ปี 2023 ทัตซึน นักพากย์ชื่อดังและสามีของลิซา (LiSa) นักร้องดิว่าเสียงดี ถูกจับได้ว่านอกใจไปมีสัมพันธ์กับแฟนคลับ
ปี 2024 ยูอิจิโระ ทามากิ (Yuichiro Tamaki) นักการเมืองหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน แถลงการยอมรับว่านอกใจภรรยา
และล่าสุด ปี 2025 หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ชูกังบุนชุน แฉความสัมพันธ์รักนับไม่ถ้วนในวงการบันเทิง ระหว่าง นากาโนะ เมย์ (Nagani Mei) , เคนทาโร่ ซาคากุจิ (Kentaro Sakaguchi) และแฟนสาวอาชีพสไตลิสต์ของเขา ซึ่งเชื่อมโยงกลับไปยังข่าวฉาวเมื่อกลางปี ที่นากาโนะเผชิญข้อกล่าวหาคบชู้กับ ทานากะ เคย์ (Tanaka Kei) นักแสดงรุ่นพี่ซึ่งแต่งงานแล้ว
หลายปีมานี้ บ่อยครั้งทีเดียวที่ข่าวใหญ่สะเทือนวงการและเรียกเสียงฮือฮาทั้งจากชาวญี่ปุ่นและผู้ให้ความสนใจในต่างแดนล้นหลาม เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการนอกใจ จนแทบจะกล่าวได้ว่า ที่ญี่ปุ่นมีข่าวคนดังคบชู้ให้เสพรายเดือน
เสียงผู้มีประสบการณ์ฝั่งหนึ่งลงความเห็นว่า สังคมญี่ปุ่น Normalize พฤติกรรมที่คนไทยเรียกว่า นอกใจจนกลายเป็นเรื่องปกติ ถึงขั้นที่ว่า การใช้บริการทางเพศหรือกระทั่งมีสัมพันธ์วันไนต์สแตนด์ ไม่นับเป็นการนอกใจอย่างจริงจังด้วยซ้ำ
แต่ข้อมูลอีกจากฝั่งก็บอกชัดเช่นกันว่า เมื่อไรที่มีข่าวคนดังคบซ้อน หรือมีคนรู้จักในวงสังคมหนึ่งๆ เล่นชู้อย่างโจ่งแจ้ง คนเหล่านี้ก็จะถูกลงโทษทางสังคมญี่ปุ่นอย่างรุนแรงพอสมควร ดังนั้นหากกล่าวว่า สังคมญี่ปุ่นยอมรับพฤติกรรมนี้ก็คงยังไม่ใช่เสียทีเดียว
ในความเป็นจริง วัฒนธรรมการนอกใจในญี่ปุ่นเป็นอย่างไรกันแน่ แตกต่างจากรูปแบบพฤติกรรมในประเทศอื่นๆ อย่างไร คอลัมน์ Gender ประจำสัปดาห์นี้จะมาเล่าให้ฟัง
สถิติการนอกใจ
เป็นอันรู้กันว่า แชมป์โลกที่ครองสถิติประชากรนอกใจคนรักมากเป็นอันดับ 1 มาหลายปี คือประเทศไทยเราเอง ด้วยอัตราการคบชู้จากผลสำรวจของ World Population Review อยู่ที่ 51% โดยฝ่ายที่นอกใจมักเป็นผู้ชาย ขณะที่ญี่ปุ่นไม่ติดอันดับ 20 อันดับแรก แต่ถ้านับเฉพาะสัดส่วนการคบชู้ของผู้ชาย ญี่ปุ่นจะเริ่มมาแรงและเข้าเป็นอันดับที่ 13 ด้วยอัตราการนอกใจ 31% แน่นอนว่าไทยก็ยังคงครองอันดับ 1 ในหมวดหมู่การนอกใจของผู้ชายด้วยอยู่ดี
อย่างไรก็ดี ลำพังข้อมูลส่วนนี้ยังไม่พอจะสรุปได้ว่า ญี่ปุ่นหรือไทยมีวัฒนธรรมที่ยอมรับหรืออ่อนโอนให้กับพฤติกรรมนอกใจมากน้อยแค่ไหน ต้องสลับไปดูอีกผลสำรวจจาก Pew Research Center ที่สำรวจความคิดเห็นของประชากรว่า แต่ละประเทศมีประชากรที่มองการนอกใจเป็นเรื่องผิดศีลธรรมกี่เปอร์เซ็นต์ มองว่าการนอกใจไม่ผิดศีลธรรมกี่เปอร์เซ็นต์ และสามารถยอมรับพฤติกรรมนอกใจได้กี่เปอร์เซ็นต์

ที่มา: Pew Research Centre
คราวนี้เป็นไทยบ้างที่ไม่ติด 20 อันดับ ฝรั่งเศสครองอันดับ 1 ในขณะที่ญี่ปุ่นตีตื้นขึ้นมาเป็นอันดับ 7 ประเทศที่ประชากรมีมุมมองต่อต้านการนอกใจน้อยที่สุด สรุปได้ว่า มีคนญี่ปุ่นประมาณ 58% หรือเกินครึ่งมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นมองว่า การนอกใจเป็นเรื่องผิดศีลธรรม
ส่วนที่เหลืออีก 42% เป็นส่วนผสมของประชากรที่มองว่า ไม่ใช่เรื่องผิดศีลธรรม (สีเหลือง) มุมมองไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับสถานการณ์ (สีครีม) มองว่าเป็นเรื่องยอมรับได้ (สีแดง)
หากต้องการผลสำรวจเจาะเฉพาะกลุ่มลงไปอีกนิด Rize Clinic คลินิกให้บริการเสริมความงาม ก็เคยสำรวจประสบการณ์ของคนญี่ปุ่นจำนวน 513 คน โดยให้ตอบคำถามว่า เคยนอกใจคนรักหรือไม่ ปรากฏว่ากลุ่มประชากรที่ตอบว่า ‘เคยนอกใจ’ มีดังนี้
– ผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงาน 21.7%
– ผู้ชายที่ยังไม่แต่งงาน 12.9%
– ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว 18.1%
– ผู้ชายที่แต่งงานแล้ว 38.5%

ที่มา: PR Times
จากข้อมูลข้างต้น ในความสัมพันธ์แบบแฟน ผู้หญิงมีแนวโน้มจะนอกใจมากกว่าผู้ชายเล็กน้อย ในขณะที่หลังจากแต่งงานกันไป ผู้ชายมีแนวโน้มจะนอกใจมากกว่าผู้หญิงเกือบเท่าตัว แต่การนอกใจของผู้หญิงมีโอกาสจะนำไปสู่การหย่าร้างมากกว่า เนื่องจากผู้ชายมีแนวโน้มที่จะคบหากับผู้อื่น เพื่อตอบสนองความต้องการทางเพศเป็นหลัก ในขณะที่ผู้หญิงมักลงทุนทางอารมณ์กับการคบหาผู้อื่นด้วย ทำให้พวกเธอมองเห็นจุดจบความสัมพันธ์ชัดกว่า จึงพิจารณาตัวเลือกที่จะหย่าร้างอย่างเด็ดขาดกว่าผู้ชาย
ด้วยเหตุนี้ชาวญี่ปุ่นส่วนหนึ่งจึงมองว่า เป็นเรื่องร้ายแรงกว่าหากผู้หญิงเป็นฝ่ายนอกใจ เพราะการนอกกายยังไม่ใช่การหักหลังที่ร้ายแรงเท่ากับการเอาใจและอารมณ์ไปลงเล่น จึงเป็นเรื่องง่ายกว่าที่จะให้อภัยเมื่อจับได้ว่าคนรักซื้อบริการทางเพศ ซึ่งเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจมากกว่าความเสน่หา
ประวัติศาสตร์การนอกใจ
คำศัพท์ในภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า นอกใจ มีหลายระดับ
คำแรกคือ อุวาคิ (浮気) ความหมายตรงตัวของ 浮 หมายถึงล่องลอย ส่วน 気 หมายถึงจิตใจ รวมกันจึงแปลแบบตรงตัวได้ว่า จิตใจที่ล่องลอย ว่อกแว่กไปหาคนอื่นชั่วขณะ เวลาคนใช้คำว่าอุวาคิ เราจึงให้ความรู้สึกว่า การนอกใจครั้งนี้เป็นเพียงการเผลอไผลชั่วครั้งชั่วคราว ใช้ได้ในกรณีที่นอกใจไปมีสัมพันธ์กับคนทั่วไป รวมถึงคนแปลกหน้า
ขณะที่ ฟุริน (不倫) อีกหนึ่งคำที่แปลว่านอกใจเหมือนกันใช้ตัวคันจิที่หมายถึงการละเมิดศีลธรรม ซึ่งสื่อความหมายรุนแรงกว่า จึงนำมาใช้พูดถึงการคบชู้ที่เป็นไปอย่างจริงจังและยาวนาน โดยความสัมพันธ์ลับๆ นี้มักเกิดขึ้นกับบุคคลที่รู้จักกันในชีวิตจริงด้วย ทำให้นัยของการหักหลังรุนแรงกว่ามาก
ฉะนั้นคงจะพออนุมานได้ว่า การนอกใจประเภทที่โลกอินเทอร์เน็ตกำลังกล่าวขวัญกันว่าถูก Normalize ในญี่ปุ่น คือการนอกใจประเภทแรกหรืออุวาคินั่นเอง
ไม่เพียงเท่านั้น มุมมองที่ซึมลึกถึงระดับภาษาที่ใช้นี้ ยังแทรกซึมอยู่ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน การแต่งงานสำหรับชนชาติญี่ปุ่นหมายถึงการผูกพันธมิตรกันระหว่าง 2 ครอบครัว เพื่อผลิตทายาทสืบสกุล ความรักโรแมนติกจึงมีบทบาทค่อนข้างน้อยในความสัมพันธ์ของคู่แต่งงานในประวัติศาสตร์ ทำให้บ่อยครั้ง ความปรารถนาและรักที่ร้อนแรงกลับไปเกิดขึ้นนอกบ้านแทน
แม้ตลอดเวลาที่ผ่านมา ปรากฏการณ์การแต่งงานไร้รักที่นำไปสู่การนอกใจ จะมีทั้งกรณีที่ฝ่ายหญิงนอกใจและกรณีที่ฝ่ายชายนอกใจปะปนกันไป แต่ก็เป็นธรรมดาที่ในสังคมชายเป็นใหญ่ของญี่ปุ่น กลไกทางสังคมมักเปิดโอกาสให้ผู้ชายนอกใจมากกว่า ด้วยเหตุผลที่ว่าผู้ชายเป็นฝ่ายหาเลี้ยงครอบครัว ย่อมเผชิญความเครียดมากกว่า จึงมีสิทธิที่จะคลายเครียดด้วยวิธีที่ตนเห็นสมควร
เราจึงเห็นภาพที่ฉายในวัฒนธรรมป็อปว่า ชายแต่งงานจึงสามารถว่าจ้างเกอิชา (ศิลปิน) ให้มาร่วมกินดื่ม ปรนนิบัติ และทำการแสดงได้เป็นล่ำเป็นสัน หรือแม้แต่โออิรัน (โสเภณี) ก็นับเป็นอาชีพที่ไม่ได้ถูกตีตราหนักเท่ากับหญิงค้าบริการในวัฒนธรรมอื่นๆ
‘ศิลปะการอดทน’ ที่ทำให้คนญี่ปุ่นรักษาความสัมพันธ์ไว้ได้ แม้ถูกนอกใจ
หนึ่งในหัวใจสำคัญที่อยู่เบื้องหลังวิธีที่ชาวญี่ปุ่นใช้รับมือสิ่งต่างๆ คือปรัชญาการรักษาความสงบ ก่อให้เกิดเป็นวาทกรรม กามัง (我慢) หนึ่งในคำที่มีความหมายละเอียดอ่อนลึกซึ้งอย่างหาที่เปรียบได้ยาก ไม่ใช่แค่เพียงอดทนเท่านั้น แต่ยังหมายถึงความเพียรที่จะยึดมั่นในศักดิ์ศรี อดกลั้นต่อความยากลำบากทั้งหมดทั้งมวล เพื่อคงไว้ซึ่งความสงบสุขของชีวิตคู่ ครอบครัว ชุมชน และสังคม
แม้ไม่ใช่คนญี่ปุ่นทุกคนจะยอมรับพฤติกรรมนอกกายนอกใจได้ แต่พวกเขามักพยายามสุดความสามารถที่จะรักษาเกียรติของตัวเอง คิดเสียว่าเป็นหนทางเดียวที่จะรักษาการแต่งงานเอาไว้ แล้วอดทนจนกว่าวิกฤตความสัมพันธ์ครั้งนี้จะผ่านพ้นไป แบบเดียวกับที่เหยื่อคุกคามทางเพศบนรถไฟมักอดทนไม่ตะโกนด่าทอผู้กระทำ หรือร้องขอความช่วยเหลือเสียงดังในทันที
ทว่าเมื่อยุคสมัยเปลี่ยน ค่านิยมก็เริ่มค่อยๆ เปลี่ยนตามทีละน้อย ปัจจุบัน คนญี่ปุ่นรุ่นใหม่ๆ มีมุมมองที่ประนีประนอมต่อการนอกใจน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ
อ้างอิง
Tozer, J. (2018, January 16). Infidelity around the world. The Economist. https://www.economist.com/1843/2018/01/16/infidelity-around-the-world.
Pew Research Center. (2014, April 15). Global Morality. Pew Research Center. https://www.pewresearch.org/global/feature/global-morality/. Pew Research Center
Venese. (2020, May 1). Cheating in Japan: Heinous betrayal or a part of Japanese dating culture? Flip Japan Guide. https://flipjapanguide.com/cheating-in-japan/. FLIP Japan Guide
Grape Japan. (2020, January 15). The Surprising Truth about Cheating in Japan. Grape Japan. https://grapeejapan.com/129893
Tags: นอกใจ, การออกเดต, การคบหา, Cheating Culture, Dating Culture, ความรัก, วัฒนธรรม, ญี่ปุ่น, ความสัมพันธ์, การนอกใจ