บานาฮิลส์ (ฺBana Hills) เมืองแห่งปราสาทเทพนิยายบนขุนเขาวิวทะเลหมอกที่ดานัง ประเทศเวียดนาม คืออัศจรรย์แห่งหมู่บ้านฝรั่งเศส ทุ่งลาเวนเดอร์ วัดจีน องค์พระใหญ่ และสวนสนุก
ความงดงามแตกต่างที่ลงตัวมารวมไว้ใกล้เมืองไทยนิดเดียว อยู่ที่เวียดนามเพื่อนบ้านเรานี่เอง ที่บานาฮิลส์ มีเมืองสวยงามจากสถาปัตยกรรมยุโรป หรือเรียกได้ว่าเป็นมรดกจากสมัยอาณานิคมที่เวียดนามต้องตกเป็นเมืองขึ้นฝรั่งเศส
ถ้าย้อนกลับไปช่วงต้นๆ ค.ศ. 1900 ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ช่วงที่ชาวฝรั่งเศสเข้าไปล่าอาณานิคมและตั้งถิ่นฐาน ‘บานาฮิลส์’ คือยอดขุนเขาสูงลิบที่ถูกเนรมิตเป็นหมู่บ้านฝรั่งเศส ปรับพื้นที่ป่ารกปลูกเป็นรีสอร์ตและบ้านพัก ไว้ให้ชาวฝรั่งเศสพักผ่อนตากอากาศในช่วงนั้น
จนเมื่อฝรั่งเศสถอนกำลังกลับ บานาฮิลส์ก็ถูกทิ้งร้างไปยาวนาน จนถึงช่วงปี ค.ศ. 2000 ที่นี่ก็ได้รับการบูรณะฟื้นฟูจากรัฐบาลเวียดนาม สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ใกล้กับเมืองดานังเพียง 30 กิโลเมตร รัฐบาลสร้างรถกระเช้าหรือเคเบิลคาร์ โรงแรม ร้านอาหาร สวนสวย ทุ่งลาเวนเดอร์ องค์พระใหญ่ วัดจีน และสวนสนุก ตั้งตระหง่านบนภูเขาเจืองเซิน (Truong Son) ที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 1,489 เมตร
จากสนามบินดานัง เรานั่งแท็กซี่แบบขับช้าๆ (คาดว่าคงเพราะมีกฎจำกัดความเร็ว) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาทีก็ถึงสถานีเคเบิลคาร์ หรือรถกระเช้าสำหรับนั่งขึ้นเขา
สำหรับคนที่เลือกพักโรงแรมบนเขาก็จะสามารถใช้เคเบิลคาร์สถานีพิเศษที่โรงแรมจัดให้สำหรับลูกค้า ซึ่งทริปนี้ เราขอพาเที่ยวบานาฮิลส์ด้วยการเลือกพักค้างคืนในปราสาทเทพนิยาย หนึ่งในไฮไลต์ที่คนที่มาเที่ยวไม่ค่อยพลาดที่จะแวะถ่ายภาพและเช็กอินกันหน้าโรงแรมเมอร์เคียว ดานัง เฟรนช์ วิลเลจ บานาฮิลส์ (Mercure Danang French Village Bana Hills)
ความประทับใจแรกเริ่มขึ้นตั้งแต่ในกระเช้าเคเบิลคาร์และะวิวสองข้างทางที่งดงาม เทือกเขาสีเขียวชอุ่มสลับซ้อนกันหลายลูก ไกลสุดลูกหูลูกตา พร้อมด้วยทะเลหมอกไกลๆ ผ่านน้ำตกสูงใหญ่ เสียงน้ำตกดังเข้ามาในกระเช้าแบบ Open Air ของเรา นั่งผ่านวิวกังหันลมแบบชาวดัตช์ ผ่านต้นไม้ใหญ่น้อยสดชื่นสายตา
เมื่อถึงปลายทาง เราก็พบกับปราสาทเทพนิยายตั้งตระหง่านเต็มสองตา ด้วยอากาศสบายๆ บนเขาสูง และบรรยากาศของการตกแต่งอาคารทรงยุโรปดั่งโบสถ์เก่าแก่ สวนสน ดอกไม้เมืองหนาว ลานน้ำพุ อาหาร และการแสดงสองข้างทาง ทำให้เราเพลิดเพลินมากจนเผลอลืมไปเลยว่าที่นี่คือเวียดนาม
5 จุดไฮไลต์ของบานาฮิลส์ที่แสนสวย
สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งต้องนั่งเคเบิลคาร์ ซึ่งมีหลากหลายสถานี จะขึ้นลงกี่ครั้งก็ได้ไม่เสียเงินเพิ่ม
ไฮไลต์ที่ขอแนะนำ ว่าไปแล้วถ่ายภาพออกมาได้สวยมาก มี 5 จุดที่ห้ามพลาด ได้แก่
1. โซนสวนดอกไม้ LE JARDIN D’AMOUR ที่นี่จะมีทุ่งดอกลาเวนเดอร์ตั้งอยู่ริมหน้าผา มองไกลๆ จะเห็นเป็นฉากหลังของทิวเขาและทะเลหมอก ตัดกับสีม่วงเข้มของทุ่งลาเวนเดอร์ ภาพถ่ายที่ได้มา ประหนึ่งได้เยือนเมืองโพรวองซ์ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส
2. โซนหมู่บ้านฝรั่งเศส เป็นที่ตั้งของโรงแรมเมอร์เคียวฯ อาคารต่างๆ มีกลิ่นอายของฝรั่งเศส ย่านนี้นับเป็นไฮไลต์ที่คนเยอะมาก หากตื่นแต่เช้าตรู่มาเที่ยว ก็จะได้จังหวะสงบ โดยเคเบิลคาร์รอบแรกจะเปิดให้บริการราว 7 โมงเช้า
3. โซนวัดจีน หลิน อึ๋ง (Linh Ung) และองค์พระใหญ่สีขาว แนวประตูวัดจีนฉลุลวดลายสีฟ้าและราวบันไดประดับมังกร พร้อมวิวเส้นขอบฟ้าปลายบันได ได้บรรยากาศความงดงามประหนึ่งว่าอยู่บนยอดเขาในเมืองจีน
4. ถ่ายภาพวิวจากบนเคเบิลคาร์ โดยเฉพาะสายสถานี Debay ไปสถานี Morin ที่กระเช้าเป็นรูปทรงวงรีสีเหลือง มุ่งหน้าสู่องค์พระใหญ่ วิวกังหันลมสีแดงส้ม ตัดกับฉากหลังของทิวเขา ท้องฟ้า และทะเลหมอก งดงามดั่งภาพวาด
5. นั่งรถไฟโบราณขึ้นชมสวนดอกไม้ และวิวบานาฮิลส์แบบ 360 องศา ถ่ายภาพได้สวยงามตลอดเส้นทาง
นอกจากความประทับใจของวิวทิวทัศน์ในบานาฮิลส์แล้ว ผู้เขียนขอยกให้ที่นี่เป็นสวรรค์ของผู้ใหญ่หัวใจเด็ก และเด็กๆ ที่ชอบเครื่องเล่น ชอบผาดโผน ชอบเกมตู้
เพราะที่ ซันเวิลด์ แฟนตาซี พาร์ก (SUNWORLD Fantasy Park) เป็นสวนสนุกที่บรรจุเครื่องเล่นไว้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Tower Drop Ride รถบั๊ม บ้านผีสิง (ที่ไม่ค่อยน่ากลัวนัก) เกมปีนหน้าผา และเกมตู้ ฯลฯ รวมถึงยังมีรถเลื่อน (Luge) ให้ได้ขับชมวิวสวยๆ ของบานาฮิลส์ได้ด้วย
บานาฮิลส์เป็นที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับครอบครัวนักเดินทางที่ชอบถ่ายภาพสวยๆ เพราะมีมุมให้เลือกถ่ายภาพเยอะ ทั้งยังเดินทางง่าย สะดวก และค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวไม่สูง แต่จะไม่เหมาะกับคนที่คาดหวังความเป็นฝรั่งเศสแบบจริงจัง เพราะสุดท้ายแล้ว ที่นี่ก็คือเมืองที่จำลองและเลียนแบบสถาปัตยกรรม ไลฟ์สไตล์ บรรยากาศของกลิ่นอายประเทศแถบยุโรปไว้
FACT BOX:
- Ba Na Hills cable car เป็นกระเช้าไฟฟ้าที่ติดอันดับสถิติ กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด ถึงสี่อันดับ ได้แก่ การเป็นเคเบิลคาร์สลิงเดียวที่ยาวที่สุด (5,801 เมตร) การเป็นเคเบิลคาร์ที่มีระยะทางระหว่างสถานียาวที่สุด (1,368 เมตร) การเป็นเคเบิลคาร์ที่มีสายเคเบิลยาวที่สุดถึง 11,587 เมตร และการเป็นเคเบิลคาร์ที่มีสายเคเบิลหนักที่สุดในโลกถึง 141.24 ตัน (เปิดใช้งานเป็นทางการครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม 2013)
- การเดินทางขึ้นบานาฮิลส์มีค่าผ่านทาง รวมค่าเคเบิลคาร์ ค่าเข้าชม และเครื่องเล่นต่างๆ แบบ Day Pass สำหรับชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ ราคา 650,000 ดอง เด็ก (สูงไม่เกิน 130 ซ.ม.) ราคา 550,000 ดอง เด็กสูงน้อยกว่า 100 ซ.ม. เข้าฟรี
- ถ้ามีเวลา ไม่เร่งรีบ แนะนำให้ค้างคืนบนบานาฮิลส์หนึ่งคืน เพื่อจะได้ชมวิวช่วงพระอาทิตย์ตกดิน และตื่นเช้าชมพระอาทิตย์ขึ้น ถ่ายภาพจุดไฮไลต์ต่างๆ แบบปลอดคน