หากใครต้องการหลีกหนีความจำเจกับการนัดหมายเพื่อนฝูง หรือคุยธุรกิจกึ่งไม่ทางการ ตามร้านกาแฟที่อาจไม่ได้ความเป็นส่วนตัว เราอยากแนะนำมาที่โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ ซึ่งก็เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS จะลงชิดลมหรือเพลินจิตก็ได้เช่นกัน ตัวโรงแรมเป็นส่วนหนึ่งของห้างเซ็นทรัล เอ็มบาสซี แม้ทางเข้าตัวโรงแรมอาจดูลึกลับเสียหน่อย แต่ถ้ากดลิฟต์มาที่ชั้น 9 ก็จะเจอกับโซน Living Room ที่แสนจะเงียบสงบ และเรียบง่ายสบายตา พร้อมกับสั่งเซ็ตชุดน้ำชาย่ามบ่ายสักเซ็ต ดื่มด่ำกับวิวกรุงเทพฯ เพียงเท่านี้ก็ฟินสุดๆ แล้ว

  Living Room ของโรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ จะเน้นบรรยากาศอบอุ่น สงบ และเรียบง่ายสบาย มีการตกแต่งด้วย ‘นาคา’ มังกรน้ำตามตำนานของไทย พื้นที่บริเวณนี้ยังมีงานศิลปะจัดวางอื่นๆ อยู่ตามมุมต่างๆ พร้อมกับเปิดให้เห็นวิวกรุงเทพฯ ย่านใจกลางเมืองแบบเต็มตาด้วยกระจกสูง 8 เมตร ทำให้เพลิดเพลินไปกับอาหารและเครื่องดื่มได้ตลอดทั้งวัน

สำหรับชุดน้ำชายามบ่าย เป็นผลงานของเชฟ เควิน ลี เชฟขนมหวานมากประสบการณ์ที่เคยทำงานมาแล้วทั้งในปารีส ลอนดอน และเซินเจิ้น โดยเขาถนัดการทำขนมหวานแนวเวิสเทิร์นแต่ผสมผสานวัตถุดิบท้องถิ่น และปรับเปลี่ยนรสชาติให้ถูกปากคนประเทศนั้นๆ

สำหรับชุดน้ำชายามบ่ายที่ Living Room ของโรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ จะเน้นความหลากหลายของขนมหวาน และรสชาติที่แตกต่างกันไป แต่บอกก่อนว่าจะไม่หวานมาก สามารถกินได้เรื่อยๆ บางตัวกินแล้วให้ความสดชื่น

ส่วนหน้าตาก็เป็นอีกจุดเด่นที่ความอลังการ มีควันน้ำแข็งแห้งพวยพุ่งออกมาจากตรงกลาง ซึ่งใส่ช็อกโกแลตบอลเอาไว้ ส่วนขนมอื่นๆ ก็จะมีพวกเค้กช็อกโกแลต ขนมปังไส้ครีมโรยด้วยมัทฉะกรีนที ไวท์ช็อกโกแลตท็อปด้วยสตรอเบอร์รี ส่วนของคาวมีขนมปังท็อปหน้าต่างๆ เช่น หน้าฟัวกราส์ แซลมอน เป็นต้น

แน่นอนว่าขนมหวานก็ต้องกินคู่กับชาดีๆ โดยของที่นี่จะเสิร์ฟเฉพาะยี่ห้อ มาริยาจ แฟรส์ (Mariage Freres) ชาแบรนด์ดังจากฝรั่งเศสเท่านั้น 

ใครที่อยากหาสถานที่เงียบๆ นั่งดื่มชาย่านกลางเมือง ต้องมาลองที่ Living Room โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ

ชุดน้ำชายามบ่ายสำหรับคนเดียว ในวันธรรมดา (วันจันทร์-ศุกร์) เริ่มต้นที่ 850 บาท ++ และสองคนอยู่ที่ 1,600 บาท++ ส่วนของวันเสาร์-อาทิตย์ เริ่มต้นที่ 950 บาท ++ และ 1,800 บาท++ สำหรับสองคน โดยเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 14.00-17.00 น.