“ถ้าวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ กาพรรคเพื่อไทย สรุปจะได้คุณเศรษฐาเป็นนายกฯ ไหม?” คือหนึ่งในคำถามที่เราตั้งกับ เศรษฐา ทวีสิน สัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้งใหญ่

“ผมมั่นใจว่านายกรัฐมนตรีจะมาจากพรรคเพื่อไทย ผมมั่นใจว่าถึงวันนี้ ผมพร้อมเป็นนายกฯ 100%”

1 มีนาคม 2566 พรรคเพื่อไทยเปิดตัวเขาในฐานะประธานที่ปรึกษาครอบครัวเพื่อไทย เขาเดินเข้าไปในพรรคโดยที่หลายคนรู้กันดีว่าเขาคือหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคสีแดงพรรคนี้

ทว่าแม้ในการหาเสียงช่วงท้าย เหมือนบทจะส่งให้เศรษฐาเป็นอันดับหนึ่งมากที่สุด เขาได้รับหน้าที่เป็นผู้ประกาศนโยบาย ‘ดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท’ ซึ่งนอกจากจะเป็นนโยบายที่หวังจูงใจผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งให้โหวตเต็มที่แล้ว ก็ยังเป็นนโยบายที่สร้างการถกเถียงเป็นวงกว้างมากที่สุด

ในอีกไม่กี่วันก่อนการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึง ยังคงเป็น ‘ความชัดเจนอันคลุมเครือ’ ว่าหากเลือกพรรคเพื่อไทย พรรคที่มีแนวโน้มจะได้รับคะแนนเสียงสูงสุด ใครกันแน่จากพรรคนี้ที่จะนั่งตำแหน่งนายกฯ

ความคลุมเครือดังกล่าวมาพร้อมกับแคมเปญใหม่ของพรรคเพื่อไทย ที่ชักชวนให้บรรดาฝ่ายประชาธิปไตย เลือกพรรคเพื่อไทยให้ ‘ชนะขาด’ เพื่อความมั่นใจในการกุมเสียงข้างมาก คู่ขนานไปกับกระแสของพรรคที่เริ่ม ‘นิ่ง’ ขณะที่กระแสของพรรคก้าวไกลกลับพุ่ง ‘แรง’ และดีวันดีคืน

ช่วงเวลาสัปดาห์สุดท้ายก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง เราพูดคุยกับเศรษฐา อดีตซีอีโอของ ‘แสนสิริ’ มือหนึ่งในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผู้ที่วันนี้เป็น ‘นักการเมือง’ เต็มตัว ถึงจุดยืนของเขาบนหลักการประชาธิปไตย อะไรคือเหตุผลที่ต้องเป็น ‘เพื่อไทย’ เท่านั้นสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ และอะไรที่ทำให้นักการเมือง ‘หน้าใหม่’ อย่างเขา มั่นใจเต็มร้อยกับการรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย

ระยะเวลาหนึ่งเดือนกว่าๆ ที่คุณเศรษฐาเข้ามาเป็นนักการเมืองเต็มตัว ภาพของนักการเมืองต่างจากที่เคยคิดไว้ไหม

ไม่เลย ผมอายุ 61 ปีแล้ว ได้เห็นอะไรมาเยอะ ไม่มีภาพลวงตาใดๆ ทั้งสิ้น ผมรู้อยู่แล้วว่า ถ้าเกิดจะก้าวจากบทบาทนักธุรกิจเข้ามาเป็นนักการเมือง ต้องมีความคาดหวังอย่างไร ต้องทำตัวอย่างไร วิธีการพูดจาต้องเป็นอย่างไร

วิธีการพูดการจาแบบนักการเมืองต้องเป็นแบบไหนหรือ

ถ้าเป็นนักธุรกิจ ความเป็นตัวตนของผมเองต้องไม่เปลี่ยน เราต้องชัดเจนในหลักการ ต้องสื่อสารให้ได้ในจุดที่อยากจะสื่อสาร แต่เวลาก้าวข้ามจากนักธุรกิจมาเป็นนักการเมือง การที่จะสื่อสารให้ได้ใจความต้องมีวิธีการอธิบายให้ยาวขึ้น ให้คนฟังแล้วรื่นหูขึ้น

การโจมตีทางการเมือง แรงปะทะที่เข้ามา เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ได้รับ เป็นอย่างที่คุณคิดไว้ไหม

เป็นอย่างที่คิด ก็ต้องจัดการ คู่แข่งหรือศัตรูของเราคือความยากจน ความไม่เสมอภาค ความไม่เท่าเทียม ความไม่มีอิสรเสรี แต่ถ้าใช้เป็นคำว่าพรรคการเมืองตรงข้าม หรือคนที่แข่งกันเรื่องหาคะแแนนเสียงกับพี่น้องประชาชน ตรงนี้ก็เป็นธรรมดา 

เมื่อไรที่เราออกนโยบายที่มีความหมายไป ทุกคนก็น่าจะมีการตอบรับกันพอสมควร ในวันแรกที่เข้ามาทำการเมือง ท่านนายกฯ (พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ก็ได้เตือนมา แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร หรือเรื่องเรามีปัญหาเรื่องกัญชาเสรีกับทางพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายอะไร 

ผมพยายามจะทำให้ทุกอย่างอยู่บนหลักการ ไม่พูดเรื่องบุคคล เพราะความขัดแย้งของผมไม่ได้อยู่กับความขัดแย้งของบุคคล แต่ถ้าไม่เห็นด้วยก็ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของพรรคนั้นๆ มากกว่า

สาเหตุสำคัญที่ทำให้คุณปะทะกับคุณอนุทินเรื่องกัญชาเสรี จนเกิดวิวาทะในสื่อ เพราะพรรคภูมิใจไทยเป็นคู่แข่งทางการเมืองใช่ไหม

ไม่ใช่แค่เรื่องกัญชา แทบทุกเรื่อง เรื่องรัฐประหาร เรื่องที่พูดแล้วไม่ทำหลายเรื่อง แต่ว่าวันนั้นผมอยู่ที่อีสานใต้ ซึ่งแน่นอนว่าตรงนั้นเป็นถิ่นที่มีการต่อสู้กันระหว่างหลายพรรค แต่หนึ่งในหลายพรรคนั้นคือพรรคภูมิใจไทย แล้วบังเอิญเราไม่เอาเรื่องกัญชาเสรีอยู่แล้ว

การโต้ตอบจากคุณอนุทินและพรรคภูมิใจไทย เป็นสิ่งที่คุณเตรียมรับมือไว้อยู่แล้วหรือเปล่า

ก็ไม่นึกนะว่าเขาจะมาฟ้องร้องอะไร ผมไม่ได้เอ่ยชื่อคุณอนุทินเลย เพียงแต่ผมบอกเฉยๆ ว่าถ้าเกิดไปดูให้ดีอย่างในอดีต หรือพรรคภูมิใจไทย ส่วนมากเราก็พูดถึงพรรคอื่น คือพรรคลุงตู่ แล้วลุงตู่บังเอิญเป็นพรรคที่เราไม่เห็นด้วย ไม่เอาด้วย เพราะมีรากเหง้ามาจากการรัฐประหาร ส่วนกัญชาเสรีก็เป็นอีกเรื่องที่เราไม่เห็นด้วย

ถ้าเราลงไปที่ภาคอีสาน ปัญหาเรื่องยาเสพติดเป็นปัญหาที่ใหญ่มากและอยู่ในใจพี่น้องประชาชน แล้วเขาก็อยากรู้ว่านโยบายเรื่องกัญชาของพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างไร เพราะเราเอากัญชาเพื่อการแพทย์อย่างเดียว

คุณเศรษฐาคิดว่าการบริหารงานในฐานะนักธุรกิจกับนักการเมืองในวันนี้ มีอะไรที่ทับซ้อนหรือเหมือนกันบ้างไหม

จิตวิญญาณเหมือนกัน คือต้องเอาทีมเวิร์กเป็นหลัก และต้องดูเรื่องเสาหลักที่ทำให้เราอยู่ได้คืออะไรบ้าง สมัยทำธุรกิจก็มีผู้ถือหุ้น พนักงาน ลูกค้า สังคม ที่เราต้องบริหารเรื่องผลประโยชน์ให้ลงตัว ถ้าก้าวข้ามเป็นนักการเมือง สมมติว่าได้รับฉันทามติจากพี่น้องประชาชนให้เป็นนายกรัฐมนตรี เราก็ต้องคำนึงถึงเสาหลักเหล่านี้ให้ดี แต่เสาหลักเหล่านี้ก็จะเปลี่ยนไป เป็นพี่น้องประชาชนเป็นหลัก ผ่านกลไกรัฐสภา ส.ส. นักธุรกิจเองก็มีส่วน ต้องพูดคุย เพราะภาคธุรกิจเป็นภาคสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภาคราชการก็สำคัญ เพราะเป็นหน่วยงานซึ่งตอบสนองนโยบายของรัฐ พี่น้องสื่อมวลชนก็ต้องมีการพูดคุย มีการบริหารความคาดหวัง มีการกระจายข่าวออกไป NGO ภาคประชาสังคม ก็ล้วนมีส่วนสำคัญ

เหล่านี้เป็นเรื่องการบริหารมากกว่า แต่ทุกอย่างเหมือนกัน คือจิตวิญญาณที่ต้องทำงานเป็นทีม คนจะบอกว่าเป็นซีอีโอมาก่อน ตัดสินใจได้เด็ดขาด แน่วแน่ แต่จริงๆ แล้วเวลาเราเป็นซีอีโอของบริษัทเอกชน เราไม่ได้ตัดสินใจเด็ดขาด เอาแต่ใจตัวเอง หรือเบ็ดเสร็จคนเดียว เรามีผู้ถือหุ้น มีคณะกรรมการ มีพนักงาน เพื่อนร่วมงาน ถ้าผมจะขับเคลื่อนพนักงานได้ ผมต้องเอาใจเขาให้ได้ ต้องโน้มน้าวจิตใจให้เขาเข้าใจว่าสิ่งที่ผมจะทำคืออะไร

ที่ผ่านมา คุณเศรษฐาเคยเป็นซีอีโอ คุณสมบัติของตำแหน่งนี้คืออะไร

ชัดเจน เฉียบไว เสมอภาค เท่าเทียม

ที่ว่ามานั้นมาจากการสั่งสมประสบการณ์ในการทำงาน หรือคุณเป็นคนแบบนั้นอยู่แล้ว

ผมเป็นคนแบบนั้นอยู่แล้ว ผมเป็นคนตัดสินใจเร็ว ตรงไปตรงมา ไม่ชอบอะไรเป็นพิเศษๆ ผมชอบคนเหมือนกัน ทุกอย่างเหมือนกันหมด ผมไม่ดุ เป็นคนชัดเจน แต่ในความชัดเจน ในการพูดน้อย อาจจะมีบางท่านรู้สึกว่า ห้วนไปนิดหนึ่งก็เป็นไปได้

คิดว่าคุณสมบัติที่ว่านี้จะนำมาปรับใช้กับการเป็นนายกรัฐมนตรีได้อย่างไรบ้าง

ไม่ว่าจะไปรับภารกิจอะไรก็ตาม การที่เราเป็นตัวของตัวเอง เป็นคนคิดไว ทำไว ตัดสินใจชัดเจน ตรงนี้ต้องไม่เปลี่ยน แต่วิธีการสื่อสารต้องเปลี่ยนบ้าง

เมื่อเข้ามาสังกัดพรรคเพื่อไทย มีทีมทำงานมากมายหลายฝ่าย คุณเศรษฐามองเห็นอะไรในทีมเวิร์กของพรรคเพื่อไทยบ้าง

ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชมวิธีการทำงานของพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นสถาบันการเมืองที่มีประสบการณ์ยาวนาน ประสบความสำเร็จมายาวนาน ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน นโยบายยากๆ ไม่ว่าจะเป็น 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งถูกด้อยค่าตอนต้น ปัจจุบันก็เป็นนโยบายซึ่งเปลี่ยนโครงสร้างสาธารณสุขทั้งระบบของประเทศไทย ไหนจะทำให้เพื่อนหลายประเทศ หน่วยงานรัฐ หน่วยงานสากล เอามาศึกษาเป็นแม่แบบที่จะทำต่อ อย่างกองทุนหมู่บ้านก็เป็นการกระจายอำนาจการปกครองให้ท้องถิ่นมีอำนาจตัวเองในการที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ เป็นสิ่งเราชื่นชมอยู่แล้ว 

บุคลากรเก่าๆ ไม่ว่าจะเป็น คุณหมอพรหมินทร์ (นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช) คุณกิตติรัตน์ (กิตติรัตน์ ณ ระนอง) ดร.ปานปรีย์ (ปานปรีย์ พหิธทานุกร) อาจารย์นพดล (นพดล ปัทมะ) คุณจาตุรนต์ (จาตุรนต์ ฉายแสง) อาจารย์สุทิน (สุทิน คลังแสง) เยอะแยะไปหมด มีครบทุกบทบาท ทุกวินัย ในแง่ของการที่จะช่วยผลักดันประเทศให้พ้นจากหลุมดำแห่งความยากจน และหลุมดำแห่งความไม่เท่าเทียม

ตามความเป็นจริง คุณเศรษฐาถือว่าเป็นหน้าใหม่ทางการเมือง การทำงานกับคนเหล่านี้ที่มีประสบการณ์ทางการเมืองมายาวนานแล้ว โดยรวมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง

อันนี้ต้องไปถามเขา ผมคิดว่าต่างคนอาจมีความอึดอัดบ้าง ในแง่ความตรงไปตรงมา ผมอาจจะไม่ระวังคำพูดมากเกินไป หรืออาจจะเป็นคนที่ชัดเจนเกินไปนิดหนึ่ง เป็นเรื่องความไม่คุ้นเคยมากกว่า 

แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร เป็นผู้ใหญ่ด้วยกันแล้ว ฉะนั้น เราใช้เหตุผลในการคุยกัน ซึ่งส่วนมากจะตรงกันอยู่แล้ว เพราะเราเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง มีแต่รายละเอียดเท่านั้นที่จะมีเรื่องของกระบวนการ วิธีนำเสนอ วิธีการพูด จากจุด ก.ไปจุด ข. มันมีหลายวิธีที่จะไปถึงได้ แต่จุดมุ่งหมายของเราคือจุดมุ่งหมายเดียวกัน

หน้าที่ของผมคือผมทำงานหนัก ผมแสดงจุดยืนชัดเจน และมุ่งมั่นในการเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง แม้อาจจะมีคนไม่สบายใจหรืออึดอัดบ้างเล็กน้อยในการทำงานของผม แต่ถ้าไปดูถึงจิตวิญญาณของเหตุผลที่เราทำ เราทำเพื่ออะไร ทำเพื่อใคร ผมเชื่อว่าส่วนมากคนในพรรครับได้

หลายคนมองว่า ตั้งแต่เปิดตัวคุณมาจนถึงวันนี้ เวลาของคุณค่อนข้างน้อยไปสักหน่อย คิดว่าเรื่องนี้เป็นอุปสรรคไหมในการที่จะเข้าสู่สนามการเมือง

ต้องยอมรับตรงไปตรงมาว่า ‘เป็น’ เพราะปัญหาที่ฝังรากในประเทศไทยมีหลายมิติ มีหลายพื้นที่ แต่ละจังหวัดก็แตกต่างกันไป ผมเชื่อว่าเราลงพื้นที่ค่อนข้างเยอะมาก ตรงนี้ก็เป็นสิ่งสำคัญข้อหนึ่ง แต่ว่าตอนนี้ผมก็เต็มที่ เวลานอนแทบไม่มีอยู่แล้ว

คิดว่าคนต่างจังหวัดรู้จักคุณเศรษฐาดีหรือยัง

เวลาเราไม่พอ แต่การที่พรรคเพื่อไทยคัดสรรบุคลากรมาแล้ว มีแคนดิเดตนายกฯ สามคน ผมเชื่อว่าคนต่างจังหวัดเขาก็เชื่อในสถาบัน บุคคลก็เป็นส่วนหนึ่งที่เขามีความเชื่อถือ แต่การที่เขาเข้าใจเรื่องคัดเลือกบุคคลมาแล้ว ผมเชื่อว่าเขาก็ให้เกียรติ ให้การตอบรับที่ดี มีการพูดคุย มีการซักถามดีๆ 

ผมไม่ได้ไปปราศรัยอย่างเดียวนะ ผมไปคุยกับผู้นำความคิด ผู้นำชุมชน หอการค้า จังหวัด สภาอุตสาหกรรม พี่น้องผู้ประกอบอาชีพต่างๆ นานา เพราะฉะนั้นเรามีเวลาใกล้ชิดกันมากขึ้น ผมให้ความสำคัญกับการลงพื้นที่เยอะมาก

ก่อนจะขึ้นเวที คุณฝึกหรือเตรียมการปราศรัยอย่างไร เพราะระยะหลังดูเหมือนคุณเศรษฐาจะดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ 

ความจริงเราทราบอยู่แล้วนโยบายของเราคืออะไร หรือความต้องการของประชาชนคืออะไร ความดุเดือดที่คุณเห็นมันคือความชัดเจนมากกว่า ส่วนเรื่องสไตล์การปราศรัยแต่ละคนก็จะต่างกันไป แต่หน้าที่ของผม คือผมต้องการแน่ใจว่าพี่น้องเข้าใจนโยบาย เข้าใจในจุดยืนของพรรคเพื่อไทย เข้าใจคืออะไรที่เรารับได้ อะไรที่เรารับไม่ได้ 

จากการลงพื้นที่ ถ้าให้จัดอันดับปัญหาที่ฟังจากพี่น้องประชาชน มีอะไรบ้าง

ปากท้อง รายจ่ายสูง รายได้ต่ำ ตลาดสินค้าไม่มีเพียงพอ ราคาพืชผลไม่ดี ไม่มีใครมาช่วยเหลือ ค่าไฟแพง สิทธิเสรีภาพในการเลือกประกอบอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสมัครใจเกณฑ์ทหาร หรือว่าสิทธิในการเลือกเพศสภาพ ปัญหายาเสพติดก็เป็นปัญหาใหญ่มาก ผมไม่พูดเรื่องกัญชาเสรีเพราะปัญหายาเสพติดก็ยังระบาดไปทุกระแหง หากจะเอากัญชาเสรีมาอีก พี่น้องเขากังวล

พรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่ตอบโจทย์ปัญหาเหล่านี้ได้ทั้งหมดไหม

ได้ทั้งหมด เรื่องเพศสภาพเรามีสมรสเท่าเทียม เกณฑ์ทหารด้วยความสมัครใจ เรื่องความยากจนก็มีนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท เงินเดือนขั้นต่ำปริญญาตรี 25,000 บาท เติมเงินให้กับครอบครัวถ้าเกิดรายได้ต่อเดือนไม่ถึง 20,000 บาท จะเติมให้เต็มสองหมื่นบาททุกเดือน เงินดิจิทัล 10,000 บาท พ.ร.บ.อากาศสะอาดมีแน่นอน ทุกเรื่องผมคิดว่าเรามั่นใจว่าเราเข้าใจโจทย์ และเรามีคำตอบทั้งหมด

ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก่อนการเลือกตั้ง ยังมั่นใจไหมว่าพรรคเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์ หรือเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

ผมมั่นใจเต็มที่ว่าเราจะเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลได้ และมั่นใจว่าเราจะได้รับการเลือกตั้งคะแนนเสียมากกว่าครึ่งหนึ่ง เพราะแปดปีที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์ดีอยู่แล้ว ประเทศบอบช้ำมาเยอะ เราไม่มีเวลาต้องมาลองของใหม่ ไม่มีเวลามาทดลอง ไม่มีเวลาต้องมาปันใจให้ใคร

อย่าลืมว่า ถ้าต้องการพรรคการเมืองที่มีประสบการณ์ มีบุคลากรที่พร้อม พรรคเพื่อไทยพร้อมที่สุด เวลาเข้าคูหาเลือกตั้ง ถ้าเกิดกาพรรคหนึ่งใบหนึ่ง อีกใบกาอีกพรรคหนึ่ง มันจะไม่ได้ฉันทามติที่ชัดเจน 

เราไม่ได้วิงวอนขอเลือกตั้งให้พี่น้องมีความกลัวที่จะได้ผู้นำเก่ากลับมา เราวิงวอนขอให้เลือกตั้งเพื่อให้มีความชัวร์เกิดขึ้นว่า ถ้าเลือกเพื่อไทยทั้งสองใบแล้ว เราจะผลักดันการเปลี่ยนแปลงของประเทศได้อย่างดี นโยบายดีๆ ของเพื่อไทยจะถูก implement ได้อย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นปัญหาที่หมักหมมมาตลอด 8 ปี จะถูกแก้ไขอย่างรวดเร็ว

มั่นใจไหมว่า คุณเศรษฐาจะเป็นนายกฯ หลังจากการเลือกตั้ง

ผมมั่นใจว่านายกรัฐมนตรีจะมาจากพรรคเพื่อไทย ผมมีความพร้อมหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ผมมั่นใจว่าผมจะเป็นนายกรัฐมนตรีของคนทุกภาค ไม่ใช่แค่กรุงเทพฯ ภาคเหนือ ภาคอีสาน หรือภาคใต้

แต่คุณเศรษฐาคงไม่ลืมว่ายังมี ‘ด่าน ส.ว.’ แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เสียงมากที่สุด แต่คุณอาจจะรวมเสียงไม่ได้ และสุดท้าย ส.ว.ก็อาจจะไม่เลือกคุณ หรือไม่เลือกพรรคเพื่อไทย ดังนั้นก็อาจจะจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ คุณกังวลข้อนี้ไหม

ตรงนี้ผมว่าเรากลัวไม่ได้ แต่จะบอกว่าไม่กลัวก็ไม่เชิง เพราะเราต้องเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์ เลือกตั้งอย่างมีเป้าหมาย เป้าหมายคือเราต้องการการเปลี่ยนแปลง ‘สองลุง’ ที่ทำงานมาไม่ได้เป็นที่ปลื้มปีติของพี่น้อง แปดปีที่เราอยู่กับความยากจน ความไม่เสมอภาค ความเท่าเทียม คุณต้องการการเปลี่ยนแปลงใช่ไหม ถ้าต้องการ คุณต้องเลือกให้ขาด ต้องเลือกอย่างมียุทธศาสตร์ ต้องเลือกกาเพื่อไทยสองใบ เพื่อให้เสียงเกินครึ่งหนึ่ง ถ้าเสียงเกินครึ่งหนึ่ง ผมมั่นใจว่า ส.ว.ก็ทำตามฉันทามติของพี่น้องประชาชน

แสดงว่าถึงตอนนี้แล้ว คุณเศรษฐามั่นใจมากว่าเสียงของพรรคเพื่อไทยจะได้มาเกินครึ่งแน่ๆ

มั่นใจ จริงอยู่ มีหลายพรรคที่แข็งแรง แต่เรามั่นใจนโยบายหลักของเรา และเราลงพื้นที่พบปะกับพี่น้องประชาชน และการเลือกตั้งอย่างมีจุดหมาย พี่น้องเองมีจุดหมายที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง และคนที่ทำการเปลี่ยนแปลงได้ ทำได้จริง ทำได้เลย ไม่มีเวลาลองแล้ว คือพรรคเพื่อไทย

ความสัมพันธ์กับพรรคก้าวไกลที่ถือเป็นคู่แข่งซึ่งมาแรงมากในโค้งสุดท้ายเป็นอย่างไรบ้าง

ผมรู้จักทุกคน ศัตรูของผมไม่ใช่บุคคล ผมไม่เคยไปว่าร้ายใครเกี่ยวกับเรื่องบุคคลเลย ถ้าไม่เห็นด้วยก็เรื่องนโยบาย ผมคุยได้กับทุกคน อย่างคุณอนุทินผมก็คุยได้ อย่างพรรคก้าวไกลตรงนี้ผมมั่นใจว่าพรรคไม่ได้มีรากฐานมาจากรัฐประหาร แล้วนโยบายก็ไปด้วยกันได้

เอาให้ชัดเจน อย่างเช่นเรื่องมาตรา 112 ถ้าเกิดเราแก้ไขปัญหาเรื่องอื่นๆ ไปแล้ว แต่เรื่องนี้ยังมีปัญหา เราก็จะแก้ไข แต่ไม่ใช่ยกเลิกนะ ส่วนแกนในการแก้ไขเราก็มีแล้ว คือต้องผ่านกลไกรัฐสภา เป็นพื้นที่ปลอดภัย พูดจากันแบบผู้ใหญ่ คงไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีไทย และต้องดูสองเรื่องคือ หนึ่ง การลงโทษ สอง คนที่แจ้งความ ไม่ใช่ นาย ก นาย ข มาแจ้งได้หมด มันจะกลายเป็นเครื่องมือทางด้านการเมืองไป ซึ่งไม่ดีกับทุกสถาบัน ต้องชัดเจนในหลักการ ถ้าหลักการดี ก็เดี๋ยวดูตัวเลข แล้วมาว่าเรื่องนี้กัน

จากอดีตที่ผ่านมา พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย ถูกมองว่าเป็นศัตรูกับชนชั้นนำ เป็นศัตรูกับ Deep State (รัฐพันลึก) ที่อยู่ข้างหลัง ในฐานะที่วันนี้คุณเศรษฐาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ตัวคุณเองถือว่าเป็นศัตรูกับกลุ่มอำนาจนิยม หรือเผด็จการไหม

ผมดีใจที่ถามคำถามนี้มานะ เพราะถ้าถามถึง Deep State หรือชนชั้นสูง… เอาอันแรก ผมเป็นศัตรูกับเผด็จการแน่นอน ชัดเจน ผมไม่เอาเผด็จการ แต่เป็นศัตรูกับชนชั้นสูงไหม ไม่ใช่แน่นอน เพราะต้องยอมรับว่าผมเองก็มาจากสังคมชนชั้นกลางค่อนไปทางสูงเหมือนกัน ผมไม่มีเหตุผลที่ต้องเป็นศัตรูกับใครเลย 

ถ้าผมต้องมาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ก็ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีของคนทุกชนชั้น ไม่ใช่แค่ชนชั้นกลาง ชนชั้นล่าง หรือคนชายขอบสังคมอย่างเดียว เราไม่ได้มาเพื่อรังแกคนรวย เอาเงินคนรวยไปให้คนจน ไม่ใช่ อย่าเข้าใจผิด ส่วนตัวผมไม่เป็นแบบนั้น แล้วผมเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น 

ผมยกตัวอย่างในอดีต คนเสียภาษีส่วนใหญ่เป็นคนกรุงเทพฯ เขาก็มีความกังวลว่า ภาษีของเขาใช้ไปแล้ว จ่ายไปแล้ว พวกพรรคการเมืองเอาไปทำอะไร ทำประชานิยมอย่างเดียวหรือเปล่า คนชั้นอีลีตหรือชนชั้นสูงจะบอกว่าประชานิยมเป็นสิ่งที่ไม่ดี เพราะมันมอมเมาคนที่อยู่ชายขอบของสังคม แต่จริงๆ แล้วความหมายของประชานิยม คือเรื่องอะไรก็ตามที่พี่น้องประชาชนชอบ โดนใจเขา แก้ปัญหาเขาได้ ก็เป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองที่ต้องจัดการ ถูกไหม 

เพียงแต่ว่าการที่ใช้ประชานิยม หรือเอาเงินภาษีไปใช้ ต้องดูให้ถูกต้อง ดูให้ถูกทาง คงไว้ซึ่งวินัยทางด้านการเงินการคลัง ตรงนี้สำคัญมาก เพราะว่าคนกรุงเทพฯ อาจจะมีความกังวลว่า สมมติพรรคเพื่อไทยมา ก็จะเอาเงินไปทำประกัน จำนำ หรือจ้างผลิต แล้วแต่คุณจะเรียกว่าอะไรก็ตามที ทำให้มีการบิดเบือนราคาของพืชผลทางการเกษตรที่ผิดเพี้ยนไปจากราคาตลาดโลก สมมติราคาข้าวตันละหมื่น คุณบอกจะซื้อที่หมื่นสอง ถ้าเกิดราคาตลาดอยู่ที่หนึ่งหมื่น คุณไปซื้อที่หมื่นสอง อีกสองพันมาจากไหนล่ะ ก็มาจากภาษี ถูกไหม

เรื่องของการประกัน จำนำ หรือจ้างผลิต มันมีประวัติศาสตร์มายาวนานทุกประเทศ ประเทศเจริญอย่างสหรัฐอเมริกาก็ใช้ แต่เขาใช้เมื่อมีความผิดแผกแตกต่างทางด้านสภาพภูมิอากาศ เช่น แล้งผิดปกติ น้ำท่วม คนที่อยู่ชายขอบของสังคมหรือเกษตกรก็ต้องได้รับความช่วยเหลือ อันนี้ชัดเจน เราก็ควรจะใช้เทคนิคนั้นเหมือนกัน ไม่ใช่มาใช้ในการหาเสียง 

นโยบายพรรคเพื่อไทยคราวนี้ถึงชัดเจนว่า เราใช้การตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพื่อช่วยเกษตรกร ไม่มีการไปสัญญาราคาพิเศษไว้ว่าจะเป็นเท่าไร เราจะเปิดตลาดใหม่ ผู้นำโดยเฉพาะถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคเพื่อไทย จะต้องเดินทางไปเปิดตลาดใหม่ๆ ไปค้าขายกับทุกประเทศในโลก เมื่อมีการไปเปิดตลาดใหม่ มีความต้องการสินค้าการเกษตรของประเทศไทยสูงขึ้น ราคาก็สูงขึ้น พี่น้องก็ได้เงินเข้ากระเป๋าสูงขึ้น เรื่องปุ๋ยเคมีราคาแพงมาก เรามีนักวิทยาศาสตร์ มีเกษตรกรซึ่งมีความรู้ เราจะทำปุ๋ยเคมี สร้างโรงงานทำปุ๋ยเคมีของแต่ละชุมชนขึ้นมา เอาปุ๋ยเคมีเข้ามา รายจ่ายลด รายได้ก็สูงขึ้น 

ความจริงแล้ว รายได้ไม่ใช่ตัวเดียว แต่คือรายจ่ายด้วย ถ้ารายได้สูงขึ้น แต่เราก็ยังจ่ายสูงขึ้น รายได้สุทธิเข้ากระเป๋าก็น้อยลง นั่นคือนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย ภายใน 4 ปีที่เราเป็นรัฐบาล รายได้สุทธิของพี่น้องเกษตรกรของประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นสามเท่าตัว

ฟังดูเหมือนวิธีการแบบนี้ เคยทำมาแล้วในยุคพรรคไทยรักไทย รวมถึงยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ประเด็นก็คือ อะไรคือบทเรียนที่ทำให้ไม่สามารถขับเคลื่อนเรื่องเหล่านี้ได้ และกลับกลายเป็นสาเหตุหนึ่งในการกล่าวอ้างให้เกิดการรัฐประหารในที่สุด แล้วคุณจะระมัดระวังอย่างไรดี

ผมพูดทุกนโยบายอยู่แล้ว นโยบายเงินดิจิทัลก็เป็นนโยบายที่ G2C คือต้องเน้น Government to Consumer โดยตรง ไม่ผ่านคนกลาง เพราะฉะนั้นเรื่องคอร์รัปชันไม่มีแน่นอน ตรงนี้เป็นนโยบายหลักอันหนึ่งของเรา การเติมเงินเข้าไปในกระเป๋าครอบครัวละสองหมื่นบาท มันไม่มีช่องว่างทำให้เกิดการคอร์รัปชัน ซึ่งกลายเป็นผมต้องมาตอบคำถามที่ไม่เห็นด้วยอย่างหนึ่ง คือว่าเมื่อ 8 ปีที่แล้วที่มีการรัฐประหาร เขาอ้างว่ามีการคอร์รัปชัน วันนี้ ดัชนีคอร์รัปชันสูงกว่าเดิม จากอันดับที่ 70-80 ตอนนี้ไปเป็นอันดับที่ 180 ของโลกแล้ว พรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นคนจัดอันดับนี้ แต่องค์กรสากลเป็นคนจัด เพราะฉะนั้น ปัจจุบันนี้คอร์รัปชันสูงกว่าเดิม

ส่วนคำถามที่ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดรัฐประหาร ผมต้องถามพี่น้องประชาชนกลับไป ทุกหนที่มีรัฐประหารมาสิบกว่าหน ประเทศถดถอยไปมากน้อยขนาดไหน อย่างไร มันถึงเป็นที่มาที่ไปว่า วันที่ 14 พฤษภาคมนี้ เป็นวันที่มีความสำคัญ มีนัยทางการเมือง ทางการชี้นำทิศทางของประเทศไทยว่า ถ้าเกิดไม่อยากได้ของที่เปื่อยมา ถ้าไม่อยากได้สองลุงกลับเข้ามา ต้องเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์ เลือกตั้งอย่างมีเป้าหมาย เพราะว่าเราไม่มี 250 ส.ว.เป็นแต้มต่อ ถ้าเกิดเราได้ไม่ขาด ชนะไม่เยอะ ไม่เลือกเพื่อไทยทั้งสองใบ อาจจะต้องมีการลากยาวในการที่รัฐบาลรักษาการอาจมีความพยายามในการตั้งรัฐบาลเสียงส่วนน้อย ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ได้เสียงส่วนมากหรือเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้ เราจะไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายหลักๆ ที่ผมพูดไปก่อนหน้าได้ และเราจำเป็นต้องมีผู้นำที่ยึดตามหลักนิติธรรม

พี่น้องเจ็บปวดมาเยอะแล้วกับรัฐประหาร จะยอมให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกหรือ ผมเชื่อว่าไม่ ผมเชื่อว่าทุกคนพอแล้ว จบแล้ว ไม่ไหวอีกแล้ว ไม่มีอีกแล้ว มีไม่ได้อีกแล้ว 

พอคุณพูดเรื่องยุทธศาสตร์ในการเลือกตั้งเพื่อให้ได้เสียงข้างมาก อยากถามว่าแล้วทำไมประชาชนไม่ควรเลือกอีกพรรคหนึ่งที่ก็มีจุดยืนคล้ายๆ กัน อะไรคือเหตุผลชี้ขาดว่าควรต้องเลือกเพื่อไทย

เพราะว่าประสบการณ์ อย่างที่ผมได้เรียนไป ตั้งแต่นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน โอท็อป พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่เป็นสถาบันมายาวนาน พิสูจน์ได้ว่าเราแก้ไขปัญหายากจน ปากท้องได้ วันนี้ทุกคนปริ่มน้ำ หายใจไม่ออก ไม่มีเวลาสำหรับการลองของใหม่แล้ว ต้องเลือกให้ขาด เลือกให้ชัวร์ 

ถ้าเพื่อไทยมา เรารู้อยู่แล้วว่า นโยบาย 1-2-3-4-5 เกี่ยวกับเศรษฐกิจ ทำได้แน่นอน 30 บาทรักษาทุกโรคยกระดับขึ้นไปอีก บัตรใบเดียวไปทุกที่ได้ ทำนัดได้ก่อน ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปคอยตีสามตีสี่ คุณภาพชีวิตดีขึ้น สมรสเท่าเทียม การเลือกเพศสภาพทำได้ การเลือกการประกอบอาชีพทำได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นทหารถ้าไม่อยากเป็น หรือถ้าอยากเป็นก็ยินดี เพราะสถาบันทหารเป็นสถาบันที่มีเกียรติ

สมมติว่าคุณเศรษฐาได้เป็นนายกรัฐมนตรี อะไรที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ ใน 100 วันแรก

มีหลายเรื่องที่ต้องเกิดขึ้น แน่นอนนโยบายเป็นหลัก เรื่องปากท้อง เรื่องค่าไฟ ต้องลดทันที เรื่องเงินดิจิทัลเริ่มเดินทันที เรื่องการสำรวจพี่น้องว่าครอบครัวไหนมีเงินไม่ถึงสองหมื่นบาทเริ่มทันที เรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทปีแรกแล้วขึ้นเป็น 600 บาทปีที่สี่ เหล่านี้ต้องเดินทางทันที สมรสเท่าเทียมจัดการเลย เพราะการที่คนสองคนไม่ว่าเพศอะไรก็ตามที่อยากอยู่ร่วมกัน เขาไม่ได้ขอสิทธิพิเศษ เขาขอสิทธิเท่าเทียมกับผมหรือคุณในการเลือกเพศสภาพ หรือสิทธิในการเลือกประกอบอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นทหารก็ตามที ผมไม่ได้บอกว่าห้ามเป็นทหาร หรือยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ผมบอกว่าสมัครใจเกณฑ์ทหาร หรือเรื่องที่เราต้องมีเวทีพบปะกับคนรุ่นใหม่ที่มีความอัดอั้นตันใจ ไม่ใช่ไปบอกเขาว่าชังชาติแล้วไล่ออกไป ผมว่ามันไม่ใช่ หรือ พ.ร.บ.อากาศสะอาด หรือเรื่องการประมง IUU (IUU Fishing ย่อมาจาก Illegal, Unreported and Unregulated Fishing หรือการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม) ที่ไปเซ็นสัญญาไว้แล้ว ทุกวันนี้เรือประมงไทยเหลือจริงๆ อยู่หมื่นลำ ครอบครัวได้รับผลกระทบไปประมาณหนึ่งแสนลำ ต้องทำทันที ต้องเจรจาทันที ผู้นำต้องจัดการ มีการคาดการณ์ล่วงหน้าว่าจะไปเยือนประเทศอะไรบ้าง จะไปคุยกับประเทศอะไรบ้าง อะไรอยู่ใน Pipeline บ้างในการที่จะต้องไปพูดคุยกับเขา มียอดออเดอร์ค้าง จะซื้ออะไรจากเขา หรือเขาจะซื้ออะไรกับเราบ้าง ไปเจรจาเอง ไปเป็นเซลส์แมนเอง ไปจัดการเอง 

ทุกเรื่องที่ว่ามาต้องทำทันที เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าพี่น้องต้องการอะไร 

ก่อนหน้านี้คุณพูดถึงเรื่องกระทรวงคมนาคมว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยเข้ามา จะไม่ยกกระทรวงนี้ให้ใครแน่ๆ จุดนี้คุณมีประเด็นอะไรกับกระทรวงคมนาคม หรือพรรคภูมิใจไทยอีกหรือเปล่า

ไม่มี เพราะความจริงแล้ววันนั้นทำให้ดูเป็นแบบไปบุกรุกโจมตีพรรคภูมิใจไทยเกินไปหรือเปล่า จริงๆ ผมคุยกับพี่น้องสหกรณ์แท็กซี่ซึ่งมีปัญหากันเยอะ พอลงพื้นที่ไปก็มีความเศร้าใจ แปลกใจ ปนกันไป แท็กซี่มิเตอร์ค่าโดยสารขั้นต่ำ 35 บาทมา 30 ปีแล้ว น้ำมันตอนนั้นลิตรละ 4-5 บาท เดี๋ยวนี้ลิตรละ 30 บาท มิเตอร์ก็ยังเท่าเดิม สอง เรื่องแท็กซี่ป้ายดำ พวกแกร็บหรือแอพฯ อะไรทั้งหลายที่เข้ามา เขาเซ็ตค่าเดินทางเขาเอง ช่วงรถติดเขาก็สามารถเซ็ตแพงได้ แต่แท็กซี่เริ่มต้น 35 บาท ขึ้นทีละกี่บาท มีกฎหมายกำหนดรถยนต์ก็ต้องเป็น 1,600 ซีซี ต้องเปลี่ยนทุก 9 ปี แล้วถ้าเขาดูแลรักษารถเขาดี พอ 9 ปีทำไมเขาต้องไปเปลี่ยนใหม่ ช่วงโควิดที่ผ่านมาแท็กซี่มีเป็นแสนคัน ตอนนี้เหลืออยู่ห้าหมื่นคัน อีกห้าหมื่นคันไม่สามารถออกมาได้เพราะติดไฟแนนซ์อยู่ เรื่องนี้มันเป็นความผิดของเขาหรือเปล่า เป็นหน้าที่รัฐบาลหรือเปล่าที่ต้องดูแล 

แท็กซี่เป็นฐานรากของกลไกในการช่วยเหลือเศรษฐกิจไทย นักท่องเที่ยวมาเจอแท็กซี่ก่อนเป็นคนแรกก ความประทับใจแรกอยูที่แท็กซี่ มันมีหลายปัจจัย บางคนขับแท็กซี่มา 40 ปี อายุ 60 กว่า พอเกษียณ ไม่มีประกันสังคม ไม่มีสวัสดิการรองรับ ขณะที่ทุกคนมีหมด ทั้งที่เขาคือคนไทยเหมือนกัน รัฐบาลก็ต้องดูแลเขา แท็กซี่เขาก็บ่นน้อยเนื้อต่ำใจ  

วันนั้นผมไปคุยกับสหกรณ์แท็กซี่พอดี แล้วก็มีการพูดคุยกัน ได้เข้าใจถึงปัญหา แล้วเขาบอกว่า ถ้าเข้าใจแล้วเสร็จแล้วจะยกกระทรวงนี้ให้คนอื่นทำไม ผมก็บอกว่าไม่มีเหตุผล เพราะกระทรวงของเราเป็นกระทรวงเศรษฐกิจ เป็นกระทรวงหลัก ฉะนั้น ถ้าเกิดเลือกให้มีเป้าหมาย ให้เราแลนด์สไลด์จริงๆ ไม่มีใครยกกระทรวงนี้ให้แน่นอน ก็แค่นั้นเอง

วันนี้คุณยังคุยกับทางคุณอนุทินหรือพรรคภูมิใจไทยได้ไหม

คุยได้ทุกคน ภูมิใจไทยไม่ได้มาทำรัฐประหารผม จุดยืนผมชัดเจน รัฐประหารผมไม่เอาด้วย ต่างคนต่างอยู่

นายกฯ ที่ดีในนิยามของคุณต้องเป็นอย่างไร

ชัดเจนที่สุด ต้องยึดโยงกับประชาชน เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่เลือกตั้งหนหนึ่งก็ค่อยออกมาหาเสียงหนหนึ่ง ไม่ใช่เลือกตั้งหนหนึ่งเพิ่งเข้าถึงได้ เพิ่งมาเซลฟี่ได้ เพิ่งมาถ่ายรูปได้ แต่ต้องเข้าถึงได้ตลอด ต้องไปดูแลเอาใจใส่ ไม่ใช่มาบอกว่า เดี๋ยวเลือกผมกลับมาอีกทีแล้วค่าไฟจะลด วันนี้คุณก็เป็นอยู่ คุณก็ลดค่าไฟให้เขาสิ สมรสเท่าเทียมเป็นอย่างไร การเลือกการประกอบอาชีพเป็นอย่างไร ปัญหาต่างๆ นานาที่เกิดขึ้น

 ความแฟร์ การแข่งขันที่มีความเสมอภาคเท่าเทียม เป็นหน้าที่ของผู้นำประเทศที่ต้องเห็นอกเห็นใจคนที่ทำมาค้าขาย แล้วเอามาเป็นประเด็น เป็นโจทย์ในการแก้ไขปัญหา ไม่ใช่นั่งอธิบายว่าทำไมถึงทำไม่ได้ สวัสดิการรัฐต่างๆ ก็ต้องให้ประชาชนอยู่อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีในที่สุด

ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย อยากจะบอกอะไรกับคนรุ่นใหม่ หรือ first voter บ้าง

ช่วงเวลาที่ผ่านมา 20 กว่าปี ที่ประเทศไทยอยู่ในวงวนของการทำรัฐประหาร 2-3 ครั้ง ก่อนหน้านี้ นโยบายดีๆ นโยบายหลักๆ นโยบายที่กินได้ นโยบายที่ทำให้พี่น้องทุกคนอยู่ได้ มีความสุข คือนโยบายที่มาจากพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน โอท็อป วิธีการที่เราไปค้าขาย ราคาพืชผล เช่นที่เราเคยมีการทำราคายางให้ได้สูงสุด แต่ปัจจุบันนี้ 3-4 กิโลฯ แค่ร้อยบาท

เราต้องดูว่า ประวัติศาสตร์ของแต่ละพรรคการเมืองมาอย่างไร มีบุคลากรที่ยังทรงคุณภาพอยู่ แล้วมันเป็นช่วงเวลาที่ต้องมาดูว่า 8 ปีที่ผ่านมาประเทศบอบช้ำเหลือเกิน เราจะเสี่ยงหรือที่จะไปกับพรรคบางพรรค คนบางคน ที่ประสบการณ์ในแง่ของการบริหารจัดการ หลายอย่างยังไม่ถูกพิสูจน์ว่าสามารถทำได้

Fact Box

  • เศรษฐา ทวีสิน เป็นบุตรคนเดียวของ ร้อยเอก อำนวย ทวีสิน กับชดช้อย (สกุลเดิม จูตระกูล) สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านการเงินที่ Claremont Graduate University มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา 
  • หลังจบการศึกษา เศรษฐาทำงานที่ บริษัท P&G ประเทศไทย (จำกัด) เป็นเวลา 4 ปี ก่อนย้ายไปทำงานที่ บริษัท แสนสำราญ จำกัด ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และดำรงตำแหน่งประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่
  • เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกับ อภิชาติ จูตระกูล ผู้ร่วมก่อตั้งแสนสิริ และประธานกรรมการของแสนสิริคนปัจจุบัน ในงาน ‘Chance to Change’ ของพรรคเพื่อไทย ที่ลานพาร์คพารากอน เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา หนึ่งในผู้ที่นั่งฟังเศรษฐาปราศรัยคือ ชฎาทิพ จูตระกูล (ภรรยาของอภิชาติ) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ 
  • เมื่อ 11 ปีก่อน เศรษฐาตกเป็นข่าวว่าเข้าพบกับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นการส่วนตัว ที่โรงแรมโฟร์ซีซันส์ ถนนราชดำริ มีข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับตัวเขามากมาย แต่เขาปฏิเสธว่าเป็นการหารือกันระหว่างบรรดานักธุรกิจ 6-7 คนและนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ในเวลาต่อมา พิธีกรรายการ ‘สายล่อฟ้า’ ซึ่งเป็นนักการเมืองจากพรรคประชาธิปัตย์ นำข่าวดังกล่าวไปลือไปในทางชู้สาว เป็นประเด็น ‘ว.5 โฟร์ซีซันส์’ จนทำให้ยิ่งลักษณ์ตัดสินใจฟ้องหมิ่นประมาท ในที่สุด ศาลฎีกาพิพากษาให้จำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 1 ปี ปรับคนละ 50,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา
  • เศรษฐาสมัครเป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทย เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 และได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวของพรรคเพื่อไทย ก่อนจะลาออกจาก บมจ.แสนสิริ เขาเคยประกาศกร้าวว่า “ผมจะรับตำแหน่งนายกฯ เท่านั้น และไม่รับตำแหน่งใดๆ ทางการเมือง หากไม่ได้เป็นนายกฯ”
Tags: , , , ,