แฟนฟิกชัน (Fanfiction) นิยายที่ถูกสร้างขึ้นใหม่อย่างไม่เป็นทางการจากบุคคลทั่วไปที่ไม่ใช่เจ้าของผลงาน แต่อ้างอิงจากคาแรกเตอร์ของศิลปิน ตัวละครหรือนิยายที่มีอยู่เดิม โดยแฟนฟิกชันกลายเป็นสิ่งที่รับความนิยมอย่างมากในวัฒนธรรมการติ่งไม่ว่าจะด้อมไหน ๆ
ปัจจุบันแฟนฟิกมีอยู่หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น
– การต่อยอดเรื่องราวจากผลงานเดิม โดยเขียนเพิ่มหรือปรับแต่งเนื้อหา
– การใช้ภาพลักษณ์หรือคาแรกเตอร์ของบุคคลจริง เช่น ศิลปิน มาเขียนในรูปแบบนิยายตามจินตนาการ
กรณีศึกษา แฟนฟิกชัน ‘โศกาภิวัฒน์’
จากประเด็นการพูดถึงภาพยนตร์เรื่องโศกาภิวัฒน์ ที่มีจุดเริ่มต้นจากแฟนฟิกชันเรื่องโศกาภิวัฒน์ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปินวง BTS โดยนักเขียน ‘Demon🌼dance’ เคยเผยแพร่ในเว็บนิยายออนไลน์อย่างจอยลดา และได้รับความนิยมอย่างสูง ก่อนจะปิดตัวในแอปฯ ไป
ต่อมาแฟนฟิกชันดังกล่าวถูกพัฒนาเป็นภาพยนตร์เรื่องโศกาภิวัฒน์ ที่มีกำหนดฉาย 21 สิงหาคม 2568 โดยใช้เนื้อหา ตัวละครและชื่อเรื่องเดียวกับแฟนฟิกชันเดิม
เรื่องนี้ก่อนให้เกิดข้อถกเถียงในกลุ่มแฟนคลับว่า การนำแฟนฟิกชันมาดัดแปลงเป็นนิยายออริจินัลและหารายได้ เป็นการผิดจรรยาบรรณของนักเขียนแฟนฟิกชันและผิดกฎของเว็บไซต์เว็บไซต์ที่ไม่อนุญาตให้แสวงหาผลกำไรจากแฟนฟิกชัน
อย่างไรก็ตาม บริษัท เวลธ์ธัญญ์ เอ็มไพร์ จำกัด ผู้ผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้ ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า บริษัทซื้อลิขสิทธิ์อย่างถูกต้องจากเจ้าของบทประพันธ์ และนำโครงสร้างหลักมาเขียนบทใหม่ให้เหมาะสมกับภาพยนตร์ พร้อมคงชื่อเรื่องและชื่อตัวละครตามต้นฉบับเดิม
แม้ว่าปัญหาเรื่องนี้จะไม่ได้เกิดกับทางผู้จัดทำภาพยนตร์โดยตรง เพราะเป็นผู้ที่ซื้อลิขสิทธิ์ของนิยายจากนักเขียนมาอย่างถูกต้อง แต่กลับกลายเป็นประเด็นให้เกิดการถกเถียงในวงกว้างจากเหล่าแฟนคลับว่า แท้จริงแล้ว ในมุมมองของผู้เขียนนิยาย สามารถนำแฟนฟิกชันมาดัดแปลงเป็นนิยายออริจินัลแล้วนำมาหารายได้ได้หรือไม่
เสียงจากนักเขียน
แฟนฟิกชัน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเขียนนิยายของเหล่านักเขียนหน้าใหม่ เพราะใช้ตัวละครหรืออิมเมจจากศิลปิน หรือผลงานที่ชื่นชอบ จึงมีฐานแฟนคลับเดิมช่วยสนับสนุน ทำให้แฟนฟิกชันได้รับความนิยมสูงบนแพลตฟอร์มนิยายออนไลน์หลายแห่ง ซึ่งบางเรื่องมียอดผู้อ่านสูงไปถึงหลักล้านเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม นักเขียนแฟนฟิกชันส่วนใหญ่มีจรรยาบรรณว่า จะไม่หารายได้จากงาน เนื่องจากเป็นสิ่งที่หยิบยืมมาจากศิลปิน โดยศิลปินและผลงานดั้งเดิมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับงานของเรา และแฟนฟิกชันที่ผลิตขึ้นมาก็เพื่อความบันเทิงในกลุ่มแฟนคลับเท่านั้น
The Momentum มีโอกาสได้คุยกับอดีตนักเขียนแฟนฟิกท่านหนึ่ง เธอเล่าว่า “แฟนฟิกมันเป็นสีเทา มันคือการเอาชื่อเสียงของศิลปินมาทำให้คนเห็นเราเยอะขึ้น การหารายได้ของแฟนฟิกไม่ว่าจะเป็นการติดเหรียญหรือออกเล่ม จึงไม่ควรเพราะเหมือนกับการหากินกับชื่อเสียงของศิลปิน”
เธออธิบายความแตกต่างระหว่างนิยายดั้งเดิมกับแฟนฟิกชันว่า แฟนฟิกใช้รูปลักษณ์และลักษณะและนิสัยของศิลปินในการเดินเรื่อง ซึ่งไม่ได้เกิดจากความคิดของผู้เขียนทั้งหมดเหมือนกับนิยายดั้งเดิม และถึงแม้จะดึงดูดกลุ่มแฟนคลับให้เข้ามาอ่าน แต่รายได้ที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งถึงศิลปิน
โดยเธอเล่าถึงจุดเริ่มต้นในการเขียนแฟนฟิกชันว่า เริ่มจากความอยากลองทำอะไรสักอย่างให้เป็นชิ้นเป็นอัน และในเวลานั้นเธอก็เป็นแฟนคลับของศิลปินวงหนึ่ง จึงหยิบศิลปินที่ชอบมาเล่าในมุมมองของตัวเองผสมกับคาแรกเตอร์บางอย่างของศิลปิน ซึ่งผลงานของเธอมีผู้อ่านประมาณ 9,000 คน แต่ปัจจุบันก็ไม่ได้เขียนแฟนฟิกชันแล้ว
เช่นเดียวกับอดีตนักเขียนแฟนฟิกชันคนหนึ่งเผยว่า เธอเริ่มเขียนนิยายด้วยแรงบันดาลใจจากศิลปินที่ชอบและเนื้อเรื่องที่อยากเขียน “ส่วนตัวเรา ถ้ามีคนซื้อแฟนฟิกไปทำซีรีส์ ยังไงก็ไม่ขาย เพราะว่าตอนทำ เราทำเพื่อความบันเทิงของตัวเอง ถ้าเป็นพล็อตละครก็ควรต้องเขียนใหม่และเป็นออริจินัลที่ดีไซน์ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด”
นักเขียนแฟนฟิกชันอีกท่านที่มียอดผู้อ่านสูงถึง 2 ล้านคน และทำงานอยู่ในวงการบันเทิง มองว่า “ค่ายบางค่ายไม่ได้ต่อต้านแฟนฟิกชัน เพราะช่วยเรียกกระแสให้กับตัวศิลปิน แต่ถ้าแฟนฟิกถูกนำไปขายโดยไม่ถูกต้อง ค่ายก็น่าจะไม่โอเคเหมือนกัน”
ด้วยเหตุนี้ แฟนฟิกชันจึงกลายเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมของการติ่งที่ศิลปินและค่ายก็รับรู้เป็นอย่างดี แม้ศิลปินบางคนอาจไม่ได้อ่านแฟนฟิกมากนัก แต่ก็รับรู้ถึงการมีอยู่ผ่านคนรอบตัว หรือแม้แต่ซีรีส์เกาหลีเรื่อง Top Management (2018) ก็เคยออกมาแซวแฟนฟิกชันของแฟนคลับที่มีอยู่ในวงการไอดอลเช่นกัน ความนิยมของแฟนฟิกชันจึงกลายเป็นเหมือนช่องทางในการโปรโมตศิลปินอีกทาง ทำให้คนได้หันมาสนใจและชื่นชอบศิลปินกันมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แฟนฟิกชันก็มีด้านที่เป็นดาบสองคม เพราะอาจจะทำให้ผู้อ่านเกิดภาพจำกับบุคลิกของศิลปินที่ถูกเติมแต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน
นโยบายแพลตฟอร์มจำหน่ายนิยายออนไลน์
แฟนฟิกชันในวัฒนธรรมการติ่งที่แม้จะเป็นที่นิยมอย่างสูงในหมู่แฟนคลับ แต่ก็เป็นพื้นที่สีเทาที่เกิดขึ้นเพื่อความฟินภายในด้อมเท่านั้น แต่ไม่ได้สนับสนุนให้เกิดการหารายได้ โดยแพลตฟอร์มจำหน่ายนิยายออนไลน์อย่างจอยลดาระบุอย่างชัดเจนว่า ไม่อนุญาตให้เปิดขายหรือเก็บเหรียญจากนิยายประเภทแฟนฟิกชัน รวมถึงห้ามติดแท็กชื่อศิลปินหรือกลุ่มแฟนคลับ ยกเว้นกรณีที่ได้รับการอนุญาตอย่างเป็นทางการจากเจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้น
เช่นเดียวกับเว็บเด็กดีที่อนุญาตให้แฟนฟิกชันเปิดรับของขวัญได้ แต่ไม่สามารถเปิดขายได้โดยตรง
ส่วนแอป MEB แพลตฟอร์มร้านหนังสือออนไลน์ที่เปิดโอกาสให้นักเขียนลงขายงานได้ แต่ยังไม่มีนโยบายห้ามลงหรือจำหน่ายเนื้อหาในหมวดแฟนฟิกชัน แต่ต้องไม่ใช้ภาพศิลปินหรือภาพที่นักเขียนไม่ใช่เจ้าของลิขสิทธิ์
กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญากรณีแฟนฟิกชัน
ในทางข้อกฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา หากเป็นกรณีของแฟนฟิกชันที่ดัดแปลงหรือต่อยอดจากผลงานนิยายหรือภาพยนตร์ใดๆ ก็ตามที่ไม่ใช่ผู้สร้างสรรค์เดิม จะถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในข้อกฎหมายถึงงานอันมีลิขสิทธิ์ 9 ประเภท ได้แก่
1. งานวรรณกรรม เช่น หนังสือ บทความ บทกลอน โปรแกรมคอมพิวเตอร์
2. นาฏกรรม เช่น ท่าเต้นท่ารำที่ประกอบขึ้นเป็นเรื่องราว
3. ศิลปกรรม เช่น ภาพวาด ภาพถ่าย
4. ดนตรีกรรม เช่น ทำนองเพลง เนื้อร้อง
5. โสตทัศน์วัสดุ เช่น VCD คาราโอเกะ
6. ภาพยนตร์
7. สิ่งบันทึกเสียง เช่น CD เพลง
8. งานแพร่เสียงแพร่ภาพ เช่น รายการโทรทัศน์
9. งานอื่นใดในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์หรือแผนกศิลปะ เช่น การเพนต์ศิลปะบนร่างกาย
หากเป็นกรณีของการนำบุคคลจริง เช่น ศิลปินหรือดารานักแสดงมาเป็นแรงบันดาลใจในการเขียนแฟนฟิกชัน อาจไม่ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์โดยตรง เนื่องจากตัวบุคคลไม่ถือเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ แต่จะเข้าข่ายการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ในกรณีที่ก่อให้เกิดความเสียหาย
มุมมองของศิลปินและค่าย
โดยส่วนใหญ่ศิลปินกับค่ายมักมองข้ามแฟนฟิกชัน เพราะถือเป็นการโปรโมตไปในตัว และการต่อต้านมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ เนื่องจากบุคคลสาธารณะมักถูกมองว่าต้องยอมรับการนำเสนอในวงกว้าง แต่ถ้าแฟนฟิกชันกลายเป็นผลงานออกสู่สาธารณะ เช่น หนัง ซีรีส์ ผู้เขียนก็อาจมีความเสี่ยงต่อการถูกวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้น ในทางกฎหมายก็ขึ้นอยู่กับว่า ค่ายหรือศิลปินได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด เช่น การเสียผลประโยชน์หรือภาพลักษณ์
ถึงแม้จะมีความเสี่ยงทางกฎหมายไม่มาก แต่การหารายได้จากแฟนฟิกชันมักถูกมองว่าไม่เหมาะสม และเป็นเรื่องจรรยาบรรณนักเขียนมากกว่า
อย่างไรก็ตามบางกรณีแฟนฟิกชันที่ได้รับความนิยมจะถูกนำไปดัดแปลงเป็นนิยายต้นฉบับใหม่ โดยถอดภาพของศิลปินออกทั้งหมดและนำมาแต่พล็อต เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้แฟนฟิกชันถูกปรับเปลี่ยนเป็นผลงานใหม่โดยไม่ละเมิดลิขสิทธิ์โดยตรง
แฟนฟิกชันกับการดัดแปลงสู่ภาพยนตร์และซีรีส์
หลายครั้งที่แฟนฟิกชันได้รับความนิยมอย่างมากด้วยพล็อตที่น่าสนใจ ทำให้ถูกหยิบมาสร้างต่อเป็นภาพยนตร์ อย่าง Fifty Shades ก็เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ถูกดัดแปลงมาจากแฟนฟิกชันเรื่อง Twilight และได้รับความนิยมจนถูกผลิตเป็นภาพยนตร์ หรือ After (2562) ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแฟนฟิกชันของวง One Direction
แน่นอนว่าในประเทศไทยก็มีอีกหลายๆ เรื่องที่ดัดแปลงมาจากแฟนฟิกชัน หนึ่งในนั้นคือเรื่อง Not Me เขา…ไม่ใช่ผม ผลงานในเครือ GMMTV ที่พัฒนามาจากเรื่องแฟนฟิกชันศิลปินเกาหลีวง GOT7 และกลายเป็นประเด็นถกเถียงในกลุ่มแฟนคลับที่ไม่เห็นด้วยกับการนำแฟนฟิกชันมาทำเป็นซีรีส์ โดยมีแฮชแท็ก #แบนnotme เพื่อเรียกร้องให้ค่ายและนักเขียนออกมาแสดงจุดยืน
ลิท-ผดุง สมาจาร ผู้กำกับซีรีส์ SOTUS The Series พี่ว๊ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง (2559) และอีกหลายๆ เรื่องในเครือ GMMTV แสดงมุมมองเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า ซีรีส์เรื่องนี้ซื้อลิขสิทธิ์มาอย่างถูกต้อง เน้นพล็อตเรื่องที่สามารถพัฒนาต่อเป็นซีรีส์ได้ โดยมีการปรับบทและตัวละคร พร้อมข้อความแจ้งเตือนผู้ชมว่า “ตัวละคร พฤติกรรม… เป็นเรื่องสมมติ… โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม” เพื่อรักษาจรรยาบรรณในการผลิตงาน และนี่คือบรรทัดฐานใหม่ของวงการนิยายและซีรีส์ที่ต้องความสำคัญกับที่มาของนิยายต้นฉบับมากขึ้น
จากประเด็นหลายๆ ครั้งที่เกิดขึ้น ทำให้เราเห็นกระแสสังคมจากผู้บริโภคที่มองว่า แฟนฟิกชันควรถูกจำกัดอยู่แค่ในหมวดของแฟนฟิกชันต่อไป ไม่ควรหารายได้จากสิ่งนี้ เพราะเป็นสิ่งที่บุคคลที่สามถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทำให้ถูกจำกัดด้วย
แต่ก็มีคำถามที่เกิดขึ้นและชวนสงสัยว่า ถ้าแฟนฟิกชันนั้นๆ ถูกลบภาพของบุคคลที่ 3 ออกไปจนหมด นักเขียนยังมีสิทธิที่จะขายพล็อตหรือนำไปผลิตเพื่อหารายได้ได้หรือไม่ หรือว่าขอบเขตของลิขสิทธิ์ผู้เขียนแฟนฟิกชันควรอยู่ที่ตรงไหนในการสนับสนุนรายได้แบบถูกลิขสิทธิ์
ที่มา:
– https://www.ipthailand.go.th/images/2562/Suppress/lesson2.pdf
– https://www.facebook.com/share/p/16YEAM6jS7/
Tags: นิยาย, Entertrainment, แฟนฟิกชัน, ติ่ง, โศกาภิวัฒน์, นักเขียน, ศิลปิน, แฟนคลับ