วันนี้ (20 พฤศจิกายน 2568) อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย กรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และร้อยตำรวจเอก พงศกร ขวัญเมือง โฆษกพรรคฯ เดินทางมายังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อยื่นหลักฐานเส้นทางธุรกรรมทางการเงินของกระบวนการสแกมเมอร์ โดยเป็นส่วนหนึ่งของยุทธการ ‘ฟ้าใหม่ไล่เมฆเทา’
อภิสิทธิ์กล่าวว่า ปัญหาสแกมเมอร์และการหลอกลวงประชาชนไม่ได้มีเหยื่อแค่ในประเทศ แต่เป็นปัญหาของโลก ที่ผ่านมามีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า กระบวนการสแกมเมอร์ระดับโลกเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมในประเทศเชื่อมโรงกับบุคคลที่เป็นคนไทยหลายคน รวมถึงบุคคลที่มีตำแหน่งทางการเมืองด้วย อย่างไรก็ตาม แม้ว่าที่ผ่านมาจะเห็นความเชื่อมโชงระหว่างบุคคลหรือระหว่างบริษัท และรัฐบาลตอบสนองด้วยการจัดทำข้อตกลงหรือ MOU ระหว่างหน่วยงานต่างๆ เป็นวาระแห่งชาติ แต่จนถึงทุกวันนี้ยังไม่ทราบว่าหน่วยงานต่างๆ ได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง

อภิสิทธิ์เปิดเผยว่า เหตุผลที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องดำเนินการเรื่องนี้ เป็นเพราะปัจจุบันประเทศสหรัฐอเมริกากำลังตรากฎหมายที่มีการระบุถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับอาชญากรรมเหล่านี้ ทั้งนี้หากกฎหมายผ่านภายใน 6 เดือน สหรัฐฯ สามารถเข้ามาดำเนินการได้หลายอย่าง นอกจากนั้นหากติดตามข่าวสารจะพบว่า หลายประเทศได้มีการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวไปเรียบร้อยแล้ว แต่ประเทศไทยซึ่งถูกจับตาอยู่ กลับยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ
“พรรคก็มีความเป็นห่วงว่า ถ้าปล่อยเป็นเช่นนี้ต่อไป ภาพลักษณ์ของประเทศไทยจะเสียหายมาก” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แสดงความกังกวล
ทั้งนี้ เป้าหมายการยื่นหลักฐานต่อ ปปง. อภิสิทธิ์ระบุว่า คาดหวังการทำงานของ ปปง.นำไปสู่การประสานงานกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการขยายผลเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่การยึดทรัพย์อย่างเดียว แต่ต้องการให้สถาบันทางการเงินเข้มงวดกวดขันไปสู่ประเด็นที่ว่า ท้ายที่สุดแล้วธุรกรรมทั้งหลายเหล่านี้ใครคือผู้ได้รับผลประโยชน์ตัวจริง ซึ่งจุดนี้จะทำให้สามารถขยายผลไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติได้ทั้งหมด
“เราถือเรื่องของการเมืองสุจริตเป็นสำคัญ แล้วเราไม่ได้พูดการเมืองสุจริตในแง่มุมของประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับระบอบประชาธิปไตย แต่เราเชื่อว่าขณะนี้ปัญหาเศรษฐกิจหลายปัญหาที่เราเผชิญอยู่ มันมาจากปัญหาความไม่สุจริตที่มีอยู่ในบ้านเมือง การถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับมาตรฐานธรรมาภิบาลในการกำกับดูแลตลาดทุน ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่เวลาเจอกับนักลงทุนต่างประเทศ แล้วเขาจะบอกว่าไม่มั่นใจในการจะมาลงทุนแบบนี้
“และร้ายแรงที่สุดก็คือ ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้วย เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราทำก็คือ เราไม่ใช่แค่เรียกร้องหรือพูดเฉย ๆ แต่เราต้องทำงาน และต้องทำงานจริง” อภิสิทธิ์ทิ้งท้าย







