กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคาดการณ์ไวรัสโคโรนาทำการท่องเที่ยวไทยสูญเสียรายได้ 300,000 ล้านบาท นักท่องเที่ยวจีนหายไปกว่า 80% เชื่อสถานการณ์ดีขึ้นในครึ่งปีหลัง เตรียมมาตรการระยะสั้นช่วยเหลือผู้ประกอบการ ด้านธุรกิจทัวร์จีนและโรงแรมรวมทั้งร้านอาหารได้รับผลกระทบทั้งหมด 

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสที่กระทบกับการท่องเที่ยวของไทยโดยตรง ซึ่งล่าสุดทาง พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ยังยืนยันตัวเลขเดิมคือ 300,000 ล้านบาท ที่ประเทศไทยน่าจะสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวของคนจีน แต่เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และมีการเตรียมหารือกับภาคธุรกิจออกมาตรการระยะสั้นช่วยเหลือ

“ตอนนี้นักท่องเที่ยวจีนหายไปกว่า 80% จากเดิมที่มีนักท่องเที่ยวจีนมาเมืองไทยเฉลี่ย 30,000 คนต่อเดือน แต่ตอนนี้เหลือเพียง 3,000 คนต่อเดือน ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก เชื่อว่าบรรยากาศการท่องเที่ยวน่าจะกลับมาดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ถ้าเราบริหารจัดการได้ดี ก็ยังมีโอกาสที่จะไม่สูญเสียรายได้ที่หายไปของนักท่องเที่ยวจีนเลยก็ได้”

อย่างไรก็ตาม พิพัฒน์ยอมรับว่ากลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด หนีไม่พ้นธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร และรถบัสรับส่งนักท่องเที่ยว ซึ่งได้เตรียมที่จะหารือกับภาคธุรกิจดังกล่าวในวันพฤหัสที่ 13 กุมภาพันธ์ ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นและมาตรการเยียวยาในระยะสั้น

“โคโรนาไวรัสน่าจะกระทบการท่องเที่ยวในระยะสั้น เพราะเราก็มั่นใจในระบบสาธารณะสุขของไทย ไม่ว่าจะการปฎิบัติ การรับมือกับสถานการณ์ และการป้องกัน ทุกวันนี้ก็ยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทยทุกวัน แม้ว่าเราจะสูญเสียนักท่องเที่ยวชาวจีนไปก็ตาม แต่ก็จะพยายามไปเจาะกลุ่มอาเซียน”

“สิ่งที่สำคัญวันนี้ที่ใกล้ตัวเราที่สุดคืออยากให้คนไทยเที่ยวในเมืองไทย ลดการเสียดุลเงินที่ออกไป มาใช้จ่ายในประเทศแทน และเน้นประชาสัมพันธ์ให้คนในภูมิภาคอาเซียนมาเที่ยวในเมืองไทย ด้วยความสัมพันธ์ที่ดีในภูมิภาค การเดินทางที่ใกล้ อาหารก็มีความใกล้เคียงกัน และหลายประเทศก็มีเศรษฐกิจที่เติบโตดี ทำให้กำลังซื้อของคนอาเซียนไม่แพ้ชาติใดในโลก”

ขณะที่ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรืออีไอซี ได้วิเคราะห์ว่าสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโคโรนายังมีความไม่แน่นอนสูง และมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามจากมาตรการควบคุมโรคระบาดที่เข้มงวดของจีน เช่น การระงับระบบคมนาคมขนส่งทั้งหมดในเมืองอู่ฮั่นและเมืองอื่น ๆ ในมณฑลหูเป่ยตั้งแต่วันที่ 23-24 มกราคม 2020 รวมถึงการระงับการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนประเภทกรุ๊ปทัวร์ที่จะเดินทางออกนอกประเทศจีนตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2020  อีไอซีคาดว่าผลกระทบต่อภาคท่องเที่ยวไทยน่าจะมีมากที่สุดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม 2020 และเริ่มมีการฟื้นตัวได้หลังจากนั้น

โดยอีไอซีได้วิเคราะห์จำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในประเทศไทยในปี 2020 ซึ่งคาดว่าจะปรับลดลงเหลือ 36.6 – 38.8 ล้านคน จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 41.3 ล้านคน โดยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสถานการณ์ เป็นการปรับลดลงกว่า 4.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว 

นอกจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อจังหวัดต่างๆ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีน เช่น กรุงเทพฯ เมืองพัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต ฯลฯ เนื่องจากไทยถือเป็นประเทศที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนสูงที่สุดในโลก

ภาพ: พีรวัส คำคูณมงคล

ด้านธนาดุล เวียงสิมา ผู้จัดการฝ่ายห้องพัก ของโรงแรมเอ-วัน เปิดเผยกับ The Momentum ว่า ปกติโรงแรมจะมีนักท่องเที่ยวจีนที่มาเป็นกรุ๊ปทัวร์ราว 40% ของแขกทั้งหมดในโรงแรม ทั้งเข้าพักและบุฟเฟต์กลางวันและตอนเย็น ซึ่งชาวจีนถือเป็นลูกค้าคนสำคัญของโรงแรม 

ตอนนี้เราไม่มีนักท่องเที่ยวจีนเลย 100% เพราะทางการจีนเขาระงับกรุ๊ปทัวร์ทั้งหมดในตอนนี้ ทำให้กระทบกับห้องพักของเราและบุฟเฟต์ด้วย บริษัททัวร์จีนในกรุงเทพฯ ซึ่งเราทำคอนแทคกันก็ต้องยกเลิกการจองล่วงหน้ากันไปสองเดือน”

ธนาดุลให้ความเห็นว่าตอนนี้ทุกโรงแรมที่รับกรุปทัวร์จีนได้รับผลกระทบหมด แต่ว่าถ้าจองผ่านช่องทางออนไลน์หรือว่าเดินทางเข้ามาเอง ทางโรงแรมก็ยังรับ เพราะมั่นใจได้มาตรการการคัดกรองตั้งแต่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งทางโรงแรมก็ต้องมีมาตรการในการดูแลและสังเกตอาการของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาพัก

ภาพ: พีรวัส คำคูณมงคล

“เราก็ต้องหาตลาดใหม่เข้ามาทดแทน อาจะพวกยุโรป ฝรั่งเศส มาเลเชีย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ก็พอมีบ้าง ยังไม่ได้ยกเลิกกันไปเสียหมด”

“สถานการณ์คงคล้ายกับตอนโรคซาร์ส ที่ใช้เวลา 3-4เดือน แต่โคโรนาดูรุนแรงกว่าเท่าที่ฟังข่าว มันระบาดไปหลายพื้นที่ เราก็คงได้แต่รอให้สถานการณ์ดีขึ้น น่าจะกระทบสัก 2-3 เดือน เพราะตอนนี้ทัวร์จีนยกเลิกไปเลยจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม แต่เดือนเมษายนยังไม่มีการยกเลิก นอกจากยังไม่ดี คงจะขยายเวลายกเลิกไปอีก”

สินชัย อดีตไกด์ทัวร์จีนที่มีประสบการณ์มาเกือบสิบปีบอกว่า บอกว่าก่อนหน้านี้ทัวร์จีนถือเป็นตลาดหลักของการท่องเที่ยวไทยเลยก็ว่าก็ได้ โดยพฤติกรรมส่วนใหญ่คือมาปักหลักที่กรุงเทพฯ แล้วทัวร์ตามสถานที่ต่างๆ เช่น วัดพระแก้ว สถานบันเทิงยามค่ำคืน และอาจจะมีการเดินทางไปยังเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยา หัวหิน ภูเก็ต บ้าง

“นักท่องเที่ยวจีนมีกำลังจ่ายสูง เป็นรายได้หลักของไกด์และบริษัททัวร์เลยก็ว่าได้ ทำให้เงินสะพัดในธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และการเดินทาง โดยรายได้ไกด์จะอยู่ที่ 50,000 – 100,000 บาท ต่อหนึ่งทัวร์ ซึ่งรายได้ก็ขึ้นอยู่กับโปรแกรมสถานที่และกิจกรรมต่างๆ”

เขาบอกว่าจากสถานการณ์โคโรนาไวรัสทำให้การท่องเที่ยวและทัวร์จีนเกิดการชะงักมาได้อาทิตย์กว่าๆ แล้ว ซึ่งทางการจีนก็สั่งห้ามไม่ให้กรุ๊ปทัวร์จีนรับนักท่องเที่ยวเข้ามาในไทย ทำให้ไกด์ไม่มีลูกทัวร์และขาดรายได้ตรงนี้ไป 

“นักท่องเที่ยวจีนที่ลดน้อยลง ก็ทำให้บริษัททัวร์ต้องปิดชั่วคราว เห็นได้ชัดจากตามสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ จะมีรถทัวร์จอดกันเต็ม แต่ตอนนี้คือไม่มีเลย ซึ่งไกด์ทัวร์จีนหลายคนก็ใช้โอกาสนี้ส่งหน้ากากอนามัยไปขายที่จีน เพราะส่วนใหญ่ไกด์จะรู้จักกับนักธุรกิจที่ส่งของออกไปขายที่จีนอยู่แล้ว และไกด์ทัวร์จีนบางส่วนก็กลับไปทำงานที่จีน และรอเปิดสนามบินและมีทัวร์จีนมาเที่ยวประเทศไทยอีกครั้ง ก็จะกลับมาทำงานเป็นไกด์ตามปกติ”

The Momentum ได้สอบถามไปยังร้านบุญโภชนา ร้านอาหารจีนเก่าแก่ย่านสีลม ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวจีน ที่แม้จะไม่ได้รับกรุ๊ปทัวร์จีน แต่ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน โดยก่อนหน้านี้จะมีลูกค้าคนจีนมากินเต็มตลอดทั้งช่วงกลางวันและช่วงเย็น แต่พอมีสถานการณ์โคโรนาไวรัส ก็ทำให้ลูกค้าคนจีนหายไปเกือบหมด เหลือเพียงแค่ 1-2 โต๊ะต่อวัน และกระทบกับการกินข้าวนอกบ้านของคนไทยด้วย เนื่องจากลูกค้าคนไทยก็น้อยลงไปอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉลี่ยตอนนี้มีลูกค้ามากิน 10-12 โต๊ะ เท่านั้นเอง และคาดหวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเร็วๆ นี้

Tags: , ,