การเกิดปรากฏการณ์ฟ้าแลบ ฟ้าฝ้า และลูกเห็บ รวมถึงสูตรเคมีของน้ำ ‘H2O’ ที่ประกอบด้วยธาตุไฮโดรเจน 2 โมเลกุล กับออกซิเจน 1 โมเลกุล ข้อมูลเหล่านี้คือความรู้พื้นฐานที่เราเคยเรียนกันมา แต่บางคนก็หลงลืมไปแล้ว หรือตอนสมัยเรียนหลายคนอาจจำเรื่องนี้ไม่ได้ จึงตอบข้อสอบไม่เคยถูก
สำหรับนักเรียนที่กำลังเรียนเรื่องนี้อยู่ เบบี้โจลี่สตาร์ (Babyjolystar) หรือ เจมส์-ฤกษ์รัตน์ รุ่งแจ้ง คอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียงจากการทำคลิป Parody เล่นละครสั้นตลกเบาสมองลงในโซเชียลมีเดีย วันนี้เขาได้เปลี่ยนบทบาทมาทำคลิปสรุปบทเรียนลง TikTok และ Instagram โดยผสมผสานการแสดงบทบาทสมมติ เพื่อสรุปความรู้พื้นฐานสั้นๆ ให้นักเรียนได้ทบทวนความรู้ได้สนุกและเข้าใจง่ายระหว่างการไถฟีด
เพราะที่ผ่านมาคอนเทนต์คลิปสั้นบน TikTok กับ Reel มักเป็นคลิปตลก สนุกสนาน เฮฮา กระทั่งเกิดอคติว่า โซเชียลฯ เหล่านี้มีแต่คลิปไร้สาระ และแน่นอนว่าไม่เหมาะสำหรับเด็ก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยที่ปล่อยให้เด็กเล็กเข้าถึงคอนเทนต์เหล่านี้ได้อย่างอิสระ หลายครอบครัวไม่คัดกรองสื่อให้กับลูก เพราะฉะนั้นบรรดาคอนเทนต์ครีเอเตอร์ทั้งหลายจึงต้องผลิตคอนเทนต์ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม เช่น หลีกเลี่ยงการใช้คำหยาบคาย ไม่ทำคลิปกลั่นแกล้งทั้งการกระทำและคำพูด เพื่อชี้นำเด็กไปในทิศทางที่ถูกต้อง
ช่องของเบบี้โจลี่สตาร์ เป็นที่รู้จักในหมู่เด็กจำนวนมาก สังเกตได้จากคอมเมนต์ของช่องที่มักมีเด็กเข้ามาแสดงความคิดเห็นอยู่เสมอ และไม่นานมานี้เบบี้โจลี่สตาร์ได้พัฒนาคอนเทนต์เป็นสื่อการสอนทบทวนบทเรียน นอกเหนือจากคลิป Parody เบาสมองที่ยังคงทำอยู่เป็นปกติ
แต่เนื่องจากอีกบทบาทหนึ่งของเบบี้โจลี่สตาร์คือ การเป็นศิลปินที่แต่งเพลงเองและร้องเอง มีเพลงดังในปีที่ผ่านมา เช่น สตอร์เบอรี่มรกต, ตริ้วออนไลน์, มูแกลล์ และเหิดระบี๋ ซึ่งทำให้หลายคนมองว่า คลิปการสอนเกี่ยวกับฝนตกฟ้าร้องอาจเป็นการโปรโมตเพลงใหม่ชื่อว่า ฝนตกเปาะแปะ ไปด้วยในตัว
แม้จะเริ่มทำได้ไม่นาน แต่กระแสตอบรับจากผู้ชมกลับดีเกินคาด และเริ่มเห็นภาพการทำคลิปอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเน้นที่ความรู้พื้นฐานอย่างการเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติ ไปจนถึงเรื่องเกณฑ์รายได้ที่ต้องเสียภาษี
หลายคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน เช่น ‘ทำบ่อยจนบางครั้งก็คิดว่ากระทรวงศึกษาจ้าง’, ‘ทำอีก สอนแบบนี้เด็กน่าจะสนใจเรียน’, ‘เป็นกำลังใจให้ทำคลิปแนวนี้เยอะๆ นะ เรียนจบแล้วยังชอบดู เหมือนได้ทวนความรู้รอบตัววัยเด็ก สนุกมากด้วย’ รวมถึงความเห็นสนับสนุนให้คุณครูลองเอาไปเปิดให้นีกเรียนดู ‘ดีนะ ครูจะได้เอาไปเปิดในห้องให้เด็กๆด้วย คอนเทนต์ดีมากค่ะ’
ส่วนเด็กๆ เองก็มีคอมเมนต์เชิงบวกเช่นกัน ทั้งที่บอกว่า ‘คลิปนี้ทำให้หนูตอบถูก’, ‘ดังจนครูผมเอามาสอนละ’, ‘ครูสั่งการบ้านพอดีค่ะแล้วครูประจำชั้นส่งมาในกลุ่ม’, ‘เพิ่งเรียนเรื่องนี้ไปวันนี้ แล้วมีเพื่อนในห้องพูดขึ้นมาว่าชอบดูเบบี้โจลี่สตาร์’
สุดท้ายนี้หลายคนอาจลงความเห็นว่า การทำคอนเทนต์ของเบบี้โจลี่สตาร์เป็นเพียงสื่อบันเทิงที่ฉาบฉวย ไม่ใช่สื่อการสอนที่แท้จริงและไม่ยั่งยืน แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นว่าปัจจุบันคอนเทนต์บนโซเชียลฯ เริ่มปรับและพัฒนาให้ผู้ชมได้ประโยชน์มากกว่าแค่ความตลก การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เด็กๆ ได้ทบทวนความรู้โดยไม่ตั้งใจ ซึ่งนับว่าเป็นการขับเคลื่อนสังคมไปในทิศทางที่ดีเท่าที่คอนเทนต์ครีเอเตอร์คนหนึ่งจะทำได้
Tags: เบบี้โจลี่สตาร์, พี่เจมส์, Entertainment, Babyjolystar