาติโดยไม่ต้องดูแล เป็นพืชที่ต้องการแสงแดดมาก มีพฤติกรรมคล้ายวัชพืช คือหลังจากเจริญเต็มวัยจะผลิตเมล็ดที่ปลิวตกหรือเดินทางออกไปนอกพื้นที่ได้ง่าย และหากมีแสงและความชุ่มชื้นเพียงพอก็สามารถสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศเองได้ด้วยการแตกหน่อ

5. ต้อยติ่งเทศ (Minnieroot)

ถิ่นกำเนิด: หมู่เกาะเวสต์อินดีส

ปีที่นำเข้า: 2450-2453

สถานะ: ต่างถิ่นรุกราน

แม้หน้าตาคล้ายกันจนยากจะแยก แต่ต้อยติ่งชนิดนี้คือคนละอย่างกับต้อยติ่งไทย ที่ปรากฏให้เห็นในบทกลอนหรือเพลงรักมาช้านาน เบื้องหลังฉากหน้าของกลีบดอกสีม่วงงามชูช่อ คือภัยเงียบต่อความหลากหลายทางชีวภาพที่หาชมได้ทุกหัวมุมถนน

ความน่ากลัวของต้อยติ่งเทศคือความอึด ทนทาน และปรับตัวเก่ง พืชชนิดนี้จึงสามารถเติบโตได้ในทุกสภาพแวดล้อม ไม่ว่าสภาพอากาศจะแห้งแล้งเพียงใดก็ตาม นี่คือสาเหตุที่เราพบเห็นดอกไม้ชนิดนี้มีชีวิตรอดอยู่ตามซอกตึก หรือรอยแตกบนทางเท้าคอนกรีต

นักวิจัยจากสำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืชกล่าวว่า ต้อยติ่งเทศมีศักยภาพที่จะรุกรานจนนำไปสู่การสูญเสียพันธุ์พืชท้องถิ่นที่มีคุณค่าของไทย จึงแนะนำให้ประชาชนควรเลือกปลูกพืชท้องถิ่นชนิดอื่นทดแทน เพื่อรักษาสมดุลทางธรรมชาติ พร้อมช่วยกันสอดส่องดูแลไม่ให้ต้อยติ่งเทศแพร่ระบาดเข้าไปใกล้พื้นที่อนุรักษ์โดยเด็ดขาด

6. จามจุรี (Rain Tree)

ถิ่นกำเนิด: ทวีปอเมริกาใต้

ปีที่นำเข้า: 2443

สถานะ: ต่างถิ่นรุกราน

จามจุรีเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าต้นก้ามปูหรือต้นฉำฉา อ้างอิงจากนิตยสารศิลปวัฒนธรรม มีการนำพันธุ์ผ่านเข้ามาทางพม่า และทดลองปลูกเป็นครั้งแรกที่ที่ทำการป่าไม้เขตเชียงใหม่ โดย เอช. สเลด (H. Slade) ชาวอังกฤษผู้เชี่ยวชาญด้านป่าไม้ผู้ดำรงตำแหน่งเจ้ากรมป่าไม้คนแรกของไทย หลังพบว่า เป็นพืชที่เติบโตรวดเร็ว จึงได้นำไปปลูกตามริมถนน ทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ

ปัจจุบันนอกจากที่เพาะปลูกเป็นร่มเงาใกล้ๆ กับอาคารต่างๆ เรามักพบเห็นต้นจามจุรีขึ้นตามที่รกร้างในเขตเมือง ส่วนในชนบทมักขยายพันธุ์อยู่ตามชายป่า เมื่อต้นจามจุรีโตเต็มที่จะมีเรือนยอดที่แผ่ปกคลุมแสงกว้างไกล ทำให้พรรณไม้อื่นๆ ขึ้นได้เบาบางลง แม้จะมีประโยชน์หากปลูกเอาไว้ในหน่วยงานหรือสถานศึกษา แต่ในแง่ของระบบนิเวศป่าไม้ ถือเป็นพันธุ์พืชที่ทำลายความหลากหลายทางชีวภาพ

7. ปลาหางนกยูง  (Guppy)

ถิ่นกำเนิด: ทวีปอเมริกาใต้

ปีที่นำเข้า: สมัยรัชกาลที่ 5

สถานะ: ต่างถิ่นไม่รุกราน

อีกหนึ่งสายพันธุ์ที่เข้ามาผูกสายสัมพันธ์เหนียวแน่นกับวัฒนธรรมการเลี้ยงปลาสวยงามของคนไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 หากยังจำกันได้สมัยก่อนเวลาเกิดการระบาดของยุงลายและโรคไข้เลือดออก กระทรวงสาธารณสุขมักออกมารณรงค์ให้คนไทยเลี้ยงปลาหางนกยูงไว้ในภาชนะบรรจุน้ำภายในบ้าน เพื่อกินลูกน้ำและยุง (ยุคหลังๆ มักรณรงค์ให้ปิดฝา หรือคว่ำภาชนะเป็นหลัก)

ปัจจุบันเราสามารถพบปลาหางนกยูงได้ในแหล่งน้ำจืดและกร่อยตามธรรมชาติ ปะปนกับปลาขนาดเล็กสายพันธุ์พื้นเมือง แม้ปลาหางนกยูงตามธรรมชาติจะมีสีเรียบๆ ไม่สวยงามแปลกตาเท่าที่เลี้ยงกันในอ่างบัว แต่ก็ยังขยายพันธุ์ได้ไว เอาตัวรอดเก่งพอๆ กัน แต่ด้วยขนาดที่เล็กจิ๋ว สามารถตกเป็นอาหารของสัตว์น้ำชนิดอื่นได้ การมีอยู่ของปลาหางนกยูงจึงไม่ได้รบกวนระบบนิเวศตามธรรมชาติมากนัก

8. ปลานิล (Nile Tilapia)

ถิ่นกำเนิด: ลุ่มน้ำไนล์

ปีที่นำเข้า: 2508

สถานะ: ต่างถิ่นมีประวัติรุกรานในประเทศอื่น

เรื่องราวของปลานิลในประเทศไทยเริ่มต้นขึ้นเมื่อสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะแห่งญี่ปุ่น (ที่เพิ่งสละราชสมบัติไปเมื่อปี 2562) เสด็จเยือนไทยเป็นครั้งแรกเมื่อครั้งยังดำรงยศมกุฎราชกุมาร แล้วถวายปลานิลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้ทรงเลี้ยงไว้ในบ่อที่สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต จำนวน 50 ตัว แล้วหลังจากนั้นเพียง 5 เดือน ปลานิลในบ่อก็ขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว ทางสวนจิตรลดาจึงมอบปลาให้กับกรมประมง 1 หมื่นตัว เพื่อขยายพันธุ์และแจกจ่ายประชาชนได้นำไปเลี้ยงต่อทั่วประเทศ

ในปัจจุบันแหล่งน้ำตามธรรมชาติของไทยก็มีปลานิลปะปนอยู่ด้วยเช่นกัน แม้จะยังไม่เคยมีการบันทึกถึงผลกระทบที่ชัดเจนโดยตรงในเวลาอันสั้น แต่เมื่อแพร่ขยายในแหล่งน้ำใดแล้ว ก็จะไม่สามารถฟื้นคืนกลับสู่สภาพก่อนหน้าได้ จึงยังคงไม่แนะนำให้ปล่อยปลานิลลงในแหล่งน้ำใดๆ ในธรรมชาติเพิ่มอีก

9. กระถินยักษ์ (Popinac)

ถิ่นกำเนิด: ทวีปอเมริกา

ปีที่นำเข้า: 2509

สถานะ: ต่างถิ่นรุกราน

พืชชนิดนี้มีชื่อสามัญที่หลอกให้คนไทยตายใจมานักต่อนักว่า ‘กระถินไทย’ โดยเป็นพืชที่นำเข้ามาทดลองปลูกโดยอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเคนตักกี สหรัฐฯ ที่มาประจำที่ศูนย์เกษตรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น มีอัตราการเจริญเติบโตสูง แพร่กระจายไว ทนต่อสภาพอากาศที่รุนแรงได้ ทำให้แก่งแย่งพื้นที่และธาตุอาหารจนพืชพื้นถิ่นไม่อาจเติบโตร่วมกับกระถินยักษ์ได้

อ้างอิงจากข้อมูลของ IUCN ปัจจุบันกระถินยักษ์ถือเป็น 1 ใน 100 สายพันธุ์ต่างถิ่นรุกรานที่น่ากลัวที่สุดของโลก หน่วยงานหลายแห่งและมูลนิธิป่าไม้ของไทยจึงเริ่มหันมารณรงค์ไม่ให้นำพืชชนิดนี้เข้าไปเพาะปลูกใกล้พื้นที่ป่า

10. ธูปฤๅษี (Narrowleaf cattail)

ถิ่นกำเนิด: ทวีปยุโรปและอเมริกา

ปีที่นำเข้า: ไม่ปรากฏหลักฐาน

สถานะ: ต่างถิ่นรุกราน

อีกหนึ่งสายพันธุ์พืชที่ไม่ทราบประวัติการนำเข้ามาในไทย จึงมีการคาดเดากันว่า อาจเป็นพืชพันธุ์ที่ปนเปื้อนมากับสินค้า วัสดุ อุปกรณ์ หรือสัมภาระต่างๆ ในระบบคมนาคม แล้วเมื่อพบสภาพที่เหมาะสม ธูปฤๅษีก็จะงอกและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว 

ปัจจุบันแพร่ระบาดรุกรานจนก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อทั้งระบบนิเวศน้ำเค็มและน้ำจืดของประเทศไทยทั่วทุกภูมิภาค นอกจากทำให้พรรณพืชดั้งเดิมประเภทกก หญ้า ไม้ล้มลุก และไม้พุ่มที่ขึ้นตามริมน้ำสูญหายไปจากระบบนิเวศ ธูปฤๅษียังก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นจากน้ำที่เน่าเสียอีกด้วย

11. แมวบ้าน (Cat)

ถิ่นกำเนิด: ไม่ปรากฏหลักฐาน

ปีที่นำเข้า: ไม่ปรากฏหลักฐาน

สถานะ: สัตว์ต่างถิ่นรุกราน 

เนื่องจากแมวป่าที่มีอยู่ตามธรรมชาติในประเทศไทยไม่มีไม่มีความใกล้ชิดทางพันธุกรรมกับแมวบ้านที่เราเลี้ยงกัน รวมถึงแมวจรจัดที่ปรากฏตัวใกล้ชุมชนมนุษย์ จึงเชื่อกันว่าแมวบ้านเหล่านี้น่าจะสืบเชื้อสายมาจากแมวป่าแอฟริกัน เช่นเดียวกับแมวบ้านทั่วโลก

ปัจจุบันเจ้าสัตว์เอเลียนตัวฉกาจหน้าตาน่าเอ็นดูพวกนี้ ถือเป็นภัยคุกคามต่อสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ทั่วโลกอย่างยิ่ง โดยเท่าที่มีบันทึกไว้ในรอบ 500 ปีที่ผ่านมา แมวได้ทำให้สัตว์นานาชนิด ทั้งประเภทนก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก สัตว์ฟันแทะ สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกสูญพันธุ์ไปแล้วถึงมาก 430 ชนิด

ใครที่เลี้ยงแมวเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านที่เลี้ยงระบบเปิด จึงควรให้แมวสวมปลอกคอติดกระพรวนหรือกระดิ่ง เพื่อลดโอกาสที่นักล่าตัวน้อยจะไปรบกวนระบบนิเวศในชุมชนของเรา

อ้างอิง

https://www.npru.ac.th/en/floral.php

https://www.doctor.or.th/article/detail/1479 

https://www.picturethisai.com/th/wiki/Bougainvillea_glabra.html 

http://lib.doa.go.th/multim/BB01042.pdf 

https://nih.dmsc.moph.go.th/login/filedata/Mosq_Control.pdf 

https://www.dnp.go.th/botany/PDF/publications/Invasive%20plants.pdf 

https://www.silpa-mag.com/history/article_9207 

https://fishingthai.com/story-guppy-in-thailand/

https://www4.fisheries.go.th/local/index.php/main/view_blog2/1220/64289/2315 

https://www.bangkokbiznews.com/health/social/1024745 

https://www.seub.or.th/bloging/knowledge/leucaena-leucocephala/ 

Tags: , , , , , , , ,