1
เรารู้ดีว่าในความเชื่องและดูเหมือนจะขี้อ้อนนั้นแมวมีความเป็นสัตว์นักล่าอยู่เต็มวิญญาณ และนกเขาตัวนั้น—เธอเห็นมันเมื่อวานและดูเหมือนเธอจะแยกประเภทนกไม่ออก เพราะเมื่อผมบอกว่านั่นน่ะนกเขาเธอก็มีอาการตื่นเต้น
นกตัวนั้นเที่ยวมาท่อมๆ อยู่ในสวนหน้าร้านหนังสือ แต่แทนที่จะเทียวหาแมลงเล็กๆ มันกลับจิกเอาเศษหญ้าแล้วบินไป สักพักก็มาใหม่จิกเอาเศษหญ้าแล้วบินไป — ผมบอกเธอว่าเมื่อวานมันก็มาทำแบบนี้
เธอให้ข้อสังเกตว่ามันคงกำลังมีลูกและเอาเศษหญ้าไปทำรัง…
2
นกเขาหายหน้าไปจากร้านหนังสือของเราได้สักพักใหญ่แล้ว ครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นมันก็ช่วงปลายฝน กำแพงด้านตะวันตกของสวนมีเพิงหลังคาสังกะสีและเหนือนั้นมีกิ่งต้นหม่อน บางกิ่งก็ยื่นมาเรี่ยไล้เชิงหลังคา นกเขาคู่หนึ่งชอบมานอนที่นั่น
นานหลายราตรีจนหนาวใหญ่มาเยือน
เมื่อเย็นวันหนึ่งผมเห็นแมวสีดำไต่ไปตามสันกำแพง ผมไม่ทันสังเกตว่าแมวกำพร้าที่แม่มันไม่ยอมให้กินนมและมีคนเอามาให้เลี้ยงตั้งแต่แรกคลอดและขี้ตายังเขลอะตลอดเวลาเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนั้น…เริ่มหนุ่มแล้ว
และไม่กี่เย็นต่อจากนั้น นกเขาคู่นั้นก็หายไป…
3
เราให้อาหารแมวสองเวลาคือเช้าและค่ำ มื้อค่ำนั้นค่อนข้างตรงเวลาต่างจากมื้อเช้าที่บางทีก็สายตามเงื่อนไข เช่น กลับจากส่งลูกที่โรงเรียนช้าหรือเห็นว่าอาหารที่เทไว้ให้ตอนค่ำนั้นพร่องไปเยอะหรือไม่ แต่บางทีเราก็ให้มื้อพิเศษ เช่นเที่ยง ถ้ามีอาหาร (ที่มันกินได้) เหลือ และลูกสาวคนเล็กก็มักแบ่งขนมหรืออาหารของเธอให้มันและอุ้มหอมมันอย่างไม่รังเกียจ พอกินเสร็จมันก็ชอบไปหลับ
เวลาผมอ่านหนังสือกล่อมลูกนอนตอนบ่ายมัน ก็ชอบมานอนหนุนขาลูกสาวหรือเบียดข้างผมปรือตาฟังนิทานแล้วก็หลับ
4
เช่นเดียวกับที่ผมไม่อนุญาตให้ตัวเองทำงานเขียนในห้องนอน เพราะจะเป็นการรบกวนการหลับของลูกๆ เมื่อพวกเธอหลับผมจึงเปิดประตูกระจกเดินออกไปตามระเบียงที่เชื่อมต่อกับชั้นบนของตัวร้านซึ่งเราทำเป็นแกลเลอรี่ ที่พักและที่ทำงานเขียนของผมในตอนกลางคืนด้วย
ดังนั้นที่นอนของ ‘เจ้าดินสอ’ จึงเป็นในร้าน เพราะไม่นานหลังจากที่มันเริ่มโตเราพบว่าขี้หนูที่เคยปรากฏในร้านก็หายไป พร้อมกับจิ้งจก จิ้งเหลน แมลงสาบ
เวลาปิดร้านผมก็จะเรียกมันเข้าไปและเทอาหารใส่ภาชนะไว้ให้ จากนั้นก็ปิดไฟและปิดประตู ความมืดทำให้ผมไม่ทันได้เห็น
ดังนั้นในบางดึกผมจึงพบว่ามีเจ้าดินสอเป็นเพื่อน การที่มันหมอบอยู่กับที่ได้นานๆ การเคลื่อนไหวแบบเงียบกริบหรือแม้แต่เวลาตะปบเหยื่อจึงไม่รบกวนการทำงานของผม ในขณะเดียวกันก็คอยจัดการเหล่าแมลงที่หลงแสงไฟเข้ามารบกวนการทำงานของผม
5
แต่บางทีจู่ๆ มันก็กระโดดขึ้นมานอนตักหรือเลยเถิดไปถึงการเหยียบแป้นพิมพ์เพื่อเข้ามาในวงแขนหวังอยู่ในอ้อมกอด ถ้าเป็นจังหวะคร่ำเคร่งผมก็ดีดหูมันแรงๆ พร้อมกับทำเสียงจุๆ ให้มันรู้กาลเทศะ
6
ผมเล่าให้เธอฟังว่าครั้งหนึ่งนกเขามันเคยไปทำรังอยู่ที่ระแนงไม้ริมระเบียงแกลเลอรี่ที่ต้นจันทร์กระจ่างเลื้อยขึ้นไป วันต่อมาผมก็เห็นไข่ใบหนึ่งวางอยู่ในรังนั้น ผมเคยพาลูกๆ มาดูด้วยซ้ำ แต่หลายวันต่อมาไข่ใบนั้นก็หายไปและนกเขาก็หายไป
จนมาเห็นอีกทีก็ตอนที่มันมาอาศัยกิ่งต้นหม่อนนอนนั่นแหละ
7
สายของวันนี้ หมู่หมอกยังคงต่อต้านแสงแดดอย่างดื้อดึงแม้แสงจะแผ่กล้ามากขึ้นๆ ผมนั่งกินกาแฟเพียงลำพังที่โซฟายาวตัวเดิมที่นั่งกับเธอเมื่อเช้าวาน
เมื่อเช้าผมไม่ทันได้เทอาหารไว้ให้เจ้าดินสอ เพราะเห็นว่าที่ให้ไว้เมื่อคืนยังไม่พร่องมาก อีกอย่างผมกลับมาถึงร้านก็สายมากแล้วเพราะเมื่อไปส่งลูกสาวคนโตที่โรงเรียนแล้วก็แวะส่งลูกสาวคนเล็กให้คุณยายที่อุตส่าห์ลางานเพราะอยากเลี้ยงหลาน
จิ้งจกสองตัวที่กำลังผสมพันธุ์กันอยู่ใต้กรอบรูป ‘The Lotus’ ของโมเนต์เหนือประตูทางเข้าร้านกลายเป็นเหยื่อแรกเมื่อเผลอตกลงมา ผมไม่แน่ใจว่าตัวชายหรือหญิงที่ชิงทิ้งอีกตัวที่อยู่ในอุ้งเท้าไปก่อน ผมจิบกาแฟช้าๆ พลางมองเหตุการณ์อย่างสนใจในความที่จะเป็นไป จังหวะที่แมวหันกลับมาสนใจเหยื่อในอุ้งเท้านั้นพลันหางจิ้งจกก็หลุดออก เจ้าแมวลังเลนิดเดียว จิ้งจกตัวนั้นก็พุ่งตัวผ่านกรงเล็บออกไป ดีที่ที่มันหนีไปนั้นเป็นโต๊ะพื้นต่ำและมีสิ่งกีดขวางพอสมควรจึงรอดไปได้
เจ้าแมวมองดูหางจิ้งจกที่ดิ้นกระแด่วๆ ด้วยหางตาและไม่สนใจ ผมเองก็ปล่อยให้หางกำพร้าดิ้นอยู่ตรงนั้นจนสิ้นแรงไปเอง…
8
ครั้งเดียวเท่านั้นที่ผมได้ยินเสียงคือการตวัดปีกของเจ้านกระหว่างที่อยู่ในปากมันพร้อมกับขาอีกข้างที่ตะปบกดไว้ นกขยับตัวไม่ได้เลย ผมปรายตาอย่างไม่สนใจนัก เพราะเห็นว่าเป็นปกติที่มันจะจัดการนกวันละตัวสองตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนกกระจอกที่เที่ยวมาส่งเสียงดังและขี้ใส่ราวและพื้นระเบียง และเป็นวงจรของสัตว์นักล่าและการสร้างสมดุลของห่วงโซ่อาหาร แต่ดูเหมือนนกกระจอกตัวนี้จะตัวเป้งเอาการ
มันคาบเหยื่อเดินไปหาที่มิดชิดและกำลังจะผ่านประตูสีฟ้าในร้านที่เป็นโซนหนังสือเก่า มันเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมเงยหน้าขึ้นจากหนังสือที่กำลังอ่านอยู่พอดี ปีกนกที่กางอยู่และถูกกดไม่ให้ขยับนั้นมีลายที่แปลกตา — ไม่ใช่ลายนกกระจอกแน่นอน! มันทำให้ผมเอะใจในขนาดที่ประเมินในครั้งแรกเห็น
9
ผมเดินตามมันไป เจ้าแมวเข้าไปที่มุมชงกาแฟ ด้านล่างตรงนั้นค่อนข้างทึบมิดชิดและปลอดสายตา มันกำลังจะขยับอีกขาไปกดร่างนกเขาไว้เพื่อจะใช้ปากฉีกเนื้อ ก่อนที่ขาข้างนั้นจะทำหน้าที่ ผมบีบคอมันจากด้านหลัง กดนิ้วชี้และนิ้วโป้งให้แรงขึ้น มันค่อยๆ คลายปากออก ผมเพิ่มแรงกดอีก จังหวะที่แรงมันตก นกเขาตัวนั้นก็โถมแรงบินออกไป ได้ยินแต่เสียงปีกกระทบแก้วและกระปุกเครื่องชง เหลือให้เห็นแต่ขนที่ติดอยู่ที่ปากมันและที่ปลิวอยู่รอบตัว…
ผมคลายนิ้ว
มันจ้องหน้าผม
ผมปล่อยอุ้งมือแล้วลูบหัวมันเบาๆ
“นกเขาตัวนี้เป็นแม่นก เขากำลังจะมีลูกและกำลังสร้างรังออกไข่ ปล่อยเขาไปเถอะลูก” ผมพูดกับมันช้าๆ ด้วยเสียงที่เน้นและเต็มความรู้สึก
มันอาจเป็นแรงดีใจ — มันอาจเป็นความคิดไปเองของผม — มันอาจเป็นอุปาทานก็ได้ที่ผมเห็นว่าแววตา ‘เจ้าดินสอ’ ไม่มีคำถามต่อการกระทำของผม ไม่มีแววเคียดแค้นใดใด
แน่ล่ะความคิดมักทำให้ใจเราเป็นกังวล…
แต่เมื่อผมกลับมานั่งที่โซฟาจิบกาแฟที่เหลือและก้มลงอ่านหนังสือที่ค้างไว้ มันก็กระโดดขึ้นมาเบียดสีข้างและนอนลงข้างขา สักพักผมก็ออกเสียงอ่านเบาๆ ไม่นานมันก็หลับไป
*รูปวาดแมวโดย คะทาวุธ แวงชัยภูมิ*
Tags: แมว, คนขายหนังสือ