คริสต์มาสเป็นหนึ่งในคุณค่าของคนในวัฒนธรรมตะวันตก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา แต่คุณค่าที่เราจะพูดถึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของศาสนา หากเป็นเรื่องการดูหนังของคนอเมริกันในช่วงวันหยุดยาวคริสต์มาสไปจนถึงปีใหม่ ซึ่งต้องถือว่าในสมัยที่บริการสตรีมมิงยังไม่ครองเมือง นี่คือช่วงเวลาทองของโรงหนังและบรรดาค่ายหนังต่างๆ ที่จะเข็นหนังเด็ดๆ ขวัญใจครอบครัวออกฉาย เป็นฤดูทำเงินโค้งสุดท้ายของหนังลงทุนสูง ก่อนจะเข้าสู่ฤดูหนังสร้างชื่อช่วงต้นปีเพื่อรับกระแสออสการ์

ฉะนั้นสำหรับคอหนังสายแข็ง นี่คือช่วงตะลุยดูหนังยาวข้ามปีของจริง

ไม่มีใครรู้ว่าธรรมเนียมการดูหนังช่วงคริสต์มาสของคนอเมริกันเริ่มมาตั้งแต่เมื่อใด หรือธรรมเนียมการสร้างหนังคริสต์มาสใครเป็นคนเริ่มกันแน่ แต่หากวิเคราะห์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมหนังสหรัฐอเมริกาในช่วง Golden Age ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ช่วง 1919-1960 หนังคริสต์มาสเติบโตตามการขยายตัวของชนชั้นกลาง โรงหนังและค่ายหนังก็เติบโตตามความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการหนังใหม่ๆ เช่นกัน

หากนับจากหนังเก่าๆ ที่เคยออกฉาย ที่มีเนื้อหาล้อไปกับช่วงเทศกาลคริสต์มาส หนังเรื่อง The Bell of St.Mary อาจถือเป็นหมุดหมายหนึ่งที่สำคัญของยุคแห่งการเริ่มต้นหนังคริสต์มาส หนังดังกล่าวนำแสดงโดยดาราดังคู่ขวัญในยุคนั้นอย่าง บิง ครอสบี (Bing Crosby) และ อิงกริด เบิร์กแมน (Ingrid Bergman) เนื้อหาเกี่ยวกับนักบวชและแม่ชีในโรงเรียนประจำ ที่ต้องช่วยนักเรียนซึ่งติดอยู่ในโรงเรียนช่วงคริสต์มาส (ฟังดูเหมือนหนังเรื่อง Home Alone เหมือนกัน) หนังออกฉายช่วงคริสต์มาสของปี 1948 และประสบความสำเร็จอย่างงดงาม กลายเป็นต้นแบบของหนังคริสต์มาสแนวรอม-คอมในเวลาต่อมา

แล้วหนังคริสต์มาสเขานิยามกันที่ตรงไหนหนอ 

มีการวิเคราะห์กันไปต่างๆ นานาว่า หนังประเภทไหนที่ควรเข้าข่ายเป็นหนังคริสต์มาส เพราะหนังที่เข้าฉายในช่วงคริสต์มาส บางคนก็ไม่ถือว่าเป็นหนังคริสต์มาส เช่นหนังอย่าง Die Hard หรือ Harry Potter แม้จะเข้าฉายช่วงปลายปี มีฉากที่เกี่ยวกับคริสต์มาสอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้นับว่าเป็นหนังคริสต์มาส

สตีเฟน ฟอลโลว์ นักวิจารณ์และนักวิจัยเกี่ยวกับภาพยนตร์ เคยวิเคราะห์เกี่ยวกับหนังคริสต์มาสไว้อย่างน่าสนใจ เขากล่าวว่าหนังคริสต์มาสสำหรับฮอลลีวูดควรมีองค์ประกอบอย่างน้อยสองสามข้อ เช่น หนังที่เคลมตัวเองว่าเป็นหนังคริสต์มาสน่าจะต้องมีเพลงที่เกี่ยวกับคริสต์มาสประกอบในหนัง (คุณน่าจะเดาได้ว่าเพลงที่ถูกใช้มากที่สุดในหนังคริสต์มาสคือเพลงอะไร-ถูกต้อง Jingle All The Way ตามมาด้วย Deck The Hall และ Joy to the World) มีช่วงเวลาในการออกฉายก่อนคริสต์มาสไม่เกินสองเดือน และแก่นแกนของหนังต้องสอดคล้องกับความคาดหวังของคนดู ที่ต้องการเห็นอะไรที่เกี่ยวกับคริสต์มาสไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และควรเป็นหนังฟีลกู้ดที่เรารู้ว่าตอนจบจะไม่ทำร้ายจิตใจเราให้ย่อยยับ

หนังคริสต์มาสในช่วงตั้งแต่ปี 1988-2017 จะนิยมเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ประมาณ 7-3 สัปดาห์ ก่อนสัปดาห์ของวันหยุดยาวจะเริ่มต้น ซึ่งเป็นช่วงที่หนังจะมีโอกาสทำเงินได้ดีที่สุด ธรรมเนียมของหนังคริสต์มาสจะเริ่มเข้าฉายตั้งแต่หลังวันหยุดเทศกาลขอบคุณพระเจ้าเรื่อยไป ใครที่ยืนระยะได้นานก็จะมีโอกาสเก็บเกี่ยวได้มาก หากเข้าสู่ช่วงวันหยุดคริสต์มาสคนอาจเลือกออกมาดูหนังน้อยลง ทั้งเพราะอากาศที่หนาว กิจกรรมกับครอบครัว ฯลฯ พวกเขาอาจเลือกหนังจากบริการของเคเบิลมากกว่า หรือสมัยนี้ก็ต้องสตรีมมิง มากกว่าจะออกไปโรงหนัง ส่วนหนังที่เขาฉายในช่วงนี้ไม่ทันด้วยประการทั้งปวง ก็อาจเลื่อนไปฉายในช่วงปีใหม่เลยไปจนถึงต้นกุมภาพันธ์ แต่ก็มักไม่ประสบความสำเร็จด้านรายได้

จากสถิติที่ผ่านมา หนังคริสต์มาสที่ประสบความสำเร็จในแง่ของการจดจำมากที่สุด จากการจัดอันดับของ IMDb อันดับหนึ่ง เป็นของหนังแฟรนไชส์ Home Alone มีคนนึกถึงหนังเรื่องนี้เกือบ 70% เมื่อพูดถึงหนังคริสต์มาส ส่วนอันดับสองได้แก่ Elf และอันดับสาม The Santa Clause เวอร์ชันที่นำแสดงโดย ทิม อัลเลน (Tim Allen) ในปี 1992

แต่หากจะพูดถึงอันดับหนังคริสต์มาสที่ทำเงินสูงสุด อันดับหนึ่งตกเป็นของ The Grinch หนังแอนิเมชันในปี 2018 ที่ทำรายได้แซงหน้า Home Alone ซึ่งมาเป็นที่สองในตารางของหนังคริสต์มาสที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาล

เสน่ห์ของหนังคริสต์มาสคือความไม่มีพิษภัย โดยเฉพาะใครที่เป็นแฟนหนังแนวโรแมนติกคอเมดี้ นี่คือช่วงเวลาที่คุณมีโอกาสเลือกดูหนังแนวนี้เต็มไปหมด

สัปดาห์นี้ เราเลือกหนังน่าดูจากหลากหลายผู้ให้บริการสตรีมมิงที่หาดูได้ในบ้านเรามาแนะนำกัน ลองมาดูกันว่ามีหนังใหม่ๆ เรื่องไหนที่น่าดูบ้าง

Love Hard | Netflix

เรื่องราวของสาวคอนเทนต์ครีเอเตอร์ออนไลน์ บนแพลตฟอร์มชื่อดังที่อับเฉาเรื่องความรัก จนกระทั่งเธอได้เจอกับชายหนุ่มบนแอพฯ เดต ซึ่งอยู่ต่างเมือง เรื่องเริ่มไปกันใหญ่เมื่อเธอตัดสินใจไปเจอหนุ่มคนนั้น แต่เรื่องราวทุกอย่างก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดไว้ เพราะคนที่คิดว่าใช่กลับไม่ใช่ ทว่าเรื่องราวก็กลับตาลปัตรอีกครั้ง เมื่อความไม่ใช่กำลังทำให้เธอได้เจอรักใหม่ที่ดูเหมือนน่าจะลงตัว

หนังดูน่ารัก เรื่องราวเดาได้เกือบหมดตั้งแต่ดูตัวอย่างหนัง แต่มันก็ยังน่าดูอยู่ดี เนื้อหาดูร่วมสมัยดูเพ้อฝันนิดๆ สไตล์ซีรีส์เกาหลี เอาเป็นว่าคุณสามารถดูได้โดยไม่รู้สึกเสียเวลา

A Castle For Christmas | Netflix 

หนังเอาใจผู้ใหญ่ เรื่องราวของนักเขียนรุ่นใหญ่ (นำแสดงโดย บรูก ชีลด์ส) ที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานมาตลอด จนกระทั่งหนังสือเล่มล่าสุดของเธอที่โดนวิจารณ์เละและล้มเหลวไม่เป็นท่า เธอตัดสินใจเดินทางไปพักผ่อนที่สกอตแลนด์ และพบว่าเธอตกหลุมรักที่นั่น และต้องการจะซื้อปราสาทหลังหนึ่งที่เธอถูกใจ แต่ก็ต้องผ่านด่านแสนหินคือเจ้าของปราสาท (นำแสดงโดย แครี เอลส์) ที่ไม่ยอมขายให้เธอง่ายๆ

หนังให้อารมณ์พ่อแง่แม่งอน แต่บอกตามตรงว่าหนังความรักแบบผู้ใหญ่ที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะอิน ความสนใจอย่างเดียวสำหรับเราที่ทำให้คลิกเข้าไปดูคือชื่อผู้กำกับที่ทำซีรีส์แนวดราม่าหนักๆ อย่าง The Blacklist มาก่อน แต่หันมากำกับหนังรักเบาๆ ผลจะออกมาเป็นอย่างไร อันนี้ต้องไปตามดูกันเอง

8-Bit Christmas | HBOGO

หนังโปรโมตไว้ว่ามาจากทีมผู้สร้าง Elf ซึ่งเป็นหนังที่ทำเงินในช่วงคริสต์มาสสูงสุดตลอดกาล เรื่องนี้จึงดูมีเครติดขึ้นมาทันที และดูน่าสนุก หากคุณเป็นคนในรุ่น Gen X ก็น่ารู้สึกร่วมสมัยอยู่บ้าง

นี่คือเรื่องราวของพ่อ (นำแสดงโดย นีล แพทริก แฮริส) ที่เล่าวีรกรรมของเขาตอนเป็นเด็กอายุสิบขวบ (นำแสดงโดย วินสโลว เฟกลีย์) ในชิคาโก ที่ตามล่าหาของขวัญที่เป็นที่ใฝ่ฝันของเด็กทั่วโลกมากที่สุดในยุคนั้น นั่นคือเครื่องเล่นเกมนินเทนโด เนื้อเรื่องดูน่าสนุก การไล่ล่าหาเกมของเด็กๆ ให้ความรู้เหมือนกับที่ตัวละครในหนังพูดว่า นี่คือสงครามเวียดนามสำหรับเด็กสิบขวบ

Single All The Way | Netflix

ความน่าสนใจที่สุดของหนังเรื่องนี้คือ ความพยายามจะฉายภาพวิถีชีวิตของเกย์หนุ่มที่ยังหาคู่ไม่ได้ แต่ต้องกลับไปฉลองคริสต์มาส พร้อมกับคำถามที่โดนถามจากครอบครัวที่รู้ว่าเขาเป็นเกย์ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขายังโสด เป็นที่มาของการหาแฟนปลอมๆ เพื่อพาไปรู้จักกับครอบครัวของเขาในช่วงวันหยุดยาว แม้หนังพยายามเจาะกลุ่มคนดูใหม่ๆ เน้นความหลากหลายเรื่องเพศและสีผิว ด้วยบรรยากาศเชิงบวกในหนัง แต่หนังก็ดูไม่ได้ทำให้เราอินไปกับความรักความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ได้มากนัก เป็นหนังที่ดูไปเรื่อยๆ ได้ แต่หากคุณจะเลิกดูกลางคัน อย่าเสียดายเวลา เพราะจริงๆ คุณก็ไม่ได้พลาดอะไรไป

A Boy for Christmas | Netflix

หนังแนว Chronicles of Narnia เรื่องราวที่ว่าด้วยการกำเนิดคริสต์มาส หนังเล่าย้อนไปก่อนยุคที่ผู้คนจะรู้จักการเฉลิมฉลองเทศกาลนี้ เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ออกผจญภัยตามหาพ่อของเขาท่ามกลางฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยหิมะ ระหว่างทางเขาได้เจอเรื่องราวและอุปสรรคมากมาย นี่คือหนังสำหรับครอบครัว คุณสามารถปล่อยเด็กๆ ให้นั่งดูได้โดยที่ไม่มีพิษมีภัย ดูได้สนุกๆ หนังกำกับโดย นีล คีแนน ผู้กำกับที่กลับมาพลิกตำนาน Ghostbuster ในเวอร์ชัน 2021 และเขายังเคยกำกับหนังแอนิเมชันสำหรับเด็กอย่าง Monster House (2016) มาแล้ว โดยรวมหนังได้รับเสียงวิจารณ์เชิงบวกอยู่ไม่น้อย

Mariah’s Christmas: The Magic Continue | AppleTV+

คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม เฉพาะช่วงเทศกาลคริสต์มาส มารายห์ แครี สามารถทำเงินจากการขายลิขสิทธิ์เพลงของเธอในช่วงเดือนธันวาคมได้ปีละราว 1 ล้านเหรียญฯ (ราว 33 ล้านบาท) ยังไม่รวมกับการเปิดคอนเสิร์ตหรือไปปรากฏตัวตามงานต่างๆ ในช่วงคริสต์มาส ว่ากันว่าเธอทำงานปีหนึ่งสองเดือนก็สามารถอยู่ได้ทั้งปี หากคุณไม่มีโอกาสฟังเธอร้องเพลงคริสต์มาสแบบตัวเป็นๆ รายการนี้ทาง AppleTV+ เป็นอีกทางหนึ่งที่ทำให้คุณได้ดูโชว์ของเธอชนิดเต็มอิ่ม

นี่คือภาคต่อของปีที่แล้วที่เธอร่วมงานกับ Apple โดยความพิเศษของปีนี้คือการที่มารายห์จะปล่อยซิงเกิลใหม่ของเธอ Fall in Love at Christmas ครั้งแรกในรายการ

‘Twas The Fight Before Christmas | AppleTV+

“เรื่องของคนอเมริกันคนหนึ่งที่โดนศาลสูงของสหรัฐฯ ตัดสินว่าห้ามตกแต่งบ้านของเขาเพื่อเทศกาลคริสต์มาส” เอาเป็นว่าโปรยมาเท่านี้ก็น่าดูแล้ว 

ดูเหมือนว่าเน็ตฟลิกซ์จะนำโด่งเรื่องคอนเทนต์สำหรับช่วงคริสต์มาสที่มีมากมายให้เราเลือกดู สำหรับค่ายสตรีมมิงอื่นๆ อย่าง Disney+ Hotstar ไม่ได้เน้นหนังคริสต์มาสใหม่ๆ มากนัก แต่มีหนังคริสต์มาสคลาสสิกให้ดูอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น Home Alone ที่มีให้ดูครบทั้งสี่ภาค หรือหนัง (ที่เกือบ) ฮิตของดิสนีย์ เมื่อปี 2019 อย่าง Noelle ว่าด้วยคริสต์มาสที่มองผ่านมุมมองของลูกสาวของซานตาคลอส และโปรแกรมคริสต์มาสจากดิสนีย์มากมาย รวมถึงหนังของทิม เบอร์ตัน The Nightmare Before Christmas ใครที่มองหาหนังคริสต์มาสเก่าๆ ที่พลาดไป หรืออยากรำลึกความหลัง เชิญที่ดีสนีย์พลัส ส่วน HBO GO ไม้เด็ดที่สุดของเขาไม่ได้อยู่ที่หนังคริสต์มาส แต่อยู่ที่โปรแกรมพิเศษของการเฉลิมฉลองหนังแฟรนไชส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเรื่องหนึ่ง นั่นคือ Harry Potter ซึ่งจะมีอายุครบ 20 ปีในปีหน้า

โปรแกรมนี้จะออกอากาศในวันที่ 1 มกราคม 2022 แฟนๆ พ่อมดน้อย แฮร์รี่ พอตเตอร์ ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง 

ขอให้สุขสันต์กับเทศกาลวันหยุด 

Tags: , , , , , ,