เคยไหม ที่เสียงในหัว เข้ามามีอิทธิพลกับเรา
จู่ๆ ก็อยากตะโกนหรือร้องเพลงเสียงดังในวงสนทนา
เห็นถุงข้าวสารในซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วต้องเผลอฟาดลงไปทุกที
หรือเดินผ่านโมเดลรูปมือใน IKEA แล้วอดไม่ได้ที่จะดัดให้กลายเป็นรูปหยาบคาย
‘แพ้เสียงในหัว’ เทรนด์ที่กำลังเป็นไวรัลบนโลกโซเชียลมีเดีย ที่ใครๆ ก็คงเห็นพ้องต้องกันว่า เราก็เคยมีช่วงเวลาเหล่านั้นที่แพ้เสียงในหัวและเผลอทำอะไรแปลกๆ ตามใจตัวเองตอนอยู่กับคนอื่นเช่นเดียวกัน
อาการเหล่านี้อาจจะไม่ใช่แค่สิ่งที่เราคิดไปเองหรือเป็นแค่เทรนด์ที่กำลังไวรัลใน TikTok แต่เป็นอาการที่สามารถอธิบายและเกิดขึ้นได้ในทางจิตวิทยาเรียกว่า Impulsive Thoughts หรือความคิดแบบหุนหันพลันแล่น
ทำไมใครๆ ก็แพ้เสียงในหัว
เสียงในหัวที่ว่านี้ อาจจะไม่ใช่ Inner Monologue หรือเสียงที่ดังก้องอยู่ในหัว แต่ในทางจิตวิทยามีคำอธิบายไว้ถึงลักษณะความคิดที่คล้ายๆ กัน 2 รูปแบบ คือ
Intrusive Thoughts หรือความคิดแทรกซ้อน
อธิบายถึงความคิดที่ชอบผุดขึ้นมาเฉยๆ โดยอาจเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ณ ช่วงเวลานั้น เป็นความคิดที่บอกให้เราทำอะไรบางอย่าง หรือเป็นความวิตกกังวลที่เชื่อมโยงกับอดีตหรืออนาคต ความคิดแทรกซ้อนมักเกิดขึ้นโดยไม่มีสัญญาณเตือนและเข้ามารบกวนจิตใจอย่างกะทันหัน อาจเป็นความคิดรุนแรงหรือความคิดเรื่องเพศที่ก่อให้เกิดความกลัวในจิตใจ
ความคิดเหล่านี้มักสร้างความไม่สบายใจ และอาจทำให้รู้สึกกังวลหรือรู้สึกผิด แต่ยิ่งพยายามไล่มันออกจากหัวเท่าไร มันกลับยิ่งวนกลับมาในหัว
ความคิดแทรกซ้อนอาจเป็นได้ทั้งเรื่องปกติที่เกิดได้กับทุกคน ในเวลาที่ถูกกระตุ้นจาก ความเครียดหรือความวิตกกังวล รวมถึงอาจเป็นผลจากปัจจัยทางร่างกาย อย่างการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
อย่างไรก็ตามแม้ความคิดแทรกซ้อนจะดูน่ากลัว แต่โดยทั่วไปถ้าไม่ใช่ความตั้งใจหรือความปรารถนาแท้จริง ก็ไม่ได้หมายความว่า เราอยากทำสิ่งเหล่านั้นจริงๆ
จากบทความ Managing intrusive thoughts จาก Harvard Health Publishing อธิบายว่า เราสามารถแยกแยะความคิดแทรกซ้อนออกจากตัวตนของเราได้ ด้วยการสังเกตว่า ความคิดนั้นดูไม่ใช่ความคิดของเราและอยากสลัดมันออกไป ซึ่งวิธีรับมือที่ได้ผลคือ ไม่ต้องพยายามไปผลักไสมันออก เพราะยิ่งทำให้ความคิดนั้นวนอยู่ในหัวกว่าเดิม ทางที่ดีควรปล่อยให้ผ่านเข้ามาและออกไป
แต่หากเกิดความคิดแทรกซ้อนบ่อย หรือเริ่มรบกวนชีวิตประจำวันมากขึ้น ความคิดเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับภาวะสุขภาพจิต เช่น โรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD) ทำให้ผู้ป่วยต้องทำพฤติกรรมซ้ำๆ หรือพบได้ในกลุ่มผู้ป่วยโรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ (PTSD) ที่มักเกิดจากเหตุการณ์รุนแรงหรือกระทบกระเทือนจิตใจอย่างหนัก ซึ่งควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาแนวทางการรักษาต่อไป
จริงๆ แล้วอาการแพ้เสียงในหัวคืออะไร
แม้อาการ ‘แพ้เสียงในหัว’ ฟังดูคล้ายกับ Intrusive Thoughts หรือความคิดแทรกซ้อน แต่จริงๆ แล้วใกล้เคียงกับ Impulsive Thoughts หรือความคิดชั่ววูบมากกว่า ที่มักพาเราไปทำบางสิ่งบางอย่างโดยไม่ทันคิด เช่น อยู่ๆ ก็อยากซื้อของที่ไม่จำเป็น อยากกินอาหารขยะ ทั้งที่กำลังควบคุมอาหาร หรือเผลอพูดบางสิ่งขึ้นมาในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม
บางทีอาการแพ้เสียงในหัว อาจอธิบายได้ด้วยทฤษฎี Psychological Reactance หรือความต้องการควบคุมสิ่งที่ควบคุมเรา และความอยากท้าทายเพราะรู้สึกเสรีภาพถูกคุกคาม เพราะยิ่งห้ามก็ยิ่งอยากทำ เช่น ห้ามกดปุ่ม หรือห้ามยิ้มถ้าอยากมีแฟนใหม่
แม้จะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าเสียงในหัวเกิดขึ้นบ่อยๆ ก็อาจกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน กระทบเงินในกระเป๋า หรือความสัมพันธ์ได้เหมือนกัน
ในบทความ Intrusive vs Impulsive Thoughts: What’s the Difference โดย My Psychiatrist มีข้อแนะนำว่า วิธีรับมือกับอาการเหล่านี้คือ ‘ต้องมีสติ’ รู้ทันความคิดตัวเอง พยายามเบี่ยงเบนความสนใจไปเรื่องอื่น หรือเลื่อนเวลาและความอยากเหล่านั้นออกไป ก็จะช่วยลดแรงกระตุ้นให้ทำตามเสียงในหัวได้
ดังนั้นความแตกต่างระหว่าง Intrusive Thoughts กับ Impulsive Thoughts คือการที่ Intrusive Thoughts เป็นความคิดที่ผ่านเข้ามาในหัวและผ่านไป แต่ Impulsive Thoughts เป็นการกระตุ้นให้เราทำมันเดี๋ยวนั้นเลย
สุดท้ายแล้วสาเหตุของอาการแพ้เสียงในหัวอาจมาจากความเครียดในชีวิตประจำวัน หรือการถูกบังคับให้ประพฤติตามกฎตลอดเวลา ก่อให้เกิดความท้าทายในใจเมื่อเสรีภาพถูกคุกคาม อ้างอิงจากทฤษฎี Reactance Theory ที่ใช้อธิบายเวลาที่เราเห็นปุ่มห้ามกดแล้วอาจจะลองกดมัน
อย่างไรก็ตามความคิดเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่เป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ในมนุษย์ทุกคน โดยเราสามารถใช้เทคนิคเล็กๆ ในการควบคุมมันได้ เช่น การทำสมาธิและตระหนักรู้ถึงความคิดที่เข้ามาในหัวหรือการจดบันทึกความคิดที่เกิดขึ้น
แต่หากเราเริ่มรู้สึกว่า เสียงในหัวเหล่านั้นเริ่มนำทางชีวิต อาจจะต้องสังเกตและเริ่มปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ
ดังนั้นจึงไม่เป็นไรเลย ถ้าบางทีเสียงในหัวก็มีความคิดแสบๆ ซนๆ ที่บอกให้เราทำอะไรแปลกๆ ไปบ้าง เพราะทุกคนก็มีเหมือนกัน สำคัญแค่ใครควบคุมใครอยู่เท่านั้นเอง
ที่มา
https://www.health.harvard.edu/mind-and-mood/managing-intrusive-thoughts
https://mypsychiatrist.com/blog/intrusive-vs-impulsive-thoughts-whats-the-difference/
Tags: แพ้เสียงในหัว, Impulsive Thoughts, Intrusive Thoughts, เสียงในหัว, ความคิด, คิด, จิตวิทยา