บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) หรือ HTC ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มในเครือ ‘โคคา-โคล่า’ ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับบริษัท อ๊อกซิเทค จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดเก็บวัสดุใช้แล้วเพื่อการรีไซเคิล และบริษัท รอยซ์ ยูนิเวอร์แซล จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการรีไซเคิลวัสดุแบบครบวงจร
ทั้ง 3 องค์กรได้ร่วมกันเปิดตัว ‘พันธมิตรเพื่อการรีไซเคิลในภาคใต้’ หรือ Southern Recycling Alliance เพื่อพัฒนาระบบรีไซเคิลขวดพลาสติก PET ใช้แล้วให้กลับมาเป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิล (rPET) และนำไปผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มใหม่อีกครั้ง (Bottle-to-Bottle Recycling) ผ่านกระบวนการโลจิสติกส์ย้อนกลับ (Reverse Logistics)
โครงการนี้นับเป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มในประเทศไทย และเป็นต้นแบบระดับโลกของธุรกิจโคคา-โคล่า ที่นำแนวคิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้จริง สะท้อนวิสัยทัศน์ของหาดทิพย์ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบต่อสังคม
พันธมิตรเพื่อการรีไซเคิลในภาคใต้เป็นความร่วมมือแบบไตรภาคี ที่ขับเคลื่อนการรีไซเคิลขวดพลาสติก PET ครบวงจร โดยเริ่มจากบริษัทอ๊อกซิเทคทำหน้าที่รับซื้อขวดพลาสติก PET จากผู้เก็บและผู้รับซื้อในท้องถิ่นภาคใต้ นำมาคัดแยก ล้างทำความสะอาด และบดเป็นเกล็ดพลาสติก PET (PET Flake) ตามมาตรฐานและข้อกำหนดจากหาดทิพย์
จากนั้นหาดทิพย์จะขนส่งเกล็ดพลาสติกดังกล่าวไปยังโรงงานของรอยซ์ ยูนิเวอร์แซล จังหวัดนครปฐม เพื่อแปรรูปเป็นเม็ดพลาสติก rPET ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และโคคา-โคล่า
เมื่อได้เม็ดพลาสติก rPET แล้ว หาดทิพย์จะนำกลับมาผลิตเป็นขวดเครื่องดื่มใหม่ ณ โรงงานพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ก่อนส่งต่อผลิตภัณฑ์ที่สดชื่นและปลอดภัยสู่มือผู้บริโภคอีกครั้ง
ทั้งหมดนี้นับเป็นกระบวนการรีไซเคิลจากขวด PET สู่ขวด rPET ที่ครบวงจรในโครงการเดียว โดยเกิดขึ้นได้จากความร่วมมือของพันธมิตรภาคธุรกิจที่มีเป้าหมายเดียวกัน ขับเคลื่อนการรีไซเคิลอย่างยั่งยืนให้เกิดขึ้นจริงในภาคใต้และในประเทศไทย
พลตรี พัชร รัตตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ในพื้นที่ภาคใต้ หาดทิพย์ตระหนักดีว่า เรามีหน้าที่ที่ต้องใช้บรรจุภัณฑ์อย่างรับผิดชอบ เพราะแม้บรรจุภัณฑ์จะเป็นองค์ประกอบสำคัญในการส่งมอบเครื่องดื่มที่ปลอดภัยและมีคุณภาพถึงมือผู้บริโภค แต่หากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ก็อาจกลายเป็นภาระต่อสิ่งแวดล้อมได้”
ปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญสำหรับชุมชนในภาคใต้ ซึ่งรายล้อมด้วยทะเลและเกาะแก่งที่งดงาม หาดทิพย์จึงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาได้ลงทุนกว่า 800 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูธุรกิจขวดแก้ว รวมถึงปรับลดน้ำหนักบรรจุภัณฑ์และฝาพลาสติกเพื่อลดการใช้ทรัพยากร
“ความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญ เพราะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงเครือข่ายการเก็บรวบรวมบรรจุภัณฑ์ โดยเฉพาะขวดพลาสติก PET ได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น ขวดที่ถูกรวบรวมจะถูกเปลี่ยนเป็นเม็ดพลาสติก rPET เพื่อนำกลับมาใช้ผลิตบรรจุภัณฑ์ใหม่อีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ที่จะช่วยขับเคลื่อนหาดทิพย์ไปสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนของบรรจุภัณฑ์ พร้อมลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ภาคใต้ไปพร้อมกัน”
ด้าน ดร.เศกสันต์ อุดมศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อ๊อกซิเทค จำกัด กล่าวว่า “อ๊อกซิเทครู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้ เรามีประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเก็บรวบรวมวัสดุและบรรจุภัณฑ์พลาสติกใช้แล้วมาแปรรูปเป็นเกล็ดพลาสติก เพื่อนำไปรีไซเคิลมากว่า 14 ปี โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดขยะทะเล”
อ๊อกซิเทคและบริษัทในเครือยังดำเนินโครงการด้าน Plastic Credit เพื่อการเก็บและรีไซเคิลพลาสติก ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานจากองค์กรระดับโลกอย่าง Verra ถือเป็นโครงการพลาสติกแห่งแรกของ Verra ในระดับโลกที่เกิดขึ้นในจังหวัดกระบี่และตรัง
“ที่ผ่านมา เรามีโอกาสร่วมงานกับหาดทิพย์และ ‘โคคา-โคล่า’ ในโครงการจัดการขยะบนเกาะ ซึ่งทำให้เห็นว่าทั้ง 2 ฝ่าย มีเป้าหมายร่วมกันในด้านสิ่งแวดล้อม การได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรในครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญ ที่จะช่วยยกระดับการแปรรูปวัสดุและบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วให้สามารถตอบโจทย์ Food-Grade Recycling หรือการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ที่สัมผัสอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น” ดร.เศกสันต์กล่าว
นอกจากนี้ อ๊อกซิเทคยังนำระบบการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability System) ที่ผ่านการใช้งานกับองค์กรระดับโลกมาสนับสนุนพันธมิตรในโครงการนี้ ระบบดังกล่าวสามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่า เกล็ดพลาสติกแต่ละล็อตมาจากขวดที่จัดเก็บในพื้นที่ใด ทำให้สามารถตรวจสอบคุณภาพได้ตลอดกระบวนการ และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาแนวทางการจัดเก็บและรวบรวมในพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต
ธัชวัช เตชะมงคลจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รอยซ์ ยูนิเวอร์แซล จำกัด กล่าวว่า “รอยซ์ ยูนิเวอร์แซล เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านการรีไซเคิลวัสดุใช้แล้วให้กลายเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ สวยงาม และคงทน เราเริ่มต้นจากการผลิตวัสดุก่อสร้าง เช่น วัสดุมุงหลังคาและพื้นผิวที่ทำจากโพลีคาร์บอเนต ก่อนจะขยายเข้าสู่ธุรกิจเม็ดพลาสติกรีไซเคิล rPET อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัยและทีมบุคลากรที่มีประสบการณ์ยาวนาน”
ทั้งนี้การได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรในโครงการนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของบริษัท เพราะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ rPET และเป็นเครื่องยืนยันถึงมาตรฐานคุณภาพของเม็ดพลาสติกที่ผลิตออกจากโรงงานของรอยซ์ ยูนิเวอร์แซลว่า ผ่านเกณฑ์ระดับโลกตามมาตรฐานของโคคา-โคล่า
“เราหวังว่าการร่วมผลิตเม็ดพลาสติก rPET ให้กับหาดทิพย์ในครั้งนี้จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระยะยาว ที่จะนำไปสู่โอกาสใหม่ในการนำวัสดุใช้แล้วกลับมารีไซเคิลให้เกิดมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นสิ่งที่เรามีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาที่ได้ร่วมงานกับหาดทิพย์ เราเห็นศักยภาพมหาศาลของวัสดุใช้แล้ว รวมถึงซากผลิตภัณฑ์และขยะทะเลจากภาคใต้ที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้อีกมาก เราจึงตั้งใจจะให้ทีมวิศวกรของเราร่วมวิจัยและพัฒนา เพื่อสร้างนวัตกรรมการรีไซเคิลใหม่ ๆ ที่ทั้งสร้างมูลค่าและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทเราอย่างแท้จริง”
สำหรับระยะเริ่มต้นของโครงการพันธมิตรเพื่อการรีไซเคิลในภาคใต้ ซึ่งดำเนินการตั้งแต่เดือนกันยายน 2568-มิถุนายน 2569 ทั้ง 3 บริษัทมีเป้าหมายในการรวบรวมขวดพลาสติก PET ใช้แล้วในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อนำมาผลิตเป็นเม็ดพลาสติก rPET สำหรับใช้ในบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มของหาดทิพย์ให้ได้อย่างน้อย 100 ตัน
นอกจากเป้าหมายด้านการรีไซเคิลแล้ว พันธมิตรทั้งสามยังเตรียมร่วมกันวิจัยและพัฒนาแนวทางใหม่ๆ ในการจัดเก็บ รวบรวม และรีไซเคิลวัสดุอื่นๆ ในพื้นที่ภาคใต้ ผ่านเครือข่ายผู้จัดเก็บและชุมชนท้องถิ่นของอ๊อกซิเทค ระบบโลจิสติกส์ย้อนกลับที่บริหารจัดการโดยหาดทิพย์ และเทคโนโลยีรีไซเคิลที่เชี่ยวชาญของรอยซ์ ยูนิเวอร์แซล
ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ทั้ง 3 องค์กร สามารถขับเคลื่อนเป้าหมายด้านความยั่งยืนร่วมกันได้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมร่วมดูแลรักษาภาคใต้ของไทย ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญระดับโลก ให้คงความสะอาดและความงดงามต่อไปในระยะยาว






