หลายปีมานี้ ใครที่อยู่ในโลกโซเชียลฯ คงสังเกตเห็นการคอลแลบของดารา-ศิลปิน กับอินฟลูเอนเซอร์สายบันเทิงหรือสายไลฟ์สไตล์ ที่มักเข้ามาพูดคุย ทำคอนเทนต์ด้วยกัน หรือเพื่อโปรโมตผลงานล่าสุดลงสื่อโซเชียลฯ ของอินฟลูฯ คนนั้นๆ ทั้งใน TikTok หรือ YouTube โดยเฉพาะช่องของอินฟลูฯ ที่มีชื่อเสียง
โดยเหล่าศิลปินดาราไทยที่ปรากฏในคอนเทนต์ของอินฟลูฯ ข้างต้น ส่วนใหญ่มีผลงานการแสดง ผลงานเพลงในปีนี้ อย่างเช่น พีช-พชร จิราธิวัฒน์, เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ และแอลลี่-อชิรญา นิติพน นักแสดงนำจากซีรีส์สาธุ 2 ออกช่องเซียน STUDIO หรือเซียนหรั่ง
ในช่วงที่ อาโป-ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ มีผลงานการแสดงเรื่องตี๋ใหญ่ ฤกษ์ดาวโจร หลายคนได้ฟังพอดแคสต์เรื่องราวชีวิตและประสบการณ์ของอาโป ผ่านทางช่อง GoyNattyDream Channel ในขณะที่ช่อง phaztter ก็ปล่อยรายการพอดแคสต์ Turning Points หรือ 5 จุดเปลี่ยน บทเรียนหัวใจ พูดคุยกับ กฤติน สอสูงเนิน วง PERSES และขุนพล-ปองพล ปัญญามิตร วง BUS ศิลปิน T-Pop ที่จัดคอนเสิร์ตใหญ่ในปีนี้
นอกเหนือจากการโปรโมตผลงานการแสดง ยังมีการปรากฏตัวเพื่อโฆษณาสินค้าหรือแคมเปญของแบรนด์ ไม่เว้นแม้แต่ดาราระดับซูเปอร์สตาร์อย่าง ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต ที่ควงลูกสาว ‘น้องแอบิเกล’ มาทำคอนเทนต์ ‘สัมภาษณ์ฝึกงาน’ มอสมัดจุก (Mosmudjook)
ทั้งนี้รูปแบบคลิปคอนเทนต์ของช่องอินฟลูฯ ได้รับความนิยมในไทย จนทำให้บรรดาศิลปิน K-Pop และดาราเกาหลีไม่ปฏิเสธในการโปรโมตผลงานกับเหล่าอินฟลูฯ เช่น แฮชาน (HAECHAN) วง NCT ที่มาออกช่องมอสมัดจุก หรือนักแสดงจากซีรีส์ Good Boy ทั้ง พัค โบกอม (Park Bo Gum), คิม โซฮยอน (Kim So-Hyun) และอี ซังอี (Lee Sang-yi) มาโปรโมตซีรีส์ผ่านช่อง YouTube เทพลีลา
ปรากฏการณ์ที่เหล่าดาราศิลปินหันมาออกช่องอินฟลูฯ เพิ่มมากขึ้น กำลังบอกเราว่าวงการบันเทิงไทยค่อยๆ เปลี่ยนไป ทั้งนี้ยังมีเหตุผลเบื้องหลังอีกหลายข้อที่ทำให้เหล่าอินฟลูฯ ก้าวขึ้นมามีอิทธิพลในวงการบันเทิงเทียบเท่าสื่อโทรทัศน์และสื่อออนไลน์
หลายคนรู้จักการตลาดแบบ KOL Marketing ที่ใช้ Key Opinion Leader (KOL) ผู้อิทธิพลบนโลกออนไลน์หรืออินฟลูฯ มาโปรโมตสินค้าหรือบริการ ซึ่งนิยมทั้งในไทยและต่างประเทศ เมื่อลองเทียบเคียงดูแล้ว สินค้าของวงการบันเทิงไทยไม่ได้มาในรูปแบบสิ่งของ หากแต่เป็นตัวศิลปินดารากับผลงานที่ใช้อินฟลูฯ เป็นสื่อกลางในการโปรโมต เพื่อทำให้ฐานผู้ติดตามหรือคนดูคอนเทนต์ออนไลน์ได้มองเห็น และตระหนักถึงคุณค่าอะไรบางอย่างในตัวดาราพร้อมผลงาน
หากสงสัยว่าแล้วอินฟลูฯ ประสบความสำเร็จในตลาดบันเทิงได้อย่างไร คำตอบอาจอยู่ในงานวิจัยของ Universidad of Zaragoza ประเทศสเปน หัวข้อ ‘Influencer marketing on TikTok: The effectiveness of humor and followers’ hedonic experience’ หรือการตลาดแบบใช้อินฟลูฯ บน TikTok ประสิทธิภาพของอารมณ์ขันและประสบการณ์ความสุขของผู้ติดตาม ระบุว่า มีปัจจัย 8 ด้านที่ทำให้อินฟลูฯ สื่อสารกับคนดูได้สำเร็จ ได้แก่ ความคิดริเริ่ม (Originality), คุณภาพ (Quality), ปริมาณ (Quantity), อารมณ์ขัน (Humor), ประสบการณ์แห่งความสุข (Hedonic Experience), ความเป็นผู้นำทางความคิด (Opinion Leadership), ความตั้งใจในการติดตาม (Intention to Follow the Account) และความตั้งใจที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำ (Intention to Follow the Advice)
ข้อที่น่าสนใจคือ ความคิดริเริ่ม อารมณ์ขัน และการมอบประสบการณ์ความสุข ซึ่งเป็น DNA ของเหล่าอินฟลูฯ ชาวไทย เมื่อพิสูจน์ตัวเองในด้านความบันเทิงได้แล้ว จึงนำมาซึ่งกลุ่มผู้ติดตามจำนวนมากที่เชื่อถือ ไว้วางใจในคอนเทนต์ต่างๆ ที่นำเสนอออกมา
และด้วยเหตุผลทั้ง 8 ข้อนี้จากงานวิจัย ชวนให้ตั้งคำถามว่า สื่อโทรทัศน์ไทย สื่อสิ่งพิมพ์ ตลอดจนสื่อออนไลน์กำลังไล่ตามข้อใดไม่ทันบ้าง หรือแท้จริงยังไม่จำเป็นต้องปรับตัวตามอินฟลูฯ หรือไม่ เพราะอย่างไรก็ตาม ในสื่อบันเทิงต่างประเทศก็ไม่ได้เห็นศิลปินปรากฏตัวบนโซเชียลมีเดียของอินฟลูฯ ได้มากและเด่นชัดเท่าของไทย
ก่อนหน้านี้อินฟลูฯ มีอำนาจชี้นำความคิดของคนในมิติของธุรกิจอาหาร บริการ แฟชั่น ความงาม การท่องเที่ยว หรือไลฟ์สไตล์อื่นๆ จนกระทั่งในปีนี้หลายคนสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่อินฟลูฯ เข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมบันเทิงไทย หนึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัดในวันนี้คือ อินฟลูฯ มีอิทธิพลต่อคนดูมากกว่ารายการทีวีหลายรายการ ดารากับศิลปินจึงให้ความสำคัญกับช่องทางของอินฟลูฯ ประกอบกับคนรุ่นใหม่เองก็เลือกเสพความบันเทิงจากฟีดโซเชียลฯ มากกว่าเปิดโทรทัศน์
และในอนาคต หากสื่อโทรทัศน์เลือกไม่ปรับตัวตามพฤติกรรมผู้ชม แล้วหลังจากนี้สื่อโทรทัศน์จะยังนำเสนออะไร แล้วอนาคตของสื่อโทรทัศน์จะเป็นอย่างไร
อ้างอิง:
– https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S0969698922002429
Tags: influencer, อินฟลูเอนเซอร์, Entertainment



