แม้จะเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ในโรงเรียน คนบ้าคลั่งกราดกระสุนปืนใส่ฝูงชน หรือการประท้วงต้านกฎหมายการครอบครองอาวุธที่เริ่มส่งเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ยังรักที่จะถือครองอาวุธ สาเหตุเพราะอะไร?

ถ้าจะซัดทอดความผิดเรื่องเสรีภาพการถือครองอาวุธของคนอเมริกัน ความผิดที่ว่าน่าจะเริ่มจาก เจมส์ เมดิสัน (James Madison) ประธานาธิบดีคนที่ 4 ของสหรัฐอเมริกา เขาเป็นชายร่างเล็กและขี้โรค แต่ถึงกระนั้นเขาก็ได้ชื่อว่าเป็น บิดาแห่งรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา เขาเป็นทั้งนักปฏิวัติ ผู้ครอบครองทาส และต่อเมื่อดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดี เขาเป็นผู้ร่าง ‘Bill of Right’ หรือ ‘บัญญัติสิทธิ’ ขึ้น ตามด้วยข้อกฎหมายต่างๆ ที่พร้อมให้เสรีภาพแก่ประชากรอเมริกัน

มาตราที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนในกฎหมายที่ยังบังคับใช้ตราบถึงปัจจุบันนั้น ผ่านการยกร่างถึงเจ็ดครั้งก่อนจะมีการลงมติเห็นชอบของสภาคองเกรสในปี 1791 ใจความสรุปของกฎหมายมาตราดังกล่าวคือ เป็นสิทธิของพลเมืองที่จะ ‘ครอบครองและพกพาอาวุธ’ ได้โดยเสรี

เหตุการณ์สังหารหมู่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาได้อย่างไร? ปืน AR-15 ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่นักล่าสัตว์กลายมาเป็นอาวุธสังหารของคนคลุ้มคลั่งได้อย่างไร? หรือล่าสุด ทำไมเด็กๆ ต้องเป็นฝ่ายลุกขึ้นมาประท้วงต่อต้านการพกพาอาวุธของคนในประเทศเสียเอง?

มันคือเรื่องราวซับซ้อนที่เกี่ยวพันกับอำนาจ เงิน และปัญหาที่หมักหมมยาวนานของอเมริกา นั่นคือ การเหยียดเชื้อชาติ

สหรัฐอเมริกาเคยต่อสู้เพื่อเป็นเอกราชจากราชอาณาจักรอังกฤษด้วยการใช้กำลังอาวุธ และนับแต่นั้นมาพวกเขาก็ไม่ไว้ใจความคิดของรัฐที่เป็นศูนย์กลางอำนาจ ด้วยเหตุนี้ ในปี 1791 จึงเป็นจุดกำเนิดของ Second Amendment – คำแปรบัญญัติฉบับที่สอง ซึ่งผูกไว้ในครอบครองอาวุธของหลักสูตรให้เป็น ‘ทหารรักษาการณ์ที่มีการควบคุมอย่างดี’ กองกำลังอาสาสมัครของพลเมืองที่สามารถยืนหยัดต่อต้านการข่มเหงของรัฐ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ทุกวันนี้คนชอบอาวุธหลายคนชอบที่จะละเลย

และมักจะลืมบ่อยครั้งว่า กฎหมายอาวุธได้จัดแยกไว้แล้วในอาณานิคมของสหรัฐฯ จำนวนมาก ไม่เพียงเพื่อป้องกันการกดขี่จากเบื้องบนเท่านั้น หากยังเพื่อปราบปรามการปฏิวัติจากเบื้องล่าง เริ่มแรกชาวอเมริกันใหม่ใช้กำลังขับไล่ชนชาติดั้งเดิมออกก่อน จากนั้นบังคับใช้อำนาจและควบคุมทาสของพวกเขา

KKK และ NRA

การก่อตั้ง NRA (National Rifle Association of America) ในปี 1871 มีความเชื่อมโยงแนบแน่นกับช่วงปลายของสงครามกลางเมืองปี 1865 ครั้งนั้นคนผิวดำมีโอกาสเข้าถึงอาวุธเป็นครั้งแรกเช่นกัน และนำมาซึ่งการพยายามครั้งแรกในการจำกัดขอบเขต จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่มีการก่อตั้ง NRA ขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันนั้น รวมถึงการก่อกำเนิดของกลุ่ม Ku-Klux-Klan ขึ้นครั้งแรกในอเมริกา และตั้งตัวเป็น ‘กลุ่มติดอาวุธ’ กลุ่มใหม่

กระทั่งต่อมาเริ่มมีการเคลื่อนไหวของพลเมืองอเมริกันในช่วงทศวรรษ 1950s และ 1960s ประท้วงอำนาจของคนผิวขาว NRA ซึ่งเดิมทีเป็นสมาคมที่ดูแลควบคุมการครอบครองอาวุธและกีฬาล่าสัตว์ธรรมดา ก็ผันตัวเองมาเป็นองค์กรล็อบบีภายใต้การหนุนหลังของอุตสาหกรรมผลิตอาวุธขึ้นมาทันที โดยมีเป้าหมายเพื่อเร่งให้มีการผลิตอาวุธมากขึ้น และสำหรับคนผิวขาวเท่านั้น นโยบายดังกล่าวเป็นที่พอใจของกลุ่มอนุรักษ์นิยมในวอชิงตันที่เกลียดชังมัลคอล์ม เอ็กซ์ (Malcolm X) กลุ่มเสือดำ (Black Panther) และกลุ่มต่อต้านคนผิวดำ การควบคุมอาวุธกลายเป็นข้อพิพาททางอุดมการณ์ระหว่างพรรคดีโมแครตและพรรครีพับลิกัน…ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา

คาวบอยและจินตนาการต่างๆ

ในตอนแรก กฎหมายปืนเป็นเพียงข้อกังวลของรัฐเขตเทศบาลและพื้นที่ตั้งถิ่นฐานของชาวตะวันตก กฎหมายควบคุมอาวุธปืนท้องถิ่นฉบับแรกควรจะระงับการยิงระหว่างคาวบอย

ต่อมาฮอลลีวูดได้เปลี่ยนความรุนแรงของการใช้อาวุธมาเป็นวีรชนคนกล้า นโยบายอาวุธและความคิดแบบคาวบอยผสานเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว ปืนในหนังของจอห์น เวย์น และคลินต์ อีสต์วูดถูกนำมาแขวนประดับไว้ในพิพิธภัณฑ์ของ NRA ต่อมาดาราดังอย่างชาร์ลตัน เฮสตัน แนวร่วมพรรคดีโมแครต ได้เข้ามาบริหาร NRA อยู่นานหลายปี

ภาพยนตร์และโทรทัศน์ยังป้อนเรื่องราวให้คนชอบอาวุธในรูปแบบอื่นๆ อีก ไม่ว่า Rambo ไลท์เซเบอร์ใน Star Wars หรือ Thelma and Louise ฟิกชันเหล่านี้ช่วยสร้างภาพให้อาวุธกลายเป็นเครื่องมือของคนดี จนเป็นที่ถกเถียงว่า ความรุนแรงของการใช้อาวุธในหนังหรือแม้กระทั่งความโหดร้ายของวิดีโอเกมนั้น มีอิทธิพลต่อผู้กระทำความผิดจากการกราดยิงฝูงชนหรือไม่ อย่างไรก็ตาม มือสังหารหลายคนในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ปรากฏข้อบ่งชี้ว่าพวกเขามีแรงจูงใจในการกระทำจากความไม่พอใจและความเกลียดชัง และเกือบทั้งหมดเป็นคนผิวขาว

จากเสรีภาพสู่ความคลั่งไคล้

อำนาจของ NRA ในปัจจุบันคือวัฒนธรรม การเงิน และการเมือง ภายใต้ข้ออ้างในการปลูกฝังเสรีภาพ พวกเขาบริจาคเงินนับล้านให้กับนักการเมืองพรรครีพับลิกัน เพื่อตอบสนองความคลุ้มคลั่งในอาวุธของชาวอเมริกันต่อไป เฉพาะประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เองก็ได้รับเงินมากกว่า 30 ล้านดอลลาร์จากสมาคมล็อบบีเป็นเงินสนับสนุนการหาเสียงเลือกตั้ง

ปัจจุบัน ในสหรัฐอเมริกามีอาวุธปืนสะพัดอยู่ประมาณ 300 ล้านกระบอก NRA ยุคใหม่ขับเคลื่อนกลยุทธ์ในแนวทางเดียวกับที่เคยนำพาโดนัลด์ ทรัมป์ ไปสู่ความสำเร็จ…กลยุทธ์ที่ผสมผสานกันระหว่างความโกรธแค้น ความเขลา และการเหยียดเชื้อชาติ อาวุธจึงยังคงเป็นสินค้าเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ผลิตขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ในการทำลายล้าง ระหว่างนี้พลเมืองอเมริกัน 2 ใน 3 ยังต้องเผชิญกับความเปราะบางของกฎหมายอาวุธ ที่ผู้มีอำนาจทางการเมืองยังคงขัดขวางต่อไป

หมายเหตุจากพาร์กแลนด์

ฉากความรุนแรงเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018 ที่เด็กหนุ่มวัย 19 ปีใช้อาวุธปืนกราดยิงในโรงเรียนมาร์จอรี สโตนแมน ดักลาส ในเมืองพาร์กแลนด์ รัฐฟลอริดา จนมีคนเสียชีวิตจำนวน 17 คนนั้น ทำให้เกิดการถกเถียงกันในสหรัฐอเมริกาอีกครั้งเกี่ยวกับกฎหมายอาวุธ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กนักเรียนของโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบจากการสังหารหมู่ครั้งนี้ พวกเขาจัดการชุมนุมประท้วง ‘March for our lives’ ในกลางเดือนมีนาคม

แทนที่จะมีการทบทวนนโยบายหรือกฎหมาย ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กลับเห็นชอบกับการเพิ่มอาวุธ แถมมีข้อเสนอสำหรับอนาคต โดยให้ครูทุกคนพกพาอาวุธปืนติดตัว

ปฏิกิริยาของสังคมอเมริกันที่มีต่อ NRA

ในโลกโซเซียลเริ่มมีความเคลื่อนไหว รณรงค์ให้บอยคอต NRA ภายใต้แฮชแท็ก #BoykottNRA บริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกาหลายบริษัท อย่าง United และ Delta Airlines แจ้งเข้าร่วมผ่านทางทวิตเตอร์ รวมถึงบริษัทรถเช่า Hertz and Enterprise, บริษัทประกัน MetLife, บริษัทรักษาความปลอดภัยระบบอินเตอร์เน็ต Symantec หรือเครือโรงแรมต่างๆ ก็พากันขานรับ พร้อมจะยุติการให้ความสนับสนุน และตัดขาดการทำธุรกิจใดๆ ร่วมกับ NRA

 

 

อ้างอิง:

Tags: , , , , , , , ,