ไข่แมวเป็นหนึ่งในคนเขียนการ์ตูนที่มีผู้ติดตามมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศในช่วงสามสี่ปีนี้ เช่นเดียวกับ ‘ไข่แมว x’ เป็นการ์ตูนการเมืองซึ่งมีผู้ติดตาม นั่นหมายความว่ามีคนจำนวนมากเห็นด้วยกับสิ่งที่ ‘ไข่แมว’ พูด หรืออย่างน้อยก็คือ ‘ไข่แมว x’ พูดเรื่องที่ตรงใจประชาชน

ในช่วงที่ไข่แมวโด่งดังถึงขีดสุดเมื่อต้นปี 2561 เพจไข่แมวมีผู้ติดตามในเฟซบุ๊กเกือบครึ่งล้าน และทันทีที่เพจหายไปด้วยสาเหตุที่ไม่มีใครทราบจนบัดนี้ รองนายกฯ และผู้ใต้บังคับบัญชาของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงกับต้องชี้แจงว่าไม่ได้ ‘อุ้ม’ เพจนี้ ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐก็ไม่รู้เห็นเรื่องนี้แต่อย่างใด

เมื่อเพจไข่แมวกลับมาในชื่อใหม่ว่า ‘ไข่แมว x’ ยอดผู้ติดตามในเฟซบุ๊กก็พุ่งไปกว่าสามแสนสองหมื่น ตัวเลขผู้ติดตามที่มากกว่าสำนักข่าวออนไลน์และหนังสือพิมพ์หลายฉบับแสดงว่าเนื้อหาของเพจตรงใจผู้อ่าน จนผู้อ่านแบ่งปันเนื้อหาสู่เครือข่าย ที่ทำให้ยอดการเข้าถึงขยายตัวอย่างรวดเร็ว

ยอดวิวสี่สิบล้านของ “ประเทศกูมี” แสดงให้เห็นคำขานรับที่ผู้ชมมีต่อเนื้อหาของเพลงและ MV ฉันใด ยอดผู้ติดตามเพจไข่แมว x ก็แสดงให้เห็นคำขานรับต่อเนื้อหาของเพจในลักษณะเดียวกัน

บุคลิกของไข่แมว x คือการเป็นการ์ตูนการเมืองแนววิจารณ์รัฐบาล และถึงแม้ไข่แมวจะใช้ภาพเล่าเรื่องโดยปราศจากคำบรรยายว่าใครเป็นใคร การวาดภาพตัวละครในเครื่องแบบทหารติดหนวดจิ๋มสไตล์ฮิตเลอร์ก็ทำให้ผู้ชมรู้ว่า ไข่แมว x ล้อเลียนรัฐบาลนี้ผ่านมุมมองเรื่องเผด็จการทหารตลอดเวลา

เฉพาะในส่วนนี้ ไข่แมว x ทำในสิ่งที่การ์ตูนการเมืองอื่นๆ รวมทั้งสื่อมวลชนและนักวิชาการทำไม่ได้มาตลอดหลังปี 2557 นั่นคือการพูดในที่สาธารณะตรงๆ ว่านายกทหารคือนายกเผด็จการ และระบอบการปกครองที่ดำรงอยู่ในเวลานี้ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย

มองในแง่นี้ การสร้างตัวละครในไข่แมว x แสดงสารที่วิพากษ์หรือต่อต้านรัฐบาลนี้อย่างถึงราก เพราะห้าปีแล้วที่คนในประเทศพูดว่าอยู่ใต้การปกครองของเผด็จการไม่ได้ ทั้งที่ทหารยึดอำนาจแล้วตั้งตัวเองเป็นประมุขสถาบันหลักต่างๆ รวมทั้งแทรกแซงสื่อและห้ามประชาชนรวมตัวจนปัจจุบัน

นักวิชาการที่ต้องลี้ภัยหลังรัฐประหารอย่าง สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เคยต้้งข้อสังเกตว่า ไข่แมวนำเสนอตัวร้ายในฐานะ ‘ลุง’ ที่แม้จะทำอะไรโง่ๆ ก็น่ารัก แต่ที่จริง วิธีสร้างตัวละครให้เทียบเคียงกับฮิตเลอร์แบบนี้ทำให้ไข่แมว เตือนใจผู้อ่านว่าเผด็จการคือเผด็จการ ไม่ว่าจะต้้งใจทำตลกหรือแปะยิ้งจริงๆ ก็ตาม

ขณะที่นักวิชาการและสื่อที่วิจารณ์ผู้มีอำนาจตรงไปตรงมาแทบไม่เหลือพื้นที่ในสื่อรัฐและเอกชน ส่วนผู้ที่ยังมีโอกาสแสดงความเห็นอยู่บ้างก็ถูกอำนาจรัฐคุกคามจนการเซ็นเซอร์ตัวเองเป็นเรื่องปกติ ไข่แมวสร้างการ์ตูนที่เป็นเสมือนแสงสว่างท่ามกลางความมืดว่าอำนาจรัฐปกครองด้วยความลวง

นอกจากการตอกย้ำความจริงในประเด็นรูปธรรมอย่างเผด็จการ ไข่แมวยังเล่าเรื่องผ่านการสร้างความสัมพันธ์ของตัวละครตั้งแต่ลุง น้องลุง นาฬิกา ฯลฯ เพื่อชี้ให้เห็นต่อไปถึงประเด็นสองมาตรฐาน, การสร้างวาทกรรมเท็จ, การปกครองประเทศแบบเล่นพวก และการใช้อำนาจตามอำเภอใจ (Arbitrary Rule)

แน่นอนว่าการตีแผ่ความจริงของประเทศในยุคที่ความเท็จเป็นใหญ่นั้นชอบธรรม แต่การ์ตูนการเมืองคือ ‘สื่อ’ เหมือนสื่ออื่นๆ ที่การพูดซ้ำซากย่อมเสี่ยงจะเกิดงานแบบสูตรสำเร็จ วิธีที่ไข่แมวขยายประเด็นไปสู่ประเด็นอื่นๆ จึงทำให้การ์ตูนเข้าถึงผู้อ่านกว้างขวางขึ้น นอกจากกลุ่มที่พึงใจประเด็นเผด็จการแต่เดิม

อย่างไรก็ดี ไข่แมวสร้างการ์ตูนโดยไร้คำบรรยาย และการสื่อสารให้ผู้อ่านเข้าใจความสัมพันธ์ของตัวละครต่างๆ จนรับรู้ ‘เรื่องเล่า’ โดยภาพวาดสี่ช่องนั้นไม่ง่าย  ความสำเร็จในการเข้าถึงผู้อ่านจึงแสดงให้เห็นสมรรถภาพของไข่แมวในการจับความรู้สึกนึกคิดในสังคม ไปเป็นภาพที่พอเห็นก็รับสารได้ทันที

ช่วงต้นปี 2560 ขณะที่รัฐบาลทหารบีบให้แรงงานต่างด้าวขึ้นทะเบียนโดยวิธีไล่ออกนอกประเทศแล้วเข้ามาใหม่ผ่านวิธีสแกนม่านตา หนึ่งในข้อครหาที่เกิดขึ้น คนใกล้ชิดนายกฯ กดดันให้ราชการซื้อเครื่องสแกนแพงกว่าปกติ ส่วนนายกฯ ปกป้องเรื่องนี้โดยอ้างว่า ต้องซื้อเพราะคนงานทำงานเยอะจนลายมือไม่ชัดเจน

แน่นอนว่าแกนของข่าวนี้คือนโยบายแรงงานที่สับสนและการซื้อเครื่องสแกนที่ไม่โปร่งใส บุคคลในข่าวจึงได้แก่ พลเอกประยุทธ์และพลเอกที่เป็นรัฐมนตรีแรงงานซึ่งต่อมาลาออก แต่ไข่แมวสร้างการ์ตูนใหม่โดยเชื่อมโยงเรื่องคนทำงานหนักลายมือไม่ชัดกับ ‘น้อง’ ของลุงซึ่งลายมือทั้งห้านิ้วชัดเจนทะลุจอ

ทั้งที่การ์ตูนไม่ได้พูดอะไรเลย ผู้อ่านจะรับสารได้ทันทีว่าการ์ตูนไข่แมว x เปรียบเปรยถึงใคร คนที่คสช.แต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติกินเงินเดือนเกือบ 120,000 บาท โดยร่วมลงมติเรื่องต่างๆ เพียง 6 ครั้งจากทั้งหมด 453 ครั้งในระยะเวลา 6 เดือนจาก 1 ม.ค.- 29 มิ.ย. 2559

ด้วยความสามารถฉวยจับความรู้สึกนึกคิดในสังคมแบบนี้  การ์ตูนไข่แมวและไข่แมว x ทำให้ความไม่โปร่งใสเรื่องการจัดซื้อเชื่อมโยงกับการเล่นพวกพ้องเรื่องตั้งน้องกินเงินเดือนสาธารณะ ผลก็คือการเห็นต่อไปว่า ‘ลุง’ คือต้นตอของปัญหาทั้งหมด ต่อให้การ์ตูนจะไม่เอ่ยถึงลุงเลยก็ตาม

ขณะที่งานชิ้นนี้เป็นตัวอย่างของการที่ไข่แมวใช้วิธีเสียดเย้ยหรือยั่วล้อเพื่อให้ผู้อ่านเห็นความไม่โปร่งใสของลุง กลวิธีอีกอย่างที่ไข่แมวใช้คือการเทียบเคียงให้เห็นความย้อนแย้ง เพื่อแสดงให้เห็นการพูดอย่างทำอย่างและใช้อำนาจตามอำเภอใจของ ‘ลุง’ ตลอดเวลา

หนึ่งในเรื่องที่ลุงชอบพูดในโทรทัศน์และสื่ออื่นๆ คือ เด็กไทยต้องรู้จักคิดสร้างสรรค์มากกว่าปัจจุบัน แต่ก็อย่างที่ทุกคนรู้กัน  สี่ปีกว่าๆ ของลุงคือยุคสมัยที่นิสิตนักศึกษาถูกจับ ถูกดำเนินคดี หรือกระทั่งถูกอำนาจรัฐไล่ล่าจนต้องลี้ภัยไปต่างประเทศมากที่สุด โดยเฉพาะเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่คิดต่างจากรัฐบาล

ในการ์ตูน ไข่แมว x ชิ้นหนึ่ง ตัวละครลุงยืนบรรยายหน้ากระดานดำด้วยใบหน้ายิ้มพร้อมคำถามว่า รถถังสองคันบวกหนึ่งคันเป็นกี่คัน ตัวละครที่เป็นเด็กนักเรียนก็ชูเลขสามตอบท่ามกลางความตระหนกของเด็กคนอื่น จากนั้นลุงหน้าบึ้งและเพ่งมองไปที่สามนิ้ว และการ์ตูนจบที่เด็กติดคุกพร้อมชูสามนิ้วต่อไป ด้วยการชี้ให้เห็นความย้อนแย้งแบบนี้ ไข่แมวทำให้ผู้ชมเห็นว่าลุงอารมณ์แปรปรวน ไว้ใจไม่ได้ ตัดสินใจทุกอย่างตามอำเภอใจ และถึงที่สุดก็มีนัยประหวัดถึงการจับ ‘ไผ่ ดาวดิน’ และเพื่อนนักศึกษาอีกสี่คน โดยอ้างว่าชูสามนิ้วคือการต่อต้านรัฐบาล

การ์ตูนนิสต์ผู้เขียน ไข่แมว X สร้างตัวละครให้เป็นโค้ดหรือรหัสภาพ ซึ่งตรงกับความคิดที่สังคมมีต่อรัฐบาลทหารและสถานการณ์ด้านต่างๆ ความสำเร็จในการสื่อสารของไข่แมว X จึงเกิดจากการรู้ว่าสังคมคิดอะไรจนสามารถสร้างโค้ดที่สังคมเห็นแล้วรู้ทันทีว่าพูดเรื่องอะไร ต่อให้ไม่มีคำพูดเลยก็ตาม

จากวิธียั่วล้อและเทียบเคียงความย้อนแย้งแบบนี้ ไข่แมวสร้างการ์ตูนที่ไม่ได้แค่แปลงข้อเท็จจริงเป็นภาพ แต่ยังเป็นงานศิลปะที่เชื่อมโยงความรู้สึกนึกคิดในสังคมเพื่อตั้งคำถามที่สูงกว่าระดับข้อเท็จจริง

ในประเทศที่รัฐทำให้ทุกคนลดเพดานการพูดความจริง จนถึงขั้นไม่กล้าโต้แย้งความเท็จอย่าง “ไม่ใช่เผด็จการเพราะไม่เคยยิงเป้าใคร” หรือ “ยุคนี้ไม่มีน้ำท่วม มีแต่น้ำรอระบาย” การ์ตูนไข่แมวคือสื่อที่มีความเป็นศิลปะ ซึ่งเผยแพร่ทีศนคติที่โต้แย้งเรื่องเล่าของรัฐในปัจจุบัน

ไข่แมว สร้าง ไข่แมว x ที่วิพากษ์เผด็จการในระดับที่ไปไกลว่าตัวคนที่เป็นเผด็จการในสังคมหนึ่งๆ ตัวการ์ตูนจึงมีศักยภาพที่จะทำให้ผู้อ่านเห็นว่า เผด็จการไม่ใช่ปัญหาเรื่องตัวบุคคล  แต่เผด็จการมีปัญหาเพราะวางอยู่บนความคิดและกระบวนการที่อันตรายกับทุกคนในสังคม

ไข่แมวและการ์ตูนการเมืองอย่าง มานีมีแชร์ สื่อสารที่วิพากษ์วิจารณ์ระบอบเผด็จการบนเนื้อดินของสังคมที่เปลี่ยนไป เพราะการ์ตูนการเมืองในอดีตเป็นส่วนหนึ่งของสื่ออย่างหนังสือพิมพ์และนิตยสาร ตัวการ์ตูนจึงต้องนำเสนอโดยคำนึงถึงเพดานที่สร้างขึ้นโดยกฎหมาย ผู้มีอิทธิพล และเจ้าของทุน ในสมัยที่การ์ตูนการเมืองจำกัดอยู่ในสื่อสิ่งพิมพ์ สถานะของการ์ตูนถูกมองว่าเป็น ‘เครื่องเคียง’ มากกว่าจะเป็น ‘จานหลัก’ อย่างข่าวและบทความ ผลก็คือการ์ตูนถูกบีบด้วยสภาพแพลตฟอร์มให้ต้องเล่นประเด็นที่เป็นข่าวกระแส ไล่ล้อจานหลักทั้งสองเรื่องเป็นหลัก ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม

เมื่อภูมิทัศน์สื่อเปลี่ยนแปลงเพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนไป การขยายตัวของโลกออนไลน์และโซเชียลมีเดียก็ทำให้การ์ตูนการเมืองหลุดพ้นจากการเป็นเครื่องเคียง แล้วผงาดในโลกออนไลน์เป็น ‘จานหลัก’ มากขึ้น ผลก็คือการ์ตูนการเมืองออนไลน์มีขอบฟ้าในการนำเสนอประเด็นที่กว้างขวางกว่าที่ผ่านมา

ในการ์ตูนมานีมีแชร์ชิ้นหนึ่ง ผู้เขียนพูดถึงเหตุที่ทำให้รัฐประหารตุรกีล้มเหลวแบบที่การ์ตูนการเมืองในสื่อสิ่งพิมพ์ไม่มีทางทำได้แน่ๆ เช่นเดียวกับงานของไข่แมวบางชิ้นก็แหลมคมล่อแหลม แต่ก็เป็นประเด็นที่คนพูดกันให้แซ่ดในสังคม

ถ้ายอมรับว่าการ์ตูนการเมืองเป็นสื่อเหมือนข่าวและบทความ ไข่แมว x ก็คือตัวอย่างของสื่อที่เติบโตเพราะมีเนื้อหาไล่ล้อประเด็นที่สังคมถกเถียงกันจริงๆ แต่หายไปจากทีวีและสื่อสิ่งพิมพ์ทั้งหมด นั่นจึงชี้ว่า รัฐคุมสื่อได้แค่ในบางแพลตฟอร์ม แต่ถึงที่สุดเนื้อหานั้นก็จะไหลไปโผล่ในแพลตฟอร์มอื่นอย่างโลกออนไลน์

วันใดที่รัฐบาลทหารออกกฎหมายคุมหรือกำกับโลกออนไลน์ด้วยวิธีต่างๆ วันนั้นก็อาจเป็นอวสานของ ไข่แมว x และสังคมก็อาจเกิดสื่อใหม่เพื่อพูดถึงเนื้อหาโดยอิสระในแพลตฟอร์มใหม่ๆ ได้เหมือนกัน

ภายใต้สังคมที่การพูดความจริงกลายเป็นเรื่องเสี่ยง เพจมานีมีแชร์มีผู้ติดตามราวสองแสนแปดหมื่นคน ขณะที่เพจไข่แมวX มีผู้ติดตามราวสามแสนสองหมื่น ซึ่งเท่ากับว่าถึงอย่างไรคนก็ต้องการเนื้อหาที่ตอบสนองความสนใจของสาธารณะ และไม่มีทางปิดช้างที่นอนตายในห้องด้วยใบบัว

สำหรับผู้ปกครองแบบเผด็จการ ไข่แมว x คือฝันร้ายที่กลายเป็นจริงเหมือน “ประเทศกูมี” แพลงแร็พที่ยอดวิว 40 ล้านไปแล้ว สื่อทั้งสองแขนงประสบความสำเร็จเพราะหยิบความรู้สึกนึกคิดของคนในสังคมจริงๆ แปลงเป็นสาร ซึ่งในที่สุดสะท้อนความรู้สึกนี้ให้กึกก้องทวีคูณกว่าเดิม

ความสำเร็จของไข่แมว x ชี้ให้เห็นว่า การ์ตูนการเมืองคือแรงงานแห่งปัญญา และ Visual Politics หรือการสร้างสื่อเพื่อ Disrupt อำนาจรัฐที่ปกครองสังคมด้วยวาทกรรมนั้นมีที่ยืนเสมอ เพราะไม่มีทางที่มนุษย์จะยอมรับการปกครองด้วยความเท็จไปตลอดกาล

ไข่แมว X เตือนใจว่าเผด็จการควบคุมสังคมโดยเบ็ดเสร็จไม่ได้ รัฐบาลทหารกำกับความคิดคนไม่ได้ทั้งหมด และถึงอย่างไรความจริงในประเทศที่มืดมิดย่อมทำให้คนตาสว่างว่าความมืดเป็นเพียงระยะเปลี่ยนผ่านเท่านั้นเอง

Tags: ,